Title : 21 days Love Theory
AU : -
Pairing : Kong x Stamp
Rating : PG
Note1 : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใดๆจะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ทฤษฎี21
หลายคนอาจจะอ่านดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจเพราะศัพท์เฉพาะทางมันช่างยากเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเราเอามันมาสรุปง่ายๆให้เข้าใจก็คือ
ถ้าอยากเก่งอะไรให้ทำสิ่งนั้น ซ้ำๆให้ได้ติดต่อกัน
…รวมถึงเรื่องความรักด้วย...
ถ้าจะจีบใครให้จีบแค่
ดูเหมือนมันน่าจะยากสักเท่าไหร่คงไม่น่าจะลำบากอะไรสำหรับคนที่เขาแอบปลื้มมาตั้งหลายปี กับแค่
เอาหล่ะเขาจะลองดูสักตั้ง
ชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้าตรู่เขาเฝ้าคิดอยู่ค่อนคืนว่าจะเอาอะไรมาให้อีกฝ่ายดีคิดจนสมองแทบจะระเบิด
จะเอาดอกไม้ ใครๆก็ให้ดอกไม้กันทั้งนั้นแถมแถวบ้านที่เขาอยู่ยังไม่มีร้านดอกไม้อีก จะให้ดั้นด้นไปซื้อถึงปากคลอดตลาดมันก็ดูว่าระยะทางจากทองหล่อไปจนถึงที่นั่น จะไกลเกินไปสักนิดเป็นอันว่าดอกไม้ตัดออกไปจากลิสต์ได้
ขนมเค้ก ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายจะชอบทานพวกขนมหวานสักเท่าไหร่ นานๆครั้งก็พอจะเห็นบ้างถ้าเข้าใจไม่ผิด เขาว่าพี่ก้องต้องไม่ใช่พวกผู้ชายชอบขนมหวานแน่ๆงั้นก็ตัดออกไปได้
หรือจะเป็นพวกเครื่องประดับดี นาฬิกาก็ดูเข้าที แต่ขอโทษทีเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้นแถมนาฬิกาที่ชายหมุ่มรุ่นพี่ใส่ดูจะแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถ้าซื้อไปให้อีกก็คงจะเป็นการเอามาพร้าวห้าวไปขายสวนมากกว่า
เฮ้อ........แล้วเขาจะเอาอะไรไปให้รุ่นพี่คนนั้นดีล่ะ
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อแสตมป์ได้แต่นอนเอามือขวาก่ายหน้าผากอย่างหนักใจไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่เวิร์ค
หรือจะกลับไปแผนการที่จะซื้อดอกไม้เหมือนเดิมแต่ร้านแถวบ้านเขามันมีแค่ร้านขายพวงมาลัยไหว้พระกับดอกบัวบูชาพระแค่นั้นเองจะเอาไปให้คนที่แอบชอบก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นคารพบูชาไปซะก่อน
ไม่ได้เด็ดขาด
นึกออกแล้ว
หน้าปากซอยมีร้านน้ำเต้าหู้เจ้าประจำอยู่ร้านนึง เขากินมาตั้งแต่เด็กถือได้ว่าเป็นของเด็ดยามเช้าสำหรับคนแถวนี้เลยก็ว่าได้เอาเป็นว่าเขาจะเอาน้ำเต้าหู้นี่แหละ เป็นหนึ่งในภาระกิจ
คิดได้แบบนี้แล้วก็ค่อยสบายใจหน่อย คืนนี้เขาจะรีบนอน เพื่อที่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นมาแบบสดใสและเริ่มต้นภาระกิจของเขาเสียที
น้ำเต้าหู้ถุงแรกของวันที่หนึ่งถูกนำไปวางไว้ที่หน้ากระจกบานใหญ่ ภายในห้องแต่งตัวของศิลปินมือเรียวค่อยๆบรรจงวางไว้เป็นอย่างดี ด้านข้างเป็นกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กเขียนชื่อของใครบางคนติดเอาไว้
‘สำหรับพี่ก้อง’
ตอนแรกเขาก็ว่าจะวางเอาให้เฉยๆ แต่คิดไปคิดมาเขียนชื่อสำทับเอาไว้ซะหน่อยดีกว่า เผื่อใครไม่รู้จะมาเก็บไปทั้งเสียก่อนถ้าเป็นแบบนั้นจริง แผนทฤษฎี21 ของเขาก็คงจะล้มเหลวตั้งแต่วันแรก
