เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Kong x Stamp FanfictionHanae
(O/S) Feel it Still (In my Feeling)
  • Title : Feel it Still (In my Feeling)
    AU : -
    Pairing : Kong x Stamp
    Rating : PG

    Note1 : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใดๆจะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น



     

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



    มันคงเป็นความรัก


    ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้


    มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน


    ไม่ยอมหยุดเสียที

     

    แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส


    แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที


    แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้

     


    เสียงของนกกาบนต้นไม้ข้างนอกหน้าต่างเปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีสำหรับใครบางคนและแน่นอนว่าไม่ใช่ผม ผู้ที่ต้องพึ่งเทคโนโลยีในการปลุกให้ตื่นนอนอยู่เสมอ แสงแดดอ่อนๆของพระอาทิตย์ยามเช้า ส่องแสงรอดม่านหน้าต่างห้องเข้ามาตกกระทบลงบนเปลือกตาของผมที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างสบายอารมณ์


    อันที่จริงก็ไม่ได้หลับสบายนักหรอก เมื่อคืนกว่าจะหลับได้นาฬิกาก็บอกเวลาล่วงเข้าวันใหม่มานานแล้ว ทั้งๆที่ผมเองก็เพิ่งไปเล่นดนตรีกลับมา ปกติจะต้องเหนื่อยจนแทบสลบแต่เมื่อคืนนี้กลับตรงกันข้ามความตื่นเต้นมันเข้าเล่นงานผมโดยที่ผมเองก็รู้ตัวนั่นแหละ แต่จะทำยังไงได้ผมห้ามตัวเองไม่ได้นี่นา


    ในเมื่อมันตื่นเต้นเสียจนนอนไม่เต็มอิ่ม ก็ตื่นมันซะเลยคงไม่มีอะไรจะแย่ไปมากกว่านี้แล้วผมได้แต่หวังว่าน้ำจากฝักบัวเย็นๆคงจะเรียกความสดชื่นมาให้ผมบ้างไม่มากก็น้อย และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ น้ำเย็นๆมันทำให้ผมสดชื่นมากกว่าตอนลืมตาตื่นขึ้นมาเสียอีก


    ปัญหาใหญ่อีกอย่างที่ตามมานั่นก็คือ ผมจะใส่เสื้อผ้าชุดไหนดีนะ จะให้เลือกใส่เสื้อสีพื้นๆคู่กับกางเกงยีนส์ตัวโปรดมันก็จะดูธรรมดาจนเกินไปก็วันนี้มันเป็น 

    วันพิเศษ’ 

    ของผมนี่นาก็อยากจะแต่งตัวให้มันดูดีขึ้นมาหน่อย เพื่อสร้างความประทับใจเล็กๆน้อยๆให้แก่คนๆนั้น


    กางเกงสีเหลือง กับเสื้อน้ำเงินเข้ม หวังว่ามันคงจะไม่แย่จนเกินไปนะชุดนี้ผมตั้งใจเลือกกับมือเลยทีเดียว จะว่าไปผมมีเสื้อคลุมสีครีมในตู้อีกตัวนึงนี่นา ถ้าเอามาใส่กับชุดนี้คงจะดีไม่น้อย


    ถึงจะเขินๆไปหน่อยแต่ผมรู้สึกว่าตัวเองดูดีมากในชุดนี้


    หวังว่าเขาก็คงคิดเหมือนผมนะ

     






     ท้องถนนวันนี้ก็ดูโล่งผิดปกติ ตามธรรมดารถจะต้องแน่นตั้งแต่หน้าปากซอยบ้านของผมแล้ว แต่วันนี้ผิดคาดมากเหมือนทุกอย่างช่างเป็นใจให้ผมเสียจริงๆ แถมคลื่นวิทยุยังเปิดเพลงที่ผมชอบอีก วันนี้มันจะวิเศษเกินไปแล้วนะ ผมได้แต่ฮัมเพลงไปตามทำนองที่ดังออกมาจากลำโพงของรถยนต์ที่ขับอยู่


