เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วไม่จำนักจูนเสียงเปียโนผู้ทุกข์ระทม
อ่านแล้วไม่จำ: ปฐมบท
  • รู้จักเราหน่อย

    .

    .

    เราอ่านหนังสือแก่แดดมาตั้งแต่พออ่านหนังสือออก โตมากับคอลัมน์ผัวเมียละเหี่ยใจก็ว่าได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้เข้ามาควบคุมการอ่านอะไรหรอก ทำให้เราได้อ่านหนังสือผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็กแม้จะไม่เข้าใจความทุกข์ระทมหม่นหมองของผู้ใหญ่ พูดง่ายๆ คือไม่ได้อินเพราะยังไม่มีประสบการณ์มากพอ คราวนี้ เราเริ่มโตเริ่มรู้ความขึ้นหน่อย แทนที่เราจะอ่านหนังสือน่ารักไปตามวัย เราก็ขวนขวายหาเรื่องที่มัน deep, dark fear ขึ้นไปอีก ก็เริ่มเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่หน่อยๆ แล้วนี่นา

    เริ่มโตขึ้นมาอีกสักประถมปลายก็รู้จักเรื่องอีโรติก ก็ไม่ได้เข้าใจมากหรอก แต่ก็นะ อ่านแล้วตื่นเต้นเลยรู้สึกว่า โหวววว มันเจ๋งจัง แล้วชีวิตก็จมอยู่กับเรื่องใต้สะดือไปพักใหญ่จนม.ต้น ยังไม่ค่อยรู้จักรสชาติอร่อยของวรรณศิลป์นอกจากเรื่องราวที่เร้าอารมณ์ไปเรื่อย มีอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชนบ้างเหมือนกัน แต่ห้องสมุดโรงเรียนวัดเรามันมีหนังสือน้อยนิด เราเลยอ่านซ้ำๆ วนๆ แล้วไปอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น โอย แล้วสมัยนั้น การ์ตูนวายโคตรจะใต้ดิน แต่แม่ไม่รู้ ซื้อมาให้เราอ่าน ผลคือยิ่งกู่ไม่กลับ ไปสู่โลกแห่งจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดเข้าซะแล้ว เข้าแล้วออกจากวังวนไม่ได้ เคยได้ยินไหม

    เราเรียนภาษาไทยตอนม. ต้นก็งั้นๆ แหละ เกือบสอบตกด้วย เพราะติดการ์ตูนงอมแงม แต่พอสักช่วงที่ต้องเลือกสายเรียนต่อ เราเข้าห้องสมุดบ่อยขึ้น แม้จะไม่มีอะไรอย่างที่ชอบหาอ่านในคู่สร้างคู่xx หรือนิตยสารหัวนิยายในสมัยนั้น เราก็ชอบเข้าไปตากแอร์เล่นจนเย็น แต่เดชะบุญ เป็นช่วงที่แฮร์รี่นักปั้นหม้อได้โด่งดังขึ้นพอดี และเราโชคดีที่ได้ยืมเล่มหนึ่งเล่มสองมาพร้อมกัน ตอนนั้นเราเหมือนปลาเปลี่ยนน้ำ แมร่งทำไมอร่อยจังวะ เด็กน้อมผมซอยติ่งหูได้เปิดการ์ดโลกใหม่อีกแล้ว จะถือว่าเป็นเล่มเบิกเนตรก็ได้นะ เราก็เลยเริ่มอ่านเรื่องอื่นๆ ในแนววรรณกรรมเยาวชน เราอ่านหมดอ่ะในห้องสมุด อ่านจนไม่มีอะไรจะอ่าน อ่านจนไม่ทำการบ้าน เราก็เริ่มขยับไปนิยาย เราก็ด้วยนิยายรักคลาสสิกก่อนสิคะ ทมยันตี ทมยันเตอ มารู้จักเอาตอนนี้ แต่แปลกที่เราไม่ค่อยอ่านจนจบ ถ้าเรื่องไหนพ่อแง่แม่งอนนักจะหมั่นไส้ตัวละครและพานอ่านไม่จบ เราก็พอจับได้รางๆว่า รักหวานแหววหรือว่านางเอกงี่เง่าพระเอกโง่นี่ เราจะอ่านข้ามๆ ไปจนจบ คราวนี้ก็เลยไปเจอหมวดวรรณกรรมร่วมสมัย ทำไมอร่อย! ที่นั่นเองเราได้เจอกับลุงรงณ์ ลุงมุรากามิ คุณวินทร์ คุณอัญชัน เฮ่ย เราว่าเราชอบแนวนี้ว่ะ ทำไมความรักที่ถ่ายทอดผ่านปลายปากกาของแนวๆ นี้เราอ่านได้ ไม่เลี่ยน ก็เลยคิดว่ามาแนวนี้แหละ แล้วก็ได้เจอกับงานเขียนที่เรียกว่า ‘ความเรียง’ เราไม่รู้เชี่ยไรมาก่อนว่า นอกจากนิยายเรื่องสั้น อีความเรียงนี่ก็เขียนออกมาหาเงินได้ด้วย แต่เราก็อ่าน อ่านแล้วเพลิน ยิ่งคนเขียนชอบจิกๆ กัดๆ เราจะรู้สึกสนุกเป็นพิเศษ และนั่นก็ทำให้เราพบต่วยตูน