และก็เป็นจริงดังคาด
วันแรกล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
พี่ก้องแทบจะไม่ได้แตะต้องน้ำเต้าหู้ที่เขาซื้อไปให้เลยด้วยซ้ำเขาเข้าไปในห้องแต่งตัวหลังจากที่นักดนตรีรุ่นพี่มาถึงแล้วหวังว่าจะเข้าไปดูผลลัพท์ของมันซะหน่อย แต่กลายเป็นว่าเจ้าของห้องเพียงแค่ยกถุงนั้นขึ้นมาดูพร้อมทั้งยกให้หนึ่งในทีมงานเอาไปทานอย่างใจดี
พี่ก้องใจดี แต่เขานี่สิ
ใจไม่ดีเลย
หรือว่าแผนของเขาจะล้มเหลวตั้วแต่วันแรกกันนะ
แต่นี่ยังเหลืออีกตั้ง 20 วัน
ต้องมีสักวันที่พี่ก้องเขาจะกินน้ำเต้าหู้ของเรา
ในช่วง 5 วันแรก เขาเกือบที่จะถอดใจไปแล้วเพราะพี่ก้องไม่เคยแตะต้องของที่เขาแอบเอามาให้เลย ยกให้คนอื่นทุกครั้ง เขาเองตอนที่มองเห็นได้แต่น้ำตาตกในแถมในวันที่ 5 คนที่พี่ก้องยกน้ำเต้าหู้ถุงนั้นให้ก็คือตัวของเขาเองที่แกล้งทำเป็นเดินเข้าไปในห้องพอดี
ยกแก้วขึ้นมา น้ำตาก็จะไหลไป
น้ำตาไหลตอนกินน้ำเต้าหู้
มันโคตรจะไม่เท่เลยจริงๆ
ถึงใจจะเศร้า แต่ยังคงต้องปั้นหน้ายิ้มแย้ม
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ชีวิตรักของแสตมป์ T-T
ตั้งแต่วันนั้น เขาเลยเลิกตั้งความหวังว่าอีกฝ่ายจะต้องกินน้ำเต้าหู้ที่เขาซื้อให้คิดแต่เพียงว่า ขอแค่เขาซื้อไปให้เหมือนทุกวัน จนครบ
เมื่อเลิกคิด หัวใจก็เลิกคาดหวัง
พอเลิกคาดหวัง เราก็จะไม่เจ็บอีกต่อไป
วันที่ 20
วันก่อนวันสุดท้ายที่ภาระกิจของเขาจะสิ้นสุดลง
เขายังคงมาที่สตูดิโอแห่งนี้แต่เช้าเหมือนเดิมตั้งแต่เช้า เหลืออีกแค่1 วัน ภาระกิจที่เขาตั้งใจทำก็จะเสร็จสิ้นลงแล้วชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ มือเรียวเอื้อมไปบิดกุญแจรถยนต์ ก่อนจะเปิดประตูคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่วางอยู่เบาะข้างคนขับ และไม่ลืมที่จะหยิบถุงน้ำเต้าหู้ออกมาอย่างเคย
ขายาวๆก้าวไปตามทางอย่างคุ้นเคยรอยยิ้มบางๆประดับอยู่ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม เสียงผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดีเจ้าของรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเข้มพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้องแต่งตัวอย่างเช่นทุกเช้า
มือขวาผลักประตูกระจกเข้าไปอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน กำลังจะวางถุงน้ำเต้าหู้ลงไปที่เดิมที่เคยทำมาตลอด 20 วัน แต่สายตาของเขาไม่บังเอิญไปเจอกระดาษแผ่นเล็กๆพับและวางไว้อย่างดีเสียก่อน ด้านหน้าเขียนไว้อย่างดีด้วยลายมือที่ชายหนุ่มแสนจะคุ้นตา
“ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้”
เจ้าตัวรีบวางถุงน้ำเต้าหู้ไว้ที่หน้ากระจกหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าจะมีใครมาเห็น ก่อนที่จะรีบหยิบจดหมายฉบับนั้นเก็บใส่ลงในกระเป๋าเสื้อเชิ๊ต และรีบเดินออกมาจากที่เกิดเหตุด้วยกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น
ใจนึงก็อยากจะรีบอ่านจดหมาย อีกใจก็กลัวมาใครจะมาเห็นเข้า
เขาจะทำยังไงดี
ชายหนุ่มคิดพร้อมทั้งหัวใจที่เต้นแรงเหมือนคนที่ทำผิดมาจริงๆ
