เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Kong x Stamp FanfictionHanae
(O/S) 21 days Love Theory
  • Title : 21 days Love Theory 
    AU : -
    Pairing : Kong x Stamp
    Rating : PG

    Note1 : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใดๆจะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น



    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

    ทฤษฎี21 วัน คือ ทฤษฎีที่อธิบายถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกกรรมของมนุษย์โดยสาระสำคัญที่ ดร. แมคเวล  มอลท์ (Dr.Maxwell Maltz)เขียนไว้ในหนังสือ Psycho-Cybernetics  ว่า“‘การกระทำ’ จะตกผลึก กลายเป็น ‘นิสัย’ โดยกระทำต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน

     


    หลายคนอาจจะอ่านดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจเพราะศัพท์เฉพาะทางมันช่างยากเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเราเอามันมาสรุปง่ายๆให้เข้าใจก็คือ

     


    ถ้าอยากเก่งอะไรให้ทำสิ่งนั้น ซ้ำๆให้ได้ติดต่อกัน 21วัน

     



    รวมถึงเรื่องความรักด้วย...

     



    ถ้าจะจีบใครให้จีบแค่  21วันแล้วรอปฏิริยาตอบกลับภายใน 5 วัน

     



    ดูเหมือนมันน่าจะยากสักเท่าไหร่คงไม่น่าจะลำบากอะไรสำหรับคนที่เขาแอบปลื้มมาตั้งหลายปี กับแค่ 21 วันในการที่เขาจะได้ทำอะไรตามที่หัวใจของตัวเองเรียกร้อง

     


    เอาหล่ะเขาจะลองดูสักตั้ง

     


    ชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าตรู่เขาเฝ้าคิดอยู่ค่อนคืนว่าจะเอาอะไรมาให้อีกฝ่ายดีคิดจนสมองแทบจะระเบิด

     


    จะเอาดอกไม้ ใครๆก็ให้ดอกไม้กันทั้งนั้นแถมแถวบ้านที่เขาอยู่ยังไม่มีร้านดอกไม้อีก จะให้ดั้นด้นไปซื้อถึงปากคลอดตลาดมันก็ดูว่าระยะทางจากทองหล่อไปจนถึงที่นั่น จะไกลเกินไปสักนิดเป็นอันว่าดอกไม้ตัดออกไปจากลิสต์ได้

     


    ขนมเค้ก ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายจะชอบทานพวกขนมหวานสักเท่าไหร่ นานๆครั้งก็พอจะเห็นบ้างถ้าเข้าใจไม่ผิด เขาว่าพี่ก้องต้องไม่ใช่พวกผู้ชายชอบขนมหวานแน่ๆงั้นก็ตัดออกไปได้

     


    หรือจะเป็นพวกเครื่องประดับดี นาฬิกาก็ดูเข้าที แต่ขอโทษทีเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้นแถมนาฬิกาที่ชายหมุ่มรุ่นพี่ใส่ดูจะแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถ้าซื้อไปให้อีกก็คงจะเป็นการเอามาพร้าวห้าวไปขายสวนมากกว่า

     


    เฮ้อ........แล้วเขาจะเอาอะไรไปให้รุ่นพี่คนนั้นดีล่ะ

     


    ชายหนุ่มเจ้าของชื่อแสตมป์ได้แต่นอนเอามือขวาก่ายหน้าผากอย่างหนักใจไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เวิร์ค

    หรือจะกลับไปแผนการที่จะซื้อดอกไม้เหมือนเดิมแต่ร้านแถวบ้านเขามันมีแค่ร้านขายพวงมาลัยไหว้พระกับดอกบัวบูชาพระแค่นั้นเองจะเอาไปให้คนที่แอบชอบก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นคารพบูชาไปซะก่อน

     


    ไม่ได้เด็ดขาด

     

     


    นึกออกแล้ว

     