    เราเจอต่วยตูนสมัยเล่มเท่าฝ่ามือ รูปวาดประกอบยังเป็นฝรั่งเก่าๆ เราอ่านก็ติดใจหลายคน ก็ชอบไปคุ้ยตามร้านหนังสือเก่า ห้าบาทสิบบาท อ่านหมด ซื้อมาแล้วขายต่อ ยิ่งแก่แดดแก่ลมเข้าไปอีก เพราะมีความสัปดนเกือบทุกหน้า แต่บอกเลยว่าเราพร้อมมากเรื่องสัปดน ต่วยตูนมีเรื่องเป็นสาระ นั่นทำให้เราต่อยอดไปยังแนว non-fiction ทำให้เราได้รู้ว่า แมร่งก็ไม่ได้น่าเบื่อไปซะหมด เพราะข้อเท็จริงหรือทฤษฎีทั้งหลาย ยิ่งรู้ยิ่งอ่านสนุกว่ะ แต่การเรียนเรานี่กำลังดิ่งเหว (วิชาเลข) เราเริ่มใส่ใจภาษาไทย อ่านสนุกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักภาษาด้วย เราได้เข้าชมรมภาษาไทย เชื่อปะ ในชมรมมีครบเกือบทุกอย่างที่คุณทำได้กับภาษาไทย เราคัดลายมือ เราเขียนนิยาย เราแต่งกาพย์กลอน วิจารณ์หนังสือ อย่าคิดว่าเราเก่งภาษาไทยนะ เราเพียงแต่รู้ว่าภาษาไทยมันวิเศษแค่ไหนเท่านั้นแหละ แต่ไม่ได้ใช้ภาษาเก่งเหมือนเป็นเจ้านายมัน

    สิ่งหนึ่งที่ดำเนินไปควบคู่กันคืออ่านฟิกในแฟนด้อม อ่านนิยายวาย อ่านการ์ตูน ในแฟนด้อมมีคนเขียนมากมายนั่นแหละ มีวิจารณญาณไม่เท่ากัน เรื่องที่ได้มันก็อร่อยไม่เหมือนกัน ลางเนื้อชอบลางยา เราอ่านเริ่มจากฟิกเจร็อก ใครก็ไม่รู้จักก็แสดงว่าคุณยังอายุน้อยอยู่ ยินดีด้วยค่ะ แล้วฟิกเจร็อกจะมีความหม่นเล็กๆ ด้วยการแต่งตัวหรือการแสดงออกของศิลปิน จะมีความหรรษาวาเลนไทน์บ้างก็แล้วแต่ฝีมือของคนแต่ง แต่ส่วนมากแล้วเรื่องไม่ค่อยแหกคาแรกเตอร์อันเท่แอนด์คูลของนักร้องเพลงร็อกหรอกค่ะ อย่าถามเจป๊อปกับเรานะ เราโดนมอมเมาด้วยเจร็อกจนโงหัวไม่ขึ้น จากอ่านฟิกเจร็อกมานาน มันก็เริ่มเสื่อมไปตามกาลสมัย เราจึงเห็นว่ามีนิยายวาย คนเขียนสมัยนั้นก็เป็นพี่ๆ ภาษาเขาก็โตกว่าเราหน่อย เราก็ชื่นชมเขามาก เคยไหมที่ชอบมากจนอยากเขียนเอง

