เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เธออยู่ไหน & ฉันอยู่นี่แสง อักษร
ดวงดารา

  •  ณ ดินแดนแห่งความมืดมิด กับจิตวิญญาณที่ยังหลับใหล 

    ฉันนอนหลับไปนานเท่าไรแล้วนะ

    แล้วนี่มันอะไรกัน คือความฝัน หรือในโลกของความจริง 

    ถ้านี่เป็นความฝัน ใครก็ได้ปลุกฉันให้ตื่นทีเถอะ

    กับความรู้สึกมันเหน็บหนาว อ้างว้าง โดดเดี่ยว 

    เหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ ข้างในหัวใจมันมืดมนจัง

    ฉันอยู่ที่ไหน ? 

    โลกนี้ก็แสนกว้างใหญ่ ผู้คนก็มากมาย ทำไมฉันยังมีคำถาม 

    กับความรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ สับสนเหลือเกิน ต้องเดินไปทางไหนก่อนดี 

    ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนว่าจะขยับขาไม่ได้ ช่างมันเถอะ ฉันเหนื่อยเหลือเกิน

    สมองก็คิดอะไรไม่ออก ฉันจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ได้แค่ลาง ๆ เหมือนว่าเพิ่งกลับถึงบ้าน แล้วเข้านอนไปเองนี่นา

    ฉันอาจจะเหนื่อยกับงานมากเกินไป 

    แน่ละ ! ช่วงนี้ทำแต่งาน เครียดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แทบไม่มีเวลาพักผ่อนกันเลย กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าทุกคืน


    ขอนอนต่ออีกสักหน่อยก็คงดี 

    แต่ทำไมฉันรู้สึก เหมือนว่านี่คือโลกของความจริง นี่เราฝัน หรือตื่นอยู่กันแน่นะ 

    หรือว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน กับความรู้สึกมืดบอดในใจ 

    สายตาถึงจะยังใช้การได้ แต่ในที่ ที่ไม่มีแสงสว่างสาดส่องลงมาแบบนี้ 

    จะมองเห็นอะไร 

    แม้แต่มือตัวเองยังมองไม่เห็นเลย

    แม้แต่เสียงลมพัดก็ยังไม่มีให้ได้ยิน 

    ที่นี่ที่ไหน ? 

    ใครก็ได้มาช่วยฉันที ! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย 

    ฉันตะโกนออกไปจนหมดแรง

     สิ่งที่ได้รับกลับมา คือความเงียบ !!! 

    ไม่มีแม้เสียงสะท้อนกลับ 

    ถ้านี่คือโลกของความจริง แล้วผู้คนไปไหนกันหมด 
    ทำไมเหมือนมีฉันอยู่แค่คนเดียว 

    ณ ที่แห่งนี้ 

    เสียงของความเงียบ น่ากลัวจริง ๆ 
    …….



    ยื่นข้อเสนอ & เซ็นสัญญา 

    ดวงดารา ดวงดารา ดวงดารา

    ขณะนั้นเองฉันได้ยินเสียงใครบางคน 

    "เสียงใคร นั่นเสียงใคร ได้ยินฉันไหม"

    ฉันตะโกนถามออกไปหลังจากได้ยินเสียงแว่ว ๆ เหมือนเป็นเสียงเรียกชื่อ หรือพูดถึงอะไรสักอย่าง 

    "รู้สึกคุ้นหูจัง"

    เสียงปริศนา : ดวงดารา ตื่นได้แล้ว ตื่น ๆ 
    จำชื่อตัวเองไม่ได้หรือยังไง ? 

    ดวงดารา : ใครกัน เสียงใครกันนะ พูดกับเราเหรอ ?