รีบกลับไปอ่านบนรถดีกว่า ยังไงก็ปลอดภัยกว่ายืนอ่านอยู่ตรงนี้
และไม่ทันต้องคิดไตรตรองอะไรมาก ขายาวๆรีบพาตัวเองกลับไปที่รถยนต์ที่ลานจอดรถทันที
“ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้
ขอบคุณสำหรับน้ำเต้าหู้นะครับ
ก้อง”
ปล. ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณคือใคร :)
หัวใจของเขากำลังลิงโลด แค่ประโยคสั้นๆไม่กี่ตัวอักษรแต่มันกลับทำให้หัวใจของเขาพองฟูได้ขนาดนี้
ถึงประโยคสุดท้ายจะทำใหเขาหวาดหวั่นกลัวการถูกจับได้แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วนี่นา คงไม่มีใครจับได้หรอก
ชายหนุ่มซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถยนต์ใบหน้ากำลังยิ้มอย่างเต็มที่กับความสุขที่ได้รับอย่างน้อยพี่เขาก็สนใจของที่เราซื้อไปให้แล้วถึงแม้จะไม่รู้ว่าเราเป็นคนซื้อให้ก็ตาม
มัวแต่ยิ้มเขินอยู่กับตัวเองเจ้าของรถไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีใครบางคนมามายืนอยู่ข้างรถและเคาะมาที่กระจกข้างคนขับเบาๆ
แสตมป์เงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงพลันสายตาก็ประสานไปที่สายตาคมที่กำลังมองมาทางตนเช่นกัน
เจ้าของสายตาที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดของเขา
พี่ก้อง
เสียงเคาะอีกครั้งเรียกสติที่หลุดไปให้กลับมา เขารีบปั้นหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะส่งยิ้มสดใสไปให้กับคนที่อยู่ภายนอก และกำลังก้มหน้าลงมามองเขา
“เป็นอะไรหรือเปล่าแสตมป์ พี่เรียกตั้งนาน”
เสียงของพี่เขายังคงอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ฟัง
“อะ เอ่ออ....ปะ ป่าวครับ” เจ้าของรถละลักละล่ำตอบออกไป
“แล้วนี่เราจะเข้าไปเลยหรือเปล่า จะได้เข้าไปพร้อมกับพี่”คนด้านนอกยิ้มชวนอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากนั้นให้เขานั่งมองทั้งวันก็ไม่มีทางเบื่อ
“ครับ ไปเลยครับ”
ชายหนุ่มรีบแอบซุกจดหมายน้อยฉบับนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายฝั่งเดียวกับหัวใจ ก่อนจะรีบลงมาจากรถพร้อมเดินไปข้างๆกับชายหนุ่มอีกคนที่ยืนรออยู่
แค่ได้เดินเคียงข้างพี่ก้องแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้วไม่ต้องการอะไรมากมายหรอก
ทางเดินจากลานจอดรถถึงตัวอาคารที่เขาเคยคิดเสมอว่ามันไกลกลับสั้นลงอย่างน่าใจหายเมื่อได้เดินเคียงข้างอีกคน
เรื่องคุยเล็กๆน้อยๆที่ทั้งสองต่างสรรหามาเล่าดูช่างเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
มีคนเคยบอกว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอตอนนี้ทั้งคู่เดินเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัวแล้วสายตาของทั้งคู่มองไปที่จุดหมายเดียวกัน คือน้ำเต้าหู้ถุงนั้น
มองไปที่เดียวกัน....แต่ต่างความรู้สึก
“น้ำเต้าหูอีกแล้ว” เสียงเรียบๆเอ่ยถึงจากนักดนตรีรุ่นพี่ เรียบจนคนรุ่นน้องจับความรู้สึกไม่ได้ว่าอีกฝ่ายพุดขึ้นด้วยอารมณ์แบบไหนกันแน่
“นั่นสิฮะ เอามาให้พี่ก้องทุกวันเลยเนอะ” เสียงของเขาเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆอย่างพยายามทำบรรยากาศให้สนุกขึ้น