    แล้วผีห้าซาตานที่ไหนไม่รู้เข้าสิงเราให้เขียนนิยายตอนเอนทรานซ์ คุณพระช่วย มันคงเป็นการแก้เครียดของเรากระมัง แต่ก็นั่นแหละก็มีคนอ่านบ้าง บอกเลยว่าภาษาก็ไม่ได้ดีเด่เท่าไร แบ่บว่าแค่อยากเขียน ไม่ได้รู้สึกมีความรู้สึกสูงส่งไปกว่าเขียนเอามันส์ โถ อิเด็กผมซอยติ่งหู ฟ้ายังมีเมตตาให้มันเอนท์ติดไปเขียนนิยายต่อในรั้วมหาลัย เชื่อไหมว่าเหมือนกบที่ถูกเปิดกะลา ตาสว่างโร่เลย งานเขียนแนวที่ชอบไม่ได้มีแต่นักเขียนชื่อดัง มีนักเขียนที่ดีแต่ไม่ดัง และมีนักเขียนที่ดังแต่ไม่ดี หอสมุดมหาลัยแมร่งเป็นการเบิกเนตรครั้งที่สอง อ่านสะบั้นเลย ไทยอ่านแล้วเริ่มหมด วนไปวนมา ประจวบเหมาะกับการเรียนภาษาอังกฤษในมหาลัยมันเข้มข้นกว่าการศึกษาพื้นฐานในโรงเรียนวัดใช่ม้า เราก็เลยมีภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นกว่าเดิม จะรออะไรล่ะครับ ไปอ่านแฮร์รี่ภาษาอังกฤษสิครับ

    แต่อ่านไม่รู้เรื่องคร่ะ มีความโง่งมจมอ่าว แต่ทำไมไม่รู้ เราคิดว่าภาษามันงดงาม คือมันดูเท่ขึ้นอีกสิบสองเท่าและตัวละครให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากภาษาไทย เรารู้สึกเป็นส่วนตัว เราเลยพยายามอ่าน เอาง่ายๆ ก่อน ไม่เข้าใจก็ข้ามบอกเลย แล้วเดาๆเอาก็อ่านไทยมาแล้วนิ เราก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่านิยายอังกฤษมันจะเป็นยังไงวะ มันจะยากแค่ไหนกันเชียว