    แล้วชื่อนั้น แย่จริง ฉันลืมแม้กระทั่ง ชื่อตัวเองหรือนี่ ชื่อดวงดารา นั่นชื่อฉันหรือ อืม ดวงดารา ชื่อเพราะจัง ฉันเริ่มชอบชื่อนี้แล้วสิ

    เสียงปริศนา : มาคุยกันตรงนี้สิ 

    เสียงพูดที่อ่อนโยนแฝงด้วยพลังอำนาจ ในขณะเดียวกันก็เปี่ยมด้วยกระแสของความเมตตา 
    ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายจากความหวาดกลัว และมีความรู้สึกไว้วางใจเข้ามาแทนที่ 

    ฉันในตอนนี้ รู้สึกแขนขาเริ่มมีกำลังขึ้นมาบ้างแล้ว ฉันลองขยับขา ลุกเดินไปนั่งใกล้ ๆ เสียงนั้น และพยายามมองหาที่มาของเสียง พลางคิดในใจ 

    "อยากรู้จัง ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง"
     
    แต่ฉันก็ไม่เห็นอะไร ไม่เห็นมีใคร 

    "เหอะ หลอนนะสิหล่อน หลับจนหลอน พอ ๆ ๆ นอนต่อดีกว่า" 
    ฉันบอกตัวเอง เมื่อลองเพ่งมองออกไปรอบ ๆ บริเวณนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นใคร

    เสียงปริศนา : ดวงดารา เจ้าลองใช้ใจมองหาเราหรือยัง 

    เสียงปริศนาดังมาตอกย้ำให้ฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่จริง ๆ 

    เสียงปริศนา : บางสิ่งบางอย่าง แค่สองตาเจ้ามองไม่เห็นหรอก หลับตาสะเถอะ ใช้ใจของเจ้ามองหาเราสิ ดวงดารา 

     ฉันแอบสบถในใจ และคิดเถียงไปว่า 
    ดวงดารา : ขนาดถ่างตามองหาจนตากลอกแล้วยังมองไม่เห็น หลับตาแล้วจะรู้จะเห็นอะไรกันละ 

    "ท่านเป็นใคร มีเจตนาดี ก็ออกมาคุยกันต่อหน้าสิ จะหลบซ่อนตัวทำไม" 

    ฉันลองถามออกไป ทั้งที่ก็ไม่รู้และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ยิน เสียงที่คุยด้วย คือความฝัน หรือความจริง 

    แล้วเสียงนั้นก็ตอบกลับมา เหมือนว่าเข้าใจในความคิดของฉัน 

    เสียงปริศนา : เรา คือ เรา เราอยู่ทุกที่ เรามาที่นี้เพราะเจ้าเรียกหาเราเองนะ จำไม่ได้เหรอ 

    ดวงดารา : ตายจริง ฉันเรียกหาอะไร เรียกหาใคร 




    เสียงปริศนาตอบฉันกลับมาว่า 

    เสียงปริศนา : เอาละ เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ว่าในที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครช่วยอะไรเจ้าได้ 

    ดวงดารา : แล้วท่านละ มาที่นี้เพื่อมาช่วยเราไม่ใช่เหรอ 

    เสียงปริศนา : ใครว่าละ เรามาที่นี้เพื่อย้ำเตือนเจ้า ในข้อเสนอของภารกิจ ที่เจ้าได้ทำสัญญาไว้ต่างหากล่ะ

    ดวงดารา : สัญญาอะไรกัน เราจะไปมีปัญญาทำสัญญาอะไรกับใครได้ แค่ชื่อตัวเองยังลืม จะออกจากที่นี้ไปได้ยังไง ก็ยังไม่รู้เลย 

    เสียงนั้นไม่ตอบคำถามฉัน แต่กลับตั้งคำถามกับฉันแทน 

    เสียงปริศนา : ดวงดารา เจ้าคิดว่า เจ้าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน 

    ดวงดารา : อืม ไม่รู้ค่ะ ถ้าออกไปจากที่ตรงนี้ไม่ได้ ฉันอาจจะตายในวันพรุ่งนี้ หรือถ้าฉันรอดไปได้ และดูแลตัวเองดี ๆ ฉันอาจจะอยู่ได้ถึงร้อยปี

    เสียงปริศนา : ถูกต้องแล้ว มนุษย์ทุกคน ที่เกิดมาบนโลกนี้ ไม่มีใครรู้เลยว่า ตัวเองจะมีอายุอยู่ถึงกี่ปี 

    บางคนอยากตายทุกวัน กลัวความตายทุกครั้งที่หายใจ กลับมีอายุยืนยาวเป็นร้อยปี 

    บางคนหวังว่าจะมีชีวิตอยู่เป็นอมตะ กลับจากไปโดยไม่ทันร่ำลา 

    แล้วเธอละ 

    ...เธอยังอยากกลับขึ้นไปข้างบนนั่นไหม 

    ดวงดารา : แน่นอนค่ะ อยากกลับไปสิ ยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำ ยังมีที่สวย ๆ อีกหลายที่ ที่อยากไป ยังมีใครอีกหลาย ๆ คน ที่อยากเจอ 