    ด้วยความที่คิดว่ารถติดแน่ๆ ผมเลยออกจากบ้านตั้งแต่เช้ากะว่าคงมาถึงใกล้ๆเวลานัดหมายพอดี แต่ดูเหมือนกับว่าวันนี้ผมจะมาก่อนเวลาพอสมควร ดูจากลานจอดรถที่ว่างมากขนาดนี้ แสดงว่าทีมงานคงยังไม่ค่อยมากันซักเท่าไหร่ 


     ผมดับเครื่องยนต์ นั่งสูดลมหายใจเข้าปอดลึกอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูและก้าวขาลงจากรถ ใครบางคนเคยบอกผมว่าให้ก้าวขาขวาก่อนแล้วจะโชคดีไปทั้งวันแต่ผมดันพลาดก้าวขาซ้ายไปแล้วน่ะสิ


    ได้แต่หวังว่าแต้มบุญของผมจะยังพอมีเหลืออยู่บ้างและภาวนาให้วันนี้ทุกอย่างมันออกมาดีก็พอแล้ว


    ระยะเวลาที่ห่างหายไปเกือบสามปี ทำให้ผมออกจะประหม่าไปสักเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าประตูมา คุณลุงยามที่กำลังโบกรถถึงกับยิ้มอย่างดีใจที่เห็นหน้าของผม แกทำงานที่นี่มานานหลายปีแล้วก่อนผมซะอีก สมัยก่อนตอนที่ผมยังมาที่สตูดิโอนี้บ่อยๆ ลุงยามแกรู้ใจถึงขั้นกันที่จอดรถไว้ให้ผมโดยเฉพาะ ผมเองก็ไม่มีอะไรตอบแทนลุงแกมาก จะมีก็เพียงแค่น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋บ้าง โจ๊กหมูบ้างบางวันก็เป็นเพียงแค่เครื่องดื่มชูกำลังเพียงขวดเดียว


    ผมมองซ้ายมองขวาพยายามหาคนที่พอจะคุ้นหน้าบ้างจะว่าผมเป็นเด็กใหม่ก็ไม่เชิง ถึงแม้ว่าจะเคยร่วมงานกันมาก่อนแต่การที่คุณหายไปนานถึงสามปี ในวันที่ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ผมว่าใครจะก็อดที่จะตื่นเต้นกันไม่ได้ทั้งนั้นแหละ


    ในที่สุดผมก็เจอ น้องทีมงานคนที่ผมค่อนข้างที่จะคุ้นเคยด้วยน้องคนนี้อยู่กับผมมาตั้งแต่วันแรกที่ผมมาอัดรายการที่สตูแห่งนี้


    “พี่แสตมป์เข้าไปนั่งรอในห้องพักก่อนนะครับ คนอื่นยังไม่มีใครมาเลยเดี๋ยวผมเอาน้ำกับของว่างมาให้” น้องคนนั้นพูดเสร็จหายออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผมนั่งอยู่ในห้องรับรองเพียงคนเดียว คงจะไปเตรียมงานต่อ เพราะว่าวันนี้เป็นวันอัดรายการวันแรกทุกอย่างคงจะวุ่นวายน่าดู


    ใครจะไปรู้ว่ารายการนึงที่เริ่มฉายตั้งแต่เมื่อ 7 ปีก่อนจะกลายมาเป็นรายการดังขนาดนี้ ไม่มีใครคิดว่ารายการนี้จะเปลี่ยนชีวิตของหลายๆคนไปซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นผมด้วย

     