    หน้าปากซอยมีร้านน้ำเต้าหู้เจ้าประจำอยู่ร้านนึง เขากินมาตั้งแต่เด็กถือได้ว่าเป็นของเด็ดยามเช้าสำหรับคนแถวนี้เลยก็ว่าได้เอาเป็นว่าเขาจะเอาน้ำเต้าหู้นี่แหละ เป็นหนึ่งในภาระกิจ 21 วันของเขา

    คิดได้แบบนี้แล้วก็ค่อยสบายใจหน่อย คืนนี้เขาจะรีบนอน เพื่อที่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นมาแบบสดใสและเริ่มต้นภาระกิจของเขาเสียที

     

     

    น้ำเต้าหู้ถุงแรกของวันที่หนึ่งถูกนำไปวางไว้ที่หน้ากระจกบานใหญ่ ภายในห้องแต่งตัวของศิลปินมือเรียวค่อยๆบรรจงวางไว้เป็นอย่างดี ด้านข้างเป็นกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กเขียนชื่อของใครบางคนติดเอาไว้

     


    สำหรับพี่ก้อง

     


    ตอนแรกเขาก็ว่าจะวางเอาให้เฉยๆ แต่คิดไปคิดมาเขียนชื่อสำทับเอาไว้ซะหน่อยดีกว่า เผื่อใครไม่รู้จะมาเก็บไปทั้งเสียก่อนถ้าเป็นแบบนั้นจริง แผนทฤษฎี21 ของเขาก็คงจะล้มเหลวตั้งแต่วันแรก

     

     

     

     

     

    และก็เป็นจริงดังคาด

     

     

     

     

    วันแรกล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า

     


    พี่ก้องแทบจะไม่ได้แตะต้องน้ำเต้าหู้ที่เขาซื้อไปให้เลยด้วยซ้ำเขาเข้าไปในห้องแต่งตัวหลังจากที่นักดนตรีรุ่นพี่มาถึงแล้วหวังว่าจะเข้าไปดูผลลัพท์ของมันซะหน่อย แต่กลายเป็นว่าเจ้าของห้องเพียงแค่ยกถุงนั้นขึ้นมาดูพร้อมทั้งยกให้หนึ่งในทีมงานเอาไปทานอย่างใจดี

     


    พี่ก้องใจดี แต่เขานี่สิ

     


    ใจไม่ดีเลย


     

    หรือว่าแผนของเขาจะล้มเหลวตั้วแต่วันแรกกันนะ

     


    แต่นี่ยังเหลืออีกตั้ง 20 วัน

     


    ต้องมีสักวันที่พี่ก้องเขาจะกินน้ำเต้าหู้ของเรา

     

     

     

     

    ในช่วง 5 วันแรก เขาเกือบที่จะถอดใจไปแล้วเพราะพี่ก้องไม่เคยแตะต้องของที่เขาแอบเอามาให้เลย ยกให้คนอื่นทุกครั้ง เขาเองตอนที่มองเห็นได้แต่น้ำตาตกในแถมในวันที่ 5 คนที่พี่ก้องยกน้ำเต้าหู้ถุงนั้นให้ก็คือตัวของเขาเองที่แกล้งทำเป็นเดินเข้าไปในห้องพอดี

     

    ยกแก้วขึ้นมา น้ำตาก็จะไหลไป

     

    น้ำตาไหลตอนกินน้ำเต้าหู้

     

    มันโคตรจะไม่เท่เลยจริงๆ

     

    ถึงใจจะเศร้า แต่ยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม

     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ

     

    ชีวิตรักของแสตมป์ T-T

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งแต่วันนั้น เขาเลยเลิกตั้งความหวังว่าอีกฝ่ายจะต้องกินน้ำเต้าหู้ที่เขาซื้อให้คิดแต่เพียงว่า ขอแค่เขาซื้อไปให้เหมือนทุกวัน จนครบ 21 วันตามภาระกิจก็น่าจะพอใจแล้ว

     

    เมื่อเลิกคิด หัวใจก็เลิกคาดหวัง

     

    พอเลิกคาดหวัง เราก็จะไม่เจ็บอีกต่อไป

     

     

     