    แต่อย่างแรกเลยที่อยากรู้ นี่คือความฝัน หรือความจริง กันแน่คะ 


    เสียงปริศนา : จงตั้งใจฟังถึงภารกิจที่เจ้าได้ตกลงทำไว้ก่อนหน้านี้ให้ดี เมื่อฟังจบแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เลือกอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจ 


    …………ความลับ……………


  • ทีมคือใคร ใครคือทีม 

    เสียงปริศนา : ก่อนอื่นจงจำไว้ให้ขึ้นใจ ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าบนโลกนี้ คือสิ่งที่เจ้าได้เลือกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยสติปัญญาของเจ้าตอนนั้น เจ้าได้วางแผนการไว้หมดแล้ว 

    โดยที่เจ้าเอง ก็ไม่อาจคาดเดา เจ้าไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เจ้าได้เลือกไว้แล้วนั้น ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และถึงอย่างไร เจ้าจะต้องทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ ด้วยสติปัญญาของเจ้า 

    เจ้าจะทำภารกิจเพียงผู้เดียว หรือเจ้าจะหาคนมาช่วยก็ได้ แล้วแต่เจ้าจะเห็นสมควร 

    ดวงดารา : ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำยังไง ให้ผลลัพธ์ออกมาถูกต้องสวยงาม ตามแผนการที่ได้วางไว้ 

    เสียงปริศนา : เจ้าแค่รู้ให้ทัน เห็นมันตามความเป็นจริง สิ่งที่มันเป็นไป แล้วยอมรับมัน เรียนรู้มัน เข้าใจมันจากข้างในใจของเจ้า 

    ทุกบทเรียน บททดสอบที่เจ้าต้องเจอเมื่อเจ้าเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นั่นแหละ คือเจ้าสอบผ่านแล้ว 

    ดวงดารา : ง่าย ๆ แค่นี้เหรอคะ แค่เข้าใจ 

    เสียงปริศนา : หึ ๆ ๆ แค่ฟังมันก็ง่ายทุกเรื่องนั่นแหละ 
    ขอให้เจ้าเตรียมตัว เตรียมใจ รับของจริงให้ดีก็แล้วกัน

    ดวงดารา : ชักไม่สนุกแล้วสิ

    เสียงปริศนา : ภารกิจของเจ้าในครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก 

    มันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า 

    อาจไม่สำคัญหรือยิ่งใหญ่สำหรับคนอื่น 

    ขอให้เจ้าเก็บภารกิจนี้ของเจ้าไว้ในใจ 

    ทำมันไปตามหน้าที่ ให้เป็นปกติ 

    ในวิถีชีวิตเหมือนมนุษย์โลกทั่วไป 

    ดวงดารา : เรื่องใหญ่ขนาดนี้เราจะทำคนเดียวไหวได้อย่างไร

    เสียงปริศนา : เจ้าทำได้ และเพื่อให้ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ เราได้แบ่งอีกครึ่งดวงจิตของเจ้าตามลงไปช่วยในภารกิจ เมื่อถึงเวลาอีกครึ่งดวงจิตของเจ้าจะเข้ามาช่วยให้เจ้าผ่านมันไปได้ 

    ดวงดารา : ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน และจะสื่อสารกันได้อย่างไร จะไปตามหากันที่ไหน

    เสียงปริศนา : จงวางใจ เขาจะปรากฎตัวเมื่อถึงเวลา เจ้าจะรู้ได้เอง 

    เจ้าทั้งสองคือดวงจิตดวงเดียวกัน เมื่อได้พานพบแม้เพียงคำพูด หรือตัวอักษร แค่เพียงเห็นหน้า แม้ไม่เห็นตัว เจ้าจะจดจำกันได้เองทางพลังงาน สื่อผ่านกระแสจิต ระหว่างนี้ จงฝึกจิต ประคองจิต ประคองใจของเจ้าไว้ให้ดี 