“แสตมป์ พอจะรู้มั้ยว่าใครเอามาให้พี่”
“…”
เขาควรจะรีบตอบออกไปว่าไม่รู้ตามที่สมองสั่งการแต่ปากมันกลัยพูดอะไรไม่ออก เมื่อเจอกับสายตาคมที่กำลังมองมาที่เขา
“ผะ..ผมก็ไม่รู้ครับ”
ถึงปากจะพูดออกไปว่าไม่รู้แต่ก็ไม่อาจทนมองสบตาเข้มที่กำลังมองมาทางเขาอย่างจับผิดได้
“แสตมป์ไม่รู้จริงๆเหรอ” เสียงนุ่มยังคงถามอย่างคาดคั้น
“คือว่า....”ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่ากำลังจะพูดอะไรออกไปสักอย่างแต่เหมือนเจ้าที่เจ้าทางคงจะส่งคนมาช่วยเขาเมื่อทีมงานคนอื่นๆเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาเสียก่อน
เป็นอันว่าวันนี้เขาเองรอดตัวมาอย่างหวุดหวิด
เกือบจะโดนจับได้เสียแล้วสิเรา
แต่ก็เอาน่า พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนะ คงไม่โดนจับได้หรอกชายหนุ่มพยายามคิดปลอบใจตัวเองพร้อมทำงานในวันนั้นอย่างไม่ค่อยจะมีกระจิตกระใจเท่าไหร่
วันที่ 21
วันสุดท้ายของภาระกิจส่งน้ำเต้าหู้ของเขา
จะว่าไปมันก็เหมือนทุกวันแถมวันนี้ก็เหมือนเมื่อวานที่มีจดหมายฉบับน้อยวางไว้ที่หน้ากระจกตอนที่เขาแอบเข้าไปในห้องแต่งตัว
“ถึงเจ้าของน้ำเต้าหู้
ขอบคุณนะครับ
ก้อง”
ปล. คุณจะไม่บอกผมจริงๆเหรอครับว่าคุณเป็นใคร
น่าแปลกที่ว่าถึงลายมือจะเขียนหวัดและอ่านยากแค่ไหนแต่เขากลับอ่านมันออกในทันที
ชายหนุ่มรีบเก็บจดหมายลงกระเป๋าเหมือนเดิม
พรุ่งนี้ก็คงไม่ต้องมาส่งน้ำเต้าหู้แล้วนะคิดไปคิดมาก็อดจะใจหายไม่ได้ เป็นอย่างที่ทฤษฎีบอกไว้จริงๆด้วยว่ามันจะเกิดเป็นความเคยชิน ซึ่งคนที่โดนผลกระทบโดยตรงมันก็คือตัวของเขาเอง
เขาเดินออกจากห้องแต่งตัวนี้ เพื่อไปยังห้องพักของตัวเองโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีสายตาของใครคนนึงที่กำลังมองตามเขาอยู่
วันที่ 22
วันที่ไม่มีน้ำเต้าหู้
การทำงานยังคงเป็นเหมือนปกติ ทุกคนต่างตั้งใจทำงานไม่มีใครสนใจว่าถุงน้ำเต้าหู้ไม่ได้วางอยู่บนหน้ากระจกในห้องแต่ตัวเหมือนเคย
ไม่มีเลย
วันที่ 25
วันนี้ก็ยังคงไม่มีถุงน้ำเต้าหู้เช่นเคย และการทำงานก็เป็นเหมือนทุกวันที่ผ่านมามาถึงที่ตั้งแต่เช้า ทำงานจนเสร็จสิ้นในตอนเย็น
พี่ก้องก็ยังคงมีท่าทางแบบเดิมไม่ได้เดือดร้อนสักนิดที่ไม่เห็นถุงน้ำเต้าหู้อย่างทุกวัน
ทฤษฎี 21 วันมันคงใช้ไม่ได้ผลกับพี่ก้องจริงๆนั่นแหละ
เห็นทีเขาคงต้องเลิกคิดถึงเรื่องนี้เสียแล้ว
ที่จริงแผนการณ์ของเขามันคงพังลงตั้งแต่แรกแล้วสินะ
ไม่น่าจะต้องทำอะไรจนถึง 21 วันเลย
ไม่ต้องทำการลองใจอะไรทั้งนั้น
เพราะอีกฝ่ายไม่เคยคิด
ไม่เคยคิดอะไรเลยจริงๆ
ขายาวๆก้าวออกจากสตูดิโอในตอนเย็นพระอาทิตย์สีทองค่อยๆอ่อนแสงลง ช่วงเวลาแห่งกลางวันใกล้จะหมดลงไปแล้วแสตมป์ถอนหายใจทิ้งอย่างเศร้าสร้อย พยายามขจัดความรู้สึกไม่ดีในจิตใจของเขาทิ้งไปแขนซ้ายยกขึ้นมาพาดที่ประตูรถยนต์ ก่อนจะฝังหน้าลงไปนิ่งๆ พ่นลมหายใจยาวออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
“แสตมป์”
เสียงเรียกชื่อเขาเบาๆดังมาจากข้างหลังตอนแรกชยหนุ่มคิดว่าตัวเองหูแว่ว มัวแต่คิดถึงใครบางคนจนหูแว่ว แต่กลับต้องรีบหันหลังกลับมาเมื่อได้ยินเสียงแสนจะคุ้นหูเรียกชื่อของตัวเองอีกครั้ง