    วันที่ 20

    วันก่อนวันสุดท้ายที่ภาระกิจของเขาจะสิ้นสุดลง


    เขายังคงมาที่สตูดิโอแห่งนี้แต่เช้าเหมือนเดิมตั้งแต่เช้า เหลืออีกแค่1 วัน ภาระกิจที่เขาตั้งใจทำก็จะเสร็จสิ้นลงแล้วชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ มือเรียวเอื้อมไปบิดกุญแจรถยนต์ ก่อนจะเปิดประตูคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่วางอยู่เบาะข้างคนขับ และไม่ลืมที่จะหยิบถุงน้ำเต้าหู้ออกมาอย่างเคย

     


    ขายาวๆก้าวไปตามทางอย่างคุ้นเคยรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม เสียงผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดีเจ้าของรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้องแต่งตัวอย่างเช่นทุกเช้า

    มือขวาผลักประตูกระจกเข้าไปอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน กำลังจะวางถุงน้ำเต้าหู้ลงไปที่เดิมที่เคยทำมาตลอด 20 วัน แต่สายตาของเขาไม่บังเอิญไปเจอกระดาษแผ่นเล็กๆพับและวางไว้อย่างดีเสียก่อน ด้านหน้าเขียนไว้อย่างดีด้วยลายมือที่ชายหนุ่มแสนจะคุ้นตา

     


    ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้

     


    เจ้าตัวรีบวางถุงน้ำเต้าหู้ไว้ที่หน้ากระจกหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าจะมีใครมาเห็น ก่อนที่จะรีบหยิบจดหมายฉบับนั้นเก็บใส่ลงในกระเป๋าเสื้อเชิ๊ต และรีบเดินออกมาจากที่เกิดเหตุด้วยกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น

     

    ใจนึงก็อยากจะรีบอ่านจดหมาย อีกใจก็กลัวมาใครจะมาเห็นเข้า


    เขาจะทำยังไงดี


    ชายหนุ่มคิดพร้อมทั้งหัวใจที่เต้นแรงเหมือนคนที่ทำผิดมาจริงๆ


    รีบกลับไปอ่านบนรถดีกว่า ยังไงก็ปลอดภัยกว่ายืนอ่านอยู่ตรงนี้


    และไม่ทันต้องคิดไตรตรองอะไรมาก ขายาวๆรีบพาตัวเองกลับไปที่รถยนต์ที่ลานจอดรถทันที




    ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้

    ขอบคุณสำหรับน้ำเต้าหู้นะครับ

    ก้อง”

    ปล. ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณคือใคร :)

     



    หัวใจของเขากำลังลิงโลด แค่ประโยคสั้นๆไม่กี่ตัวอักษรแต่มันกลับทำให้หัวใจของเขาพองฟูได้ขนาดนี้


     

    ถึงประโยคสุดท้ายจะทำใหเขาหวาดหวั่นกลัวการถูกจับได้แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วนี่นา คงไม่มีใครจับได้หรอก


     

    ชายหนุ่มซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถยนต์ใบหน้ากำลังยิ้มอย่างเต็มที่กับความสุขที่ได้รับอย่างน้อยพี่เขาก็สนใจของที่เราซื้อไปให้แล้วถึงแม้จะไม่รู้ว่าเราเป็นคนซื้อให้ก็ตาม


     

    มัวแต่ยิ้มเขินอยู่กับตัวเองเจ้าของรถไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีใครบางคนมามายืนอยู่ข้างรถและเคาะมาที่กระจกข้างคนขับเบาๆ


     

    แสตมป์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงพลันสายตาก็ประสานไปที่สายตาคมที่กำลังมองมาทางตนเช่นกัน


    เจ้าของสายตาที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของเขา


     

    พี่ก้อง


     

    เสียงเคาะอีกครั้งเรียกสติที่หลุดไปให้กลับมา เขารีบปั้นหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะส่งยิ้มสดใสไปให้กับคนที่อยู่ภายนอก และกำลังก้มหน้าลงมามองเขา


    “เป็นอะไรหรือเปล่าแสตมป์ พี่เรียกตั้งนาน”