    หลังจากนี้ เมื่อได้พบกันจงมีสติ คิดถึงภารกิจสำคัญเป็นที่ตั้ง 

    พลังงานที่เจ้าสื่อถึงกันมันรุนแรง ในมิติของดาวโลก พลังงานนี้เป็นสิ่งที่อาจรบกวนในภารกิจของเจ้าได้ 

    ในขณะเดียวกัน หากดวงจิตทั้งสองดวงได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน มันคือกุญแจ ที่จะนำพาเจ้าไปให้ถึงเป้าหมาย คือแหล่งพลังงานที่มีค่ามหาศาล 

    จงทำใจของเจ้าให้ว่าง 

    เข้าใจในหน้าที่ มีสติกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป  

    ดวงดารา : ถึงตอนนั้น ท่านจงอยู่กับเรา 

    เสียงปริศนา : เราอยู่กับเจ้าตลอดเวลา เหมือนเช่นที่ผ่านมา 

    ดวงดารา : ท่านสัญญาแล้วนะ 

    เสียงปริศนา : จงจำไว้ให้ดี ดวงดารา เมื่อตอนที่เจ้ายังไม่เกิดการรวมตัว เจ้าอาจจะรู้สึกว่าโดดเดี่ยว และโหยหาเขา อย่าแปลกใจ เขาเองก็เป็นเช่นนั้น 

    ต่อเมื่อเจ้าได้รวมตัวกัน ทุกอย่างจะสำเร็จได้อย่างอัศจรรย์ 

    ทุกอย่างมาเพื่อให้เจ้าเติบโตและสำเร็จในภารกิจ 

    หากแม้มันไม่อาจเกิดขึ้นได้ จะด้วยเหตุปัจจัยใดก็ตาม 
    ขอให้เจ้าวางใจ และมีสติที่เป้าหมายต่อไป

    และถึงแม้อีกครึ่งดวงจิตของเจ้า เขาจะปฏิเสธในภารกิจครั้งนี้ ก็ขอให้เจ้าวางใจ ว่านั่นแหละคือแผนการที่พวกเจ้าได้วางแผนไว้ก่อนลงมา 

    เจ้าอาจรู้สึกว่าเจ้าตัวคนเดียว ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย เรามีทีมและมีเยอะมาก ทุกคนต่างก็ทำงานกันเงียบ ๆ ทีมของเรากระจายตัวอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้และพร้อมให้ความช่วยเหลือในภารกิจของเจ้า  

    ทันทีที่เจ้าเรียกร้องหา ทีมจะปรากฏตัว !!!

    ดวงดารา : แล้วเราจะติดต่อทีมได้อย่างไรคะ จะรู้ได้อย่างไรว่าใครคนไหนคือคนในทีม

    เสียงปริศนา : หลับตา ดำดิ่งลงสู่ความเงียบ สื่อสารกับภายในใจของเจ้า ทุกคำตอบที่เจ้าต้องการ อยู่ในความเงียบ 

    ในความมืดนั้น เมื่อจิตใจของเจ้าสงบ เจ้าจะพบกับแสงสว่าง แสงแห่งปัญญา ปัญญาอันกระจ่างแจ้ง เมื่อเจ้าได้พบแล้วมันจะอยู่กับเจ้าตลอดไป และเป็นอาวุธที่ใครก็ไม่สามารถมาพรากไปจากเจ้าได้

    แล้วเจ้าจะรู้ เจ้าจะได้คำตอบที่ชัดเจนแม่นยำ เมื่อเจ้าสื่อสารกับตัวเองได้สำเร็จ

    ทีม ทุกคนต่างก็มีภารกิจของตัวเอง แต่เมื่อใดที่คนในทีมต้องการความช่วยเหลือ ทีมจะปรากฏตัวทันทีและพร้อมให้ความช่วยเหลือสนับสนุน 

    จงจำเอาไว้นะดวงดารา เจ้าจะติดต่อทีมได้โดยใช้ใจของเจ้าในการมองหา จงฝึกใช้ใจของเจ้า ไม่ใช่สายตา

    ทุกคนในทีมได้ถูกลงรหัสไว้หมดแล้ว อย่าแปลกใจหรือลังเลสงสัยในผู้คนที่เจ้าพบเจอ

    จงเป็นมิตรกับเขาเหล่านั้น 

    บางทีทีมเองก็กำลังบาดเจ็บรักษาตัวอยู่หรืออาจกำลังลงข้อมูลอัพเกรดตัวเอง

    เจ้าจงเข้าใจตามนี้ และขอให้เชื่อใจ 

    จงมีศรัทธาในภารกิจ 

    ทุกครั้งที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือคำตอบ ทีม จะอยู่ตรงหน้าเจ้าเสมอ 