    จากนักร้องธรรมดาคนนึงที่ร้องเพลงด้วยความรัก ทำเพลงออกมาจากใจจะโด่งดังมากขึ้นจากที่เป็นอยู่ได้ เพียงแค่วันแรกที่ฉายผู้คนต่างก็ชมชอบรายการนี้กันมาก หลังจากจบซีซั่น เล่นเอางานผมมากขึ้นจนแทบตกใจจากที่เคยเล่นดนตรีอาทิตย์ละ 3-4 วัน กลายเป็นผมมีงานแทบจะทุกวันแทบจะทั้งปี ถึงจะเหนื่อยแต่ผมก็มีความสุขนะ เพราะว่าผมรักการเล่นดนตรียังไงล่ะ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักแถมได้เงิน ใครๆก็แฮปปี้ทั้งนั้น


    ในปีแรกตอนแรกทีทีมงานติดต่อมา ผมลังเลอยู่นานจะให้ผมไปตัดสินใจเลือกใครคนใดคนนึงเข้ารอบมันเป็นสิ่งที่ยากมากพอๆกับให้เลือกว่าระหว่างเฟรนช์ฟรายแมคโดนัลกับเคเอฟซี เจ้าไหนอร่อยกว่ากัน ผมเลือกไม่ได้หรอก แถมผมเองก็ไมได้มีฝีมือมากขนาดนั้น จะให้ไปโค้ชใคร ไปสอนใครเขาผมคงทำไม่ได้ดีนัก


    ทีมงานพยายามตามกล่อมผมอยู่นาน จนในที่สุดผมก็ใจอ่อนจนได้ เมื่อทีมงานมาบอกผมว่าโค้ชอีกสามคนตอบรับเข้าร่วมรายการแล้วและหนึ่งในสามคนก็มีบางคนที่ผมปลื้มเป็นพิเศษอยู่แล้วด้วย


    ผู้ชายที่เล่นกีต้าร์แสนเท่คนนั้น คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมในการเล่นดนตรีมาถึงทุกวันนี้

     


    “พี่ก้อง”


    ดูเหมือนผมจะรำลึกความหลังนานไปหน่อย เลยไม่ได้สังเกตุว่าผมมีเพื่อนร่วมห้องหลายคนแล้ว พี่ปาน และอาแต๋ม ผมเองก็รู้จักทั้งสองคนเป็นอย่างดี เพียงแต่ยังไม่เคยร่วมงานกัน จากห้องที่เคยเงียบตอนที่ผมนั่งอยู่คนเดียวกลับมีความครึกครื้นขึ้นมาเมื่อมีหลายๆคนมารวมๆกัน เรื่องราวต่างๆถูกถ่ายทอดสู่กันฟังภายในห้องพักรับรองห้องนี้


    “หวัดดีครับพี่ก้อง”


    เสียงของใครสักคนนึงเอ่ยทักผู้ที่มาใหม่ชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังก้าวเท้าเข้ามายังห้องพักที่พวกผมนั่งกันอยู่ก่อน  รัศมีความหล่อแผ่ซ่านมาแต่ไกลเหมือนใครมาสาดไฟสปอร์ตไลท์ในทุกย่างก้าวของเขาอย่างนั้นแหละ คุณอาจจะคิดว่าผมเว่อแต่ผมรับรองด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลย การเดินเข้ามาของผู้ชายคนนี้สะกดทุกสายตาจริงๆ



    พี่ก้องไล่ทักทายทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ปกติจะต้องเป็นเขาเองที่อาวุโสที่สุดแต่ในงานนี้กลับมีคนที่อาวุโสกว่านั่นก็คืออาแต๋ม พี่ก้องรับไหว้ทุกคน กอดทักทายกันราวกับไม่ได้เจอหน้ากันมานาน ทั้งๆที่พี่เขาอยู่มาทุกซีซั่น


    “อ้าวแสตมป์” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักขึ้นมา รอยยิ้มสว่างสดใสราวกับพระอาทิตย์ตอนเช้า


    ในที่สุดพี่เขาก็เห็นผม รอยยิ้มบางๆถูกส่งกลับไปให้หลังจากคำทักทายนั้น มือของผมเย็นมาก และผมต้องเอื้อมมือไปจับกับมือของพี่ก้องพี่เขาจะรู้มั้ยนะว่าผมตื่นเต้นขนาดไหน แต่ยังไม่ทันที่มือจะแตะกัน