    เสียงของพี่เขายังคงอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ฟัง


    “อะ เอ่ออ....ปะ ป่าวครับ” เจ้าของรถละลักละล่ำตอบออกไป


    “แล้วนี่เราจะเข้าไปเลยหรือเปล่า จะได้เข้าไปพร้อมกับพี่”คนด้านนอกยิ้มชวนอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากนั้นให้เขานั่งมองทั้งวันก็ไม่มีทางเบื่อ


    “ครับ ไปเลยครับ”


    ชายหนุ่มรีบแอบซุกจดหมายน้อยฉบับนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายฝั่งเดียวกับหัวใจ ก่อนจะรีบลงมาจากรถพร้อมเดินไปข้างๆกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนรออยู่

     

    แค่ได้เดินเคียงข้างพี่ก้องแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้วไม่ต้องการอะไรมากมายหรอก

     

    ทางเดินจากลานจอดรถถึงตัวอาคารที่เขาเคยคิดเสมอว่ามันไกลกลับสั้นลงอย่างน่าใจหายเมื่อได้เดินเคียงข้างอีกคน

     

     เรื่องคุยเล็กๆน้อยๆที่ทั้งสองต่างสรรหามาเล่าดูช่างเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

     

     

     

     

    มีคนเคยบอกว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอตอนนี้ทั้งคู่เดินเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัวแล้วสายตาของทั้งคู่มองไปที่จุดหมายเดียวกัน คือน้ำเต้าหู้ถุงนั้น

     

    มองไปที่เดียวกัน....แต่ต่างความรู้สึก


    “น้ำเต้าหูอีกแล้ว” เสียงเรียบๆเอ่ยถึงจากนักดนตรีรุ่นพี่ เรียบจนคนรุ่นน้องจับความรู้สึกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพุดขึ้นด้วยอารมณ์แบบไหนกันแน่


    “นั่นสิฮะ เอามาให้พี่ก้องทุกวันเลยเนอะ” เสียงของเขาเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆอย่างพยายามทำบรรยากาศให้สนุกขึ้น

     


    “แสตมป์ พอจะรู้มั้ยว่าใครเอามาให้พี่”

     


    “…”

     


    เขาควรจะรีบตอบออกไปว่าไม่รู้ตามที่สมองสั่งการแต่ปากมันกลัยพูดอะไรไม่ออก เมื่อเจอกับสายตาคมที่กำลังมองมาที่เขา

     


    “ผะ..ผมก็ไม่รู้ครับ”


    ถึงปากจะพูดออกไปว่าไม่รู้แต่ก็ไม่อาจทนมองสบตาเข้มที่กำลังมองมาทางเขาอย่างจับผิดได้


    “แสตมป์ไม่รู้จริงๆเหรอ” เสียงนุ่มยังคงถามอย่างคาดคั้น


    “คือว่า....”ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่ากำลังจะพูดอะไรออกไปสักอย่างแต่เหมือนเจ้าที่เจ้าทางคงจะส่งคนมาช่วยเขาเมื่อทีมงานคนอื่นๆเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาเสียก่อน


    เป็นอันว่าวันนี้เขาเองรอดตัวมาอย่างหวุดหวิด


    เกือบจะโดนจับได้เสียแล้วสิเรา


    แต่ก็เอาน่า พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนะ คงไม่โดนจับได้หรอกชายหนุ่มพยายามคิดปลอบใจตัวเองพร้อมทำงานในวันนั้นอย่างไม่ค่อยจะมีกระจิตกระใจเท่าไหร่

     

     




     

    วันที่ 21

    วันสุดท้ายของภาระกิจส่งน้ำเต้าหู้ของเขา


    จะว่าไปมันก็เหมือนทุกวันแถมวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานที่มีจดหมายฉบับน้อยวางไว้ที่หน้ากระจกตอนที่เขาแอบเข้าไปในห้องแต่งตัว

     

    ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้

    ขอบคุณนะครับ

    ก้อง”

    ปล. คุณจะไม่บอกผมจริงๆเหรอครับว่าคุณเป็นใคร  J


     

    น่าแปลกที่ว่าถึงลายมือจะเขียนหวัดและอ่านยากแค่ไหนแต่เขากลับอ่านมันออกในทันที

     