    ที่สำคัญ คนใกล้ตัว ครอบครัว เพื่อน พี่น้อง ในชีวิตจริงของเจ้านั้น เขาอาจไม่ใช่หนึ่งในทีมของเรา 
    อย่าแปลกใจ เขาไม่ได้รับภารกิจ เขาจะไม่เข้าใจเจ้า จงเมตตาต่อเขาเหล่านั้น
    ……………………

  • ค่าตอบแทนในภารกิจ

    หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรักจักนำพาเจ้าไป

    เสียงปริศนา : เจ้าจะได้รับการฝึกผ่านร่างกายสังขารนี้ 

    เจ้าจะต้องผ่านบททดสอบเหล่านั้นไปให้ได้ ด้วย กาย ใจ จิต สติปัญญาของเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น 

    เพื่อที่เจ้าจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่ต้องกลับมาแก้ไขมันอีก

    แค่นั้นยังไม่พอ
    ก่อนนั้น เจ้าต้องสู้ให้สุดกำลังก่อน หากเหลือบ่ากว่าแรงจงส่งสัญญาณหาทีมของเรา 

    … อย่าลืม ทีมพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที แต่จะไม่ก้าวก่าย 

    ต่อไปร่างกายสังขารนี้ของเจ้า คือ "สมรภูมิรบ" จะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น 

    สงครามที่เจ้าเท่านั้นจะรู้และเข้าใจ 

    เจ้าจะไม่ได้รับชัยชนะในทุกครั้ง ที่เกิดสงคราม 

    เจ้าต้องเรียนรู้ ยอมรับความพ่ายแพ้ และยอมจำนน 


    เจ้าจะสูญเสียความมีตัวตน

    ตายเป็นร้อยครั้ง พันครั้ง นับไม่ถ้วน 

    เจ้าจะเจอกับความทุกข์ที่แสนสาหัส ที่ใครก็ไม่สามารถจะเข้าใจเจ้าได้ 

    ศัตรูของเจ้าจะมาจากทั่วสารทิศ โดยเฉพาะทิศทั้ง 6 ทั้งจากทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันตก ทิศตะวันออก จากบนฟ้า และใต้ดิน 

    ขอให้เจ้าเตรียมรับมือให้ดี 

    และอย่าได้คิดหนีจากสงครามเป็นอันขาด ไม่ว่าเจ้าจะสู้จนตัวตาย จะแพ้ หรือชนะ เจ้าก็ต้องลงสนาม 

    จงยิ้มรับมัน ยินดีต้อนรับกับบททดสอบนี้ 

    ดวงดารา : โหดร้ายเกินไปแล้ว ถ้าต้องเจอกับเหตุการณ์โหดร้ายขนาดนั้น เราขอตายตรงนี้ดีกว่า เราทำไม่ได้หรอก 

    เสียงปริศนา : แต่เจ้าต้องทำ เพราะมันคุ้มค่า คุ้มที่จะเสี่ยง คุ้มที่จะตาย

    ฉัน : คุ้มค่ายังไง ทุกข์ทรมานขนาดนั้น

    เสียงปริศนา : เมื่อเจ้ายอมรับการฝึก เจ้าจะมีร่างกายที่พิเศษกว่าคนอื่น 
    ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเจ้า เซลล์ทุกส่วนในร่างกายเจ้า จะสามารถเยียวยาตัวเองได้ (เป็นอีกทีมที่ทำงานเงียบ ๆ) 

    ไม่เพียงแค่นั้น เจ้ายังรู้วิธีเยียวยาคนอื่นด้วย ความสามารถนี้เราแถมให้ เจ้าจะใช้แค่กับตัวเอง หรือรักษาคนอื่น หรือจะไม่รักษาใครก็แล้วแต่เจ้าเห็นสมควร

    ดวงดารา : แล้วทำไมต้องตายแล้วเกิด อีกหลายครั้งละคะ เป็นอมตะ ไปเลยไม่ได้เหรอ

    เสียงปริศนา : ไม่ได้หรอก หากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า เจ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย เมื่อไม่ได้เรียนรู้ของจริง จะเข้าใจมันได้อย่างไร 