    แต่คุณคะ! ไม่รู้จะเริ่มต้นไหนค่ะ ทุกเล่มที่หยิบมากุอ่านไม่รู้เรื่อง พยายามอ่านให้ได้อยู่สองเทอม เราก็ต้องเลือกเอกของตัวเองละ แล้วเราคิดว่าอีผีฟ้าซาตานตัวเดิมก็มาดลใจให้เราเลือกเอกวรรณคดีอังกฤษ เราได้อ่านสมใจ มีคนเลือกให้ด้วยว่าต้องอ่านอะไรบ้าง (อาจารย์นั่นเอง) และทดสอบว่าอ่านจริงหรือไม่ด้วย ไม่มีการอ่านข้ามอีกต่อไป ข้ามเมื่อไรมึงเตรียมส่งกระดาษเปล่าได้เลย แต่อุปสรรคใหญ่ที่สุดคือเปลี่ยนระบบการคิดเวลาอ่าน อย่าลืมว่าเราเป็นนักอ่านบ้านนอก อ่านสะเปะสะปะ ไม่ได้รู้เลยทฤษฎีวิจารณ์หรือวิเคราะห์วรรณกรรม ภาษาไทยเรายังอ่านไม่เก่งแล้วกระโดดมาอังกฤษเลยนี่นะ เหมือนเอาแพะไปเป็นแอร์โฮสเตสอ่ะแก เราพยายามละ ตอนแรกนี่โง่แหลกมาก ทำไมวะ การที่นางเอกฉี่ราดที่หน้าบ้านมันแปลว่าไรวะ แล้วตัวเอกคุยกับปลากระทุงทำไมวะ อ่อนด๋อยมากว่ะ สารภาพว่าเรียนจบมาแล้วสักพักต่างหากเราถึงเข้าใจทุกอย่าง คืองานเขียนตะวันตกมันก็อยู่บนรากฐานปรัชญาและแนวคิดทางตะวันตก รูปแบบของสื่อไม่ต่าง แต่วิธีและมุมมองในการนำเสนอมันต่าง เราต้องพยายามปีนบันไดภาษาไม่พอต้องปีนบันไดวัฒนธรรมและสังคมด้วย เพื่อจะเข้าใจบริบูรณ์ นึกย้อนแล้วก็เสียดายบางคลาส น่าจะลงๆไปซะ แคร์อะไรเกรด (มันไม่มีให้แคร์ตั้งแต่แรกแล้ว)

    เอกนี้มันให้อะไรเรามากมาย (ยกเว้นเงินเดือน) เราอ่านได้ดีขึ้น เราจับประเด็นและวิเคราะห์ได้ดีกว่าตอนเป็นติ่งหูมาก ตอนนี้เราเข้าใจความสุขของคนที่ได้เคาะแคะแกะเกางานเขียน แต่เราเป็นคนหนักแน่นจึงไม่ไหวหวั่น ขี้เกียจอยู่เหมือน ครานี้ที่ข้ามาทำบล็อกก็เพื่อเป็นมรณานุสติว่า ชีวิตแมร่งสั้น อยากทำไรทำซะ เราอยากแนะนำงานเขียนไง ทั้งไทยและต่างประเทศ เล่มจริงหรืออีบุ๊กได้หมด มีทุกแนวที่เราประทับใจ อ่านเอง ซื้อเอง เจ็บเอง พยายามจะเขียนทุกเรื่องที่สะเทือนซาง แต่อย่าคาดหวังการวิจารณ์เชิงวิชาการอะไรจากเราเลย เราส่งคืนครูไปหมดแล้ว ใส่กล่องอย่างดีพร้อมแพ็กแน่นหนากันน้ำรั่ว

    เอาละ ร่ายยาวมาขนาดนี้มีแต่นำ้ จะบอกว่าเรามีอคติ/ฉันทาคติ/ลิปสติ(ก) ดังนั้น ถ้ารู้ว่าไม่ได้ชอบแนวคล้ายๆ เราก็อย่าเชื่อมาก เราคนแก่อ่ะ มันอาจไม่สนุกสำหรับคุณก็ได้ ในทางกลับกัน ที่เราบอกว่าไม่สนุกมันอาจสนุกสำหรับคุณมากๆ เลยก็ได้ นึกว่ามีแกงเหลืองหรือส้มตำอยู่จานหนึ่ง นายถามเราว่าเผ็ดไหม แต่เราอาจบอกว่าเผ็ด แต่นายอาจกินพริกมื้อละกำมาตั้งแต่เกิดก็ได้ เราไปไม่บังคับให้กิน แต่นายจะโดนสปอยล์อย่างแรง !!!

    แลกเปลี่ยนพูดคุยกะเราได้ตลอด แต่เราอาจตอบช้าหรือเข้าไม่บ่อย แต่ก็ไม่น่าจะมีเรื่องเร่งร้อนอะไรอยู่แล้วเนาะ ใครที่อายุไม่ถึง 18 ก็รับผิดชอบตัวเองนะ หนังสือที่แนะนำคละกันไปจ้ะ คงมีเท่านี้ คนที่อ่านจนบรรทัดสุดท้าย เรารักนาย

    ขอบพระคุณรุนช่อง
    นักจูนเสียงเปียโนผู้ทุกข์ระทม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in