“แสตมป์”
“พี่ก้อง”
“พี่ยังไม่ได้กลับบ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามคนตรงหน้าก็ในเมื่อเขาเห็นรุ่นนี้คนนี้ออกจากตึกไปแล้ว ทำไมยังกลับเข้ามาอีก
“พี่ไปซื้อของมา”
“ครับ” ไม่รู้จะพูดอะไร จึงตอบออกไปได้เพียงแค่นั้น
พยายามหลบเลี่ยงสายตาที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเองไม่อยากจะยอมรับเลยว่าดวงตาของอีกฝ่ายช่างมีผลต่อการเต้นของหัวใจของเขาเสียจริงๆ
“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าพี่ไปซื้ออะไรมา”เสียงนุ่มๆของอีกฝ่ายดังขึ้นมา พร้อมกับร่างสูงที่ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“แล้วพี่ไปซื้ออะไรมาเหรอครับ” เขาตอบออกมาค่อยๆพยายามไม่มองหน้าอีกฝ่าย เพราะกลัวว่าสายตาจะสื่ออะไรออกไปให้คนรุ่นพี่จับพิรุธได้
“พี่ไปซื้อน้ำเต้าหู้มา”
“...”
“แรกๆพี่ก็กินไม่เป็นหรอกนะแต่พอได้กินทุกวันมันก็อร่อยดี”
“ละ..แล้วพี่มาบอกผมทำไมครับผมไม่ได้เป็นคนซื้อให้ซะหน่อย”
หึ....เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากลำคอนั้นในเมื่อยังไม่ได้โดนจับได้คาหนังคาเขา เขาก็ไม่มีทางยอมรับหรอก
“ก็แค่มาบอกเฉยๆ ปกติพี่ต้องได้กินทุกวันแต่นี่หายไปหลายวันแล้ว พี่เลยต้องไปซื้อเอง”
“...”
“แต่ร้านนี้ไม่เหมือนร้านที่เราซื้อมาให้เลยมันหวานไปหน่อย พี่ไม่ค่อยชอบหวานๆซะด้วยสิ”
“งั้นเหรอครับ” ลมหายใจเหมือนจะสะดุดเมื่อคนเป็นพี่ยังคงขยับเข้าใกล้ามาเรื่อยๆ
ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย
แต่ในขณะที่เขากำลังจะหัวใจวายตายอีกฝ่ายก็ขยับร่างของตัวเองออกไปเสียก่อนแต่สายตาคมยังคงจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา
“ขอบคุณสำหรับน้ำเต้าหู้นะแสตมป์”พี่ก้องพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆกัน
แค่ประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกอุ่นวาบไปทั้งร่าง
รถสีขาวแล่นออกจากที่จอดรถไปแล้วแต่ตัวของเขายังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมหัวใจยังคงเต้นระรัวจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่
เสียงเตือนข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาอ่านก่อนที่ใบหน้าจะเห่อร้อนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“หวังว่าพรุ่งนี้พี่จะได้กินน้ำเต้าหู้อีกนะแสตมป์”
เห็นทีเขาต้องรีบไปขอบคุณป้าขายน้ำเต้าหู้ซะแล้วสิที่ทำอร่อยจนอีกฝ่ายติดใจขนาดนี้
พรุ่งนี้เอาขวดเก็บความร้อนไปใส่ดีกว่าพี่ก้องจะได้ทานตอนที่มันยังร้อนอยู่
รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มตั้งแต่เริ่มขับรถออกไปจากลานจอดจนกระทั่งถึงบ้าน แถมคืนนั้นเขายังฝันดีมากๆอีกด้วย
ทฤษฎี 21
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ใครที่เข้ามาอ่านตอนนี้ อาจจะไม่เหมือนกับตอนแรกที่ลงนะคะ
ไปกดอะไรไม่รู้ ฟิคหายหมดเลย T_T
เอาเป็นว่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านความเพ้อของเราล่ะกันนะคะ
เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ
บาย
ไรท์สู้ๆนะคะ✌?