    ชายหนุ่มรีบเก็บจดหมายลงกระเป๋าเหมือนเดิม


    พรุ่งนี้ก็คงไม่ต้องมาส่งน้ำเต้าหู้แล้วนะคิดไปคิดมาก็อดจะใจหายไม่ได้ เป็นอย่างที่ทฤษฎีบอกไว้จริงๆด้วยว่ามันจะเกิดเป็นความเคยชิน ซึ่งคนที่โดนผลกระทบโดยตรงมันก็คือตัวของเขาเอง

     

    เขาเดินออกจากห้องแต่งตัวนี้ เพื่อไปยังห้องพักของตัวเองโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนนึงที่กำลังมองตามเขาอยู่ 

     

     

     

     

     

    วันที่ 22

    วันที่ไม่มีน้ำเต้าหู้

     

    การทำงานยังคงเป็นเหมือนปกติ ทุกคนต่างตั้งใจทำงานไม่มีใครสนใจว่าถุงน้ำเต้าหู้ไม่ได้วางอยู่บนหน้ากระจกในห้องแต่ตัวเหมือนเคย

     

    ไม่มีเลย

     

     

     




     

    วันที่ 25


    วันนี้ก็ยังคงไม่มีถุงน้ำเต้าหู้เช่นเคย และการทำงานก็เป็นเหมือนทุกวันที่ผ่านมามาถึงที่ตั้งแต่เช้า ทำงานจนเสร็จสิ้นในตอนเย็น

     

    พี่ก้องก็ยังคงมีท่าทางแบบเดิมไม่ได้เดือดร้อนสักนิดที่ไม่เห็นถุงน้ำเต้าหู้อย่างทุกวัน

     

    ทฤษฎี 21 วันมันคงใช้ไม่ได้ผลกับพี่ก้องจริงๆนั่นแหละ

     

    เห็นทีเขาคงต้องเลิกคิดถึงเรื่องนี้เสียแล้ว

     

    ที่จริงแผนการณ์ของเขามันคงพังลงตั้งแต่แรกแล้วสินะ

     

    ไม่น่าจะต้องทำอะไรจนถึง 21 วันเลย

     

    ไม่ต้องทำการลองใจอะไรทั้งนั้น

     

    เพราะอีกฝ่ายไม่เคยคิด

     

    ไม่เคยคิดอะไรเลยจริงๆ

     

     

    ขายาวๆก้าวออกจากสตูดิโอในตอนเย็นพระอาทิตย์สีทองค่อยๆอ่อนแสงลง ช่วงเวลาแห่งกลางวันใกล้จะหมดลงไปแล้วแสตมป์ถอนหายใจทิ้งอย่างเศร้าสร้อย พยายามขจัดความรู้สึกไม่ดีในจิตใจของเขาทิ้งไปแขนซ้ายยกขึ้นมาพาดที่ประตูรถยนต์ ก่อนจะฝังหน้าลงไปนิ่งๆ พ่นลมหายใจยาวออกมาเป็นครั้งสุดท้าย 

     

     

    “แสตมป์”

     

    เสียงเรียกชื่อเขาเบาๆดังมาจากข้างหลังตอนแรกชยหนุ่มคิดว่าตัวเองหูแว่ว มัวแต่คิดถึงใครบางคนจนหูแว่ว แต่กลับต้องรีบหันหลังกลับมาเมื่อได้ยินเสียงแสนจะคุ้นหูเรียกชื่อของตัวเองอีกครั้ง  



    “แสตมป์”

     

    “พี่ก้อง”


    “พี่ยังไม่ได้กลับบ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามคนตรงหน้าก็ในเมื่อเขาเห็นรุ่นนี้คนนี้ออกจากตึกไปแล้ว ทำไมยังกลับเข้ามาอีก


    “พี่ไปซื้อของมา”


    “ครับ” ไม่รู้จะพูดอะไร จึงตอบออกไปได้เพียงแค่นั้น


    พยายามหลบเลี่ยงสายตาที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเองไม่อยากจะยอมรับเลยว่าดวงตาของอีกฝ่ายช่างมีผลต่อการเต้นของหัวใจของเขาเสียจริงๆ