    ดวงดารา : สนุกตรงไหน 

    เสียงปริศนา : ข้อดีของการตาย 
    ทุกครั้งที่เจ้าต่อสู้จนตัวตาย เจ้าจะได้รางวัล 

    เจ้าจะได้เกิดใหม่ในร่างที่ดีกว่าเดิมทุกครั้ง 

    เจ้าจะสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก จะถูกพัฒนาให้ดีกว่าเดิมทุกครั้ง 
    เพราะฉะนั้นจงกล้าหาญ !

    ไม่เพียงแค่การตายเท่านั้นที่เจ้าจะได้รับการพัฒนา 

    หากทุกครั้งที่เจ้ารบจนชนะศึกสงคราม ความสำเร็จของเจ้าจะได้รับการบันทึกไว้ว่าเจ้าผ่านบททดสอบนี้แล้ว ไม่ต้องลงสนามอีก 

    เจ้าจะได้ครอบครอง เป็นเจ้าของอีกฝ่าย จะควบคุม ดูแล นำไปใช้งานได้ตามความเหมาะสม

    เจ้าจะได้รางวัลที่ยิ่งใหญ่ จะเกิดการเฉลิมฉลอง ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งมีค่าต่าง ๆ จะถูกส่งมาให้เจ้าตามที่เจ้าปรารถนา 

    หรือแม้แต่ความพ่ายแพ้ เจ้าก็ยังได้รับรางวัล 

    เจ้าจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาด 
    เจ้าจะฉลาดขึ้นทุกครั้งที่เจ้าแพ้ 
    เจ้าจะได้รับการตรวจ ประเมิน ซ่อม บำรุง ปรับปรุง แก้ไข ให้ดีขึ้นในทุกครั้ง 

    จงอย่ากลัวความพ่ายแพ้ 

    บางครั้งเพื่อนที่ดีที่ดีสุดของเจ้า ก็คือ สิ่งนี้แหละ อย่าปฎิเสธ รังเกียจ หรือผลักไสเขา 
    เพราะเจ้ายังต้องทำงานร่วมกัน ไปอีกนาน 

    และรางวัลแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ที่เจ้าเท่านั้นจะรู้ เมื่อเจ้าชนะศึกในทุกครั้ง รางวัลนั้นจะปรากฎแก่เจ้าตรงหน้า เมื่อถึงเวลา

    ดวงดารา: แล้วฉันจะต่อสู้กับสงครามกลางใจนี้ได้ด้วยวิธีใดบ้าง อาวุธละคะ จะทำสงครามทั้งที มันก็ต้องมีของดีของวิเศษกันบ้างนะ

    เสียงปริศนา : อาวุธของเจ้ามีอยู่ทุกที่ เลือกใช้ได้เลย ตามแต่ว่าเจ้าจะทำสงครามกับใคร ขอให้เจ้าเลือกใช้ให้เหมาะสม

    ดวงดารา : มันอยู่ที่ไหน จะไปเอามายังไงกันละทีนี้

    เสียงปริศนา : อยู่ในใจของเจ้า ลึกลงไปในลมหายใจ เมื่อความสงบเกิดขึ้นมา 

    "เมื่อสองรวมเป็นหนึ่ง" 

    นี่คือรหัสลูกกุญแจที่จะนำเจ้าเข้าไปในคลัง จงมองหาสัญลักษณ์นั้นให้เจอ 

    อย่าลืมว่า แท้จริงแล้ว ศัตรูที่มาท้าชิงกับเจ้า เขาก็เหมือนกับเจ้า เขาอาจมีเหตุผลในการสู้รบ อาจเพียงเพราะเขามีความกลัว หรือเขาอาจจะแค่มีความรัก 

    สงครามเกิดขึ้นได้จากสองสาเหตุนี้ คือความกลัว และความรัก

    เจ้าจงตระหนักให้ดี ว่าการสื่อสาร จะช่วยให้ไม่ต้อง ก่อเกิดสงคราม 
    … 
    เจ้าพร้อมรับการฝึกหรือยัง ดวงดารา