    ผมก็รู้สึกถึงการกอดรัดแรงๆที่ถูกส่งมาจากคนที่ตัวใหญ่กว่า มือใหญ่ๆตบมาที่บ่าของผมเบาๆ กลิ่นน้ำหอม อ่อนๆ ที่แสนจะคุ้นเคยโชยมาแตะที่ปลายจมูกของผม


    โปโลแบล็คกลิ่นเดิม


    ที่จริงมันใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาทีซะด้วยซ้ำ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันนานขนาดนี้นะ อาจจะเป็นเพราะผมยังคงตกตะลึงและติดอยู่ในห้วงภวังค์ของตัวเองก็เป็นได้


    น้ำเสียงอบอุ่นยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผม จับใจความไม่ได้ว่านักดนตรีรุ่นพี่พูดอะไรกับผมบ้าง แต่ที่แน่ๆผมคงทำหน้าประหลาดๆออกไปหาพี่ก้องอย่างแน่นอน เพราะดูจากรอยยิ้มขำขันแกมเอ็นดูแถมมือใหญ่ยังเลื่อนมาขยี้ผมของผมซะอีก

     

    ผมไม่ใช่เด็กเล็กๆแบบเมื่อก่อนแล้วนะ


    ยังไม่ทันได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเท่าไหร่ทีมงานก็มาจับพวกเราแยกห้องไปแต่งหน้าแต่งตัวเสียก่อน กว่าจะเสร็จก็ได้เวลาถ่ายทำพอดี


    มีอะไรอยากจะพูดอยากจะคุยกับพี่ก้องตั้งหลายอย่างแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เอื้ออำนวยเลย

     

    ให้ตายพับผ่า!!!

     













    “คัท..... พักกอง 1 ชั่วโมงค่ะ”


    เสียงสวรรค์ดังขึ้นหลังจากที่ถ่ายรายการนานถึงสามชั่วโมง สามชั่วโมงที่มีแต่เสียงหัวเราะ ถึงจะสนุกแต่ก็เหนื่อยผมคิดพร้อมกับเดินไปห้องทานข้าว อยากได้น้ำส้มเย็นๆสักแก้วจัง คงจะชื่นใจไม่น้อย


    ความคิดยังไม่ทันจางหาย น้ำส้มแก้วใหญ่ก็ถูกยื่นมาที่หน้าของผม ไอเย็นของมันยังจับอยู่ที่ข้างแก้ว ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปก็พอจะเดาออกว่าใครเป็นคนเอามาให้ผม


    “จำได้ว่าแสตมป์ชอบน้ำส้ม พี่เลยเอามาให้”


    “ขอบคุณครับพี่ก้อง”


    พูดได้เพียงแค่นั้นก็ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบครองห้องนี้อีกหน พี่ก้องไม่พูดอะไร เพียงแค่ทำหน้ายิ้มๆตามสไตล์ ผมกำลังจะเอ่ยปากชวนคุยก็พอดีว่าคนอื่นๆเข้ามาในห้องเสียก่อน


    เฮ้อ.....


    ทำไมจังหวะเราถึงไม่ตรงกันเสียทีนะ








    หลังจากทานข้างเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับถ่ายต่อไปในตอนบ่าย ผมเองก็กลับมาที่ห้องพักส่วนตัวกำลังคิดอยู่ว่าจะหาเพลงฟังขั้นเวลา ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาเลือกเพลงในลิสต์ส่วนตัวอยู่นั้น ผมไม่ได้รู้เลยว่าใครบางคนที่ผมอยากจะคุยด้วยใจจะขาดได้เข้ามาอยู่ในห้องเดียวกันผมแล้ว


    ผมถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบกับร่างสูงใหญ่ของพี่ก้องที่ก้มมามองผมพอดี