    “จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าพี่ไปซื้ออะไรมา”เสียงนุ่มๆของอีกฝ่ายดังขึ้นมา พร้อมกับร่างสูงที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


    “แล้วพี่ไปซื้ออะไรมาเหรอครับ” เขาตอบออกมาค่อยๆพยายามไม่มองหน้าอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าสายตาจะสื่ออะไรออกไปให้คนรุ่นพี่จับพิรุธได้

     

    “พี่ไปซื้อน้ำเต้าหู้มา”

     

    “...”

     

    “แรกๆพี่ก็กินไม่เป็นหรอกนะแต่พอได้กินทุกวันมันก็อร่อยดี”

     

    “ละ..แล้วพี่มาบอกผมทำไมครับผมไม่ได้เป็นคนซื้อให้ซะหน่อย”

     

    หึ....เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากลำคอนั้นในเมื่อยังไม่ได้โดนจับได้คาหนังคาเขา เขาก็ไม่มีทางยอมรับหรอก

     

    “ก็แค่มาบอกเฉยๆ ปกติพี่ต้องได้กินทุกวันแต่นี่หายไปหลายวันแล้ว พี่เลยต้องไปซื้อเอง”

     

    “...”

     

    “แต่ร้านนี้ไม่เหมือนร้านที่เราซื้อมาให้เลยมันหวานไปหน่อย พี่ไม่ค่อยชอบหวานๆซะด้วยสิ”

     

    “งั้นเหรอครับ” ลมหายใจเหมือนจะสะดุดเมื่อคนเป็นพี่ยังคงขยับเข้าใกล้ามาเรื่อยๆ

    ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย

     

    แต่ในขณะที่เขากำลังจะหัวใจวายตายอีกฝ่ายก็ขยับร่างของตัวเองออกไปเสียก่อนแต่สายตาคมยังคงจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา


    “ขอบคุณสำหรับน้ำเต้าหู้นะแสตมป์”พี่ก้องพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน

     

    แค่ประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่าง

     

    รถสีขาวแล่นออกจากที่จอดรถไปแล้วแต่ตัวของเขายังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมหัวใจยังคงเต้นระรัวจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่


    เสียงเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาอ่านก่อนที่ใบหน้าจะเห่อร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

     

    “หวังว่าพรุ่งนี้พี่จะได้กินน้ำเต้าหู้อีกนะแสตมป์”

     

    เห็นทีเขาต้องรีบไปขอบคุณป้าขายน้ำเต้าหู้ซะแล้วสิที่ทำอร่อยจนอีกฝ่ายติดใจขนาดนี้

     

    พรุ่งนี้เอาขวดเก็บความร้อนไปใส่ดีกว่าพี่ก้องจะได้ทานตอนที่มันยังร้อนอยู่

     

    รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มตั้งแต่เริ่มขับรถออกไปจากลานจอดจนกระทั่งถึงบ้าน แถมคืนนั้นเขายังฝันดีมากๆอีกด้วย

     

     

    ทฤษฎี 21 วัน มันช่างได้ผลดีเกินคาดจริงๆ 



    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


    ใครที่เข้ามาอ่านตอนนี้  อาจจะไม่เหมือนกับตอนแรกที่ลงนะคะ 

    ไปกดอะไรไม่รู้ ฟิคหายหมดเลย T_T 


    เอาเป็นว่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านความเพ้อของเราล่ะกันนะคะ 

    เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ 

    บาย


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Moon Dark (@fb6030958534690)
งื้ออออออ น่ารัก>\\\<
firstteeneung (@firstteeneung)
เป็น21วันที่น่าร๊ากกกกกกกมากๆเลยค่ะ ;/////////; เขินแก้มตุ่ยไปหมดแล้ว
kroknok_ks (@kroknok_ks)
ทำไมเขินนะ?
ไรท์สู้ๆนะคะ✌?
min_mrk (@min_mrk)
??