    “ฟังเพลงอะไรอยู่ ขอพี่ฟังด้วยคนได้มั้ยแตมป์”


    เสียงอบอุ่นเอ่ยถามผมโดยที่อีกฝ่ายหย่อนตัวเองลงนั่งที่โซฟาข้างๆผมแล้ว เห็นดังนั้นผมเลยรีบถอดหูฟังออกเพื่อคุยกับคนข้างๆ


    “ผมนึกว่าพี่จะไปพักเสียอีก”


    “ไม่อ่ะ มาคุยกับเราดีกว่า ไม่ได้คุยกันตั้งนาน”


    “...”


    “คิดถึง” พี่ก้องเงียบไปซักพักหนึ่งก็พูดคำนี้ขึ้นมา


    “...”


    “เป็นยังไงบ้าง ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเลยนะ ช่วงนี้งานเยอะเลยล่ะสิ”


    “ก็พอสมควรครับ แล้วพี่ล่ะ สบายดีนะครับ เห็นพี่ตามโทรทัศน์บ่อยๆ” ผมหมายถึงโฆษณาของพี่ก้อง เห็นบ่อยจนตั้งฉายาเจ้าพ่อพรีเซนต์เตอร์ให้ในใจ


    “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ยังดีกว่าไม่มีงาน”


    “ว่าแต่ทำไมพี่ถึงรับงานนี้ล่ะครับ งานหลักเพิ่งจบไป” เดอะวอยซ์ไทยแลนด์เพิ่งจบผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำพี่ก้องถึงรับงานเดอะวอยซ์ซีเนียร์อีก จึงได้ถามออกไป


    “ไม่มีอะไรมาก ทีมงานมาบอกพี่ว่าจะมีรายการนี้ พี่เลยลองให้ไปถามเราถ้าเราตกลงพี่ก็จะทำ”


    “แล้วผมก็ตกลง”


    “ใช่ แล้วเราล่ะ ทำไมรับงานนี้ไหนตอนนั้นบอกว่าอยากไปทำงานเพลงเต็มตัว”


    “ทีมงานเขามาชวนผม ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไป แต่เขาบอกว่าพี่ก็ยังอยู่ด้วยผมเลยตัดสินรับ”


    “งั้นแสดงว่า ถ้าพี่ไม่รับ เราก็ไม่รับเหรอ”


    “ใช่ครับ”


    “งั้นแสดงวว่าเราใจตรงกัน”


    “ใจตรงกันตรงไหนครับ”


    “ก็ถ้าเราไม่รับ พี่ก็คงไม่ทำเหมือนกัน”


    "..."


    “ที่พี่บอกว่าคิดถึง พี่คิดถึงจริงๆนะ”


    “ผมก็คิดถึง ผมหมายถึงคิดถึงการทำงานกับทีมงานนี้คิดถึงบรรยากาศกองถ่าย อะไรแบบนี้ครับ”


    พี่ก้องมองหน้าผม สายตาคมมีร่องรอยบางอย่างที่ผมเห็นแล้วรู้สึกคันยุกยิกในหัวใจ รอยยิ้มยังคงประดับริมฝีปากอยู่เสมอ พยักหน้าน้อยๆเหมือนตั้งใจฟังที่ผมแก้ตัว ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าตั้งใจฟังที่ผมบอกต่างหาก



    เรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกสักพักทีมงานก็เข้ามาตามเราสองคนให้เข้าไปถ่ายทำต่อ


    “ผมขอถ่ายเซลฟี่คู่กับพี่ได้มั้ยครับ” ในที่สุดก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขอออกไป พยายามไม่มองสบตาเพราะกลัวว่าความประหม่าจะทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยขอ


    “ได้สิ” ไม่รอช้า ร่างสูงของพี่ก้องก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิมระยะใกล้มากจนผมกลัวว่าพี่เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่เต้นดังโครมครามอยู่ภายใน


    มือสั่นๆของผมพยายามกดชัตเตอร์ แต่ดูเหมือนจะกดไม่ได้สักที


    “รูปไม่ชัดเลยแตมป์ เอาใหม่”


    กลายเป็นผมต้องถ่ายรูปอีกครั้ง ครั้งนี้พี่เขาขยับหน้าเข้ามาใกล้อีก คอเอียงน้อยๆมาทางผม ปากผมต้องสั่นแน่ๆ งั้นผมทำหน้าตลกๆไปเลยละกัน จะได้แก้เขิน


    “เอารูปนี้แหละ แตมป์ลงรูปนี้นะ” พี่ก้องพูดขึ้นมาข้างๆผมพร้อมทั้งใช้นิ้วเรียวของเขาชี้มายังรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ ผมได้แต่พยักหน้า จริงๆก็ว่าจะลงรูปนี้แหละ 


    นี่แสดงว่าใจเราตรงกันอีกแล้วนะ



    “พี่เพิ่งเห็น เราใส่เสื้อสีน้ำเงินเหมือนกันเลย”


    พี่ก้องพูดพร้อมยืนขึ้น เอื้อมมือมาฉุดผมให้ลุกจากโซฟาอยากจะบอกว่านี่ผมตั้งใจใส่สีนี้มาเพื่อพี่เลยแหละ ใครจะไปคิดว่าเราจะใส่สีเดียวกันได้


    คนเราจะต้องใจตรงกันสักกี่รอบในหนึ่งวัน ผมอยากจะถามพระเจ้าแต่ท่านคงไม่ว่างมาตอบคำถามไร้สาระของผมหรอก


     ผมสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองเล็กน้อย เก็บโทรศัพท์มือถือ ตั้งใจว่าจะมาลงรูปในโซเชียลหลังจากที่เสร็จการถ่ายทำในวันนี้  กำลังจะเดินออกจากห้อง แต่พี่ก้องกลับหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะหันหน้ามาทางผม พูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน





    “ที่พี่บอกว่าคิดถึง พี่คิดถึงนาย ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”

     



    ความร้อนวูบแล่นเข้ามาที่หน้าผม พูดเสร็จก็หันหลังเดินจากไปทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว บ้าจริง...หน้าต้องแดงแน่ๆ อายุก็ตั้งเท่านี้แล้วทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นไปได้ ผมได้แต่ด่าตัวเอง แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆนี่นาหรือคุณคิดว่ายังไง 





    มันคงเป็นความรัก


    ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้


    มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน


    ไม่ยอมหยุดเสียที

     

    แม้ว่าเหมือนไม่มีโอกาส


    แม้ว่าฉันต้องพลาดไปอีกสักที


    แต่ว่าความรัก ก็ยังขอให้ฉันทำแบบนี้



    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



    อ่านจบแล้วไปหวีดกันได้ที่แท็ก #ก้องแตมป์ ในทวิตเตอร์นะคะ 


    ทุกคอมเม้นต์ ทุกข้อความคือกำลังใจของคนแต่งนะคะ ❤️

    แล้วเจอกันใหม่ค่ะ 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Moon Dark (@fb6030958534690)
คิดถึงคู่นี้~~~~~ งื้อออออออ
firstteeneung (@firstteeneung)
แงงงงงงงงงงงงงงงงงง หวานมากเฟร่อ ใจตรงกันบ่อยขนาดนี้เขาต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆเลยค่ะแม่ย์ ;//////; ดีใจที่เขากลับมาร่วมงานกันอีก งค่ะ เรือเราจะต้องแบ่นอย่างโอ่อ่าในน่านน้ำค่ะ ฮืออออ
boongkiiiiie (@boongkiiiiie)
แงงงง คิดถึงก้องแตมป์มากเลย อ่านคู่นี้ทีไรก็รู้สึกอบอุ่น ไว้แต่งมาอีกนะคะ ❤️