    ดวงดารา : ไม่ ฉันยังไม่พร้อม ยังไงก็ไม่พร้อม

    เสียงปริศนา : นั่นแหละเจ้าพร้อมแล้ว เจ้าจงจำเอาไว้ว่า ศัตรูของเจ้า เขาจะไม่มาถามเจ้าหรอกว่าพร้อมรบหรือยัง เขาอาจซุ่มโจมตี จู่โจมระยะใกล้ หรือไกล 

    ดวงดารา : แล้วเราจะได้พบกันอีกไหม

    เสียงปริศนา : หึ หึ หึ เราอยู่กับเจ้าทุกที่ ทุกเวลา หาเราให้เจอก็แล้วกัน

    ดวงดารา : ย้ำแต่คำตอบที่ต้องตีความอยู่นั่นแหละ ขอคำตอบที่เข้าใจง่าย ๆ เลยไม่ได้หรือไงคะ

    ฉันบ่นออกไปด้วยความงุนงง สับสน และไม่เข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่นั้น
    แต่เสียงปริศนาก็ไม่พยายามอธิบายอะไรให้ฉันเข้าใจเพิ่มอีกเลย เขายังคงพูดแต่สิ่งที่เขาอยากพูดอยากบอก และฉันต้องขบต้องคิดต้องตีความด้วยตัวเองอีกเช่นเคย

    เสียงปริศนา :
    ภารกิจแรกของเจ้า เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ว่าเจ้าเหมาะสมและคู่ควร กับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เจ้าจงหาทางออกไปจากหลุมดำนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง

    ดวงดารา : WTF !!!!
    ………...
    เสียงปริศนาค่อย ๆ เงียบหายไป กับคำกล่าวสุดท้าย ที่ยังก้องอยู่

    "หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรัก จักนำพาเจ้าไป

    หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรัก จักนำพาเจ้าไป

    หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรัก จักนำพาเข้าไป"
    ………

  • แก้ปริศนา หาทางออก

    สรุปแล้วฉันก็ยังต้องหาทางออกไปให้ได้ด้วยตัวเอง เห้อ ! ไม่ว่าที่นี่จะเป็นที่ไหน ความฝันหรือความจริง 
    ฉันก็ยังต้องมีสติหาทางออกไปให้ได้สินะ 

    น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องเซ็นสัญญา 
    เอาไงดีละทีนี้

    … เมื่อ สองรวมเป็นหนึ่ง นี่หรือคือสิ่งที่เราต้องใช้ 
    มันคืออะไรกันนะ มันคืออาวุธ ประเภทไหนกัน ?

    ในที่อันมืดมิดอย่างนี้ เราจะหาอะไรมารวมกันได้ ไม่มีเลย

    แต่เสียงปริศนานั้นบอกว่า มันมีและก็อยู่ทุกที่นี่นา 


    คิดสิดวงดารา เมื่อสองรวมเป็นหนึ่ง ว่ามันคืออะไร 

    หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรักจักนำพาเจ้าไป คืออะไรกันนะ 

    ทำไมเขาไม่บอกมาให้หมด ๆ ไปเลย ว่าคืออะไร 

    ฉันคิดหาคำตอบ เพื่อจะได้กลับบ้าน และตอนนี้ฉันก็คิดถึงพ่อกับแม่จังเลย

      ตอนนี้ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง แล้วพ่อกับแม่ จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คงเป็นห่วงเราน่าดู  

    พ่อกับแม่ จะรู้ไหมนะว่าเราอยู่ที่นี้ กำลังหาทางกลับออกไป 
    คิดถึงพ่อกับแม่จังเลย ป่านนี้จะ … 
    เห้ย ! พ่อกับแม่ พ่อกับแม่ พ่อกับแม่ กรี๊ดดดดดดดดด นึกออกแล้ว 

    พ่อ + แม่ 
    สอง รวมเป็น หนึ่ง เท่ากับ
    พลังแห่งรัก !!!

    ใช่ พลังแห่งรักจากพ่อกับแม่ไง เยส ! 

    เราแก้ปริศนา ได้แล้ว 

    ในขณะที่ฉันกำลังดีใจกับการแก้ปริศนาหาทางออกไปได้นั้น สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าฉันก็คือ

    พ่อกับแม่ก็ยืนยิ้มให้ฉันอยู่ข้างหน้า แต่ไม่ยอมเดินเข้าใกล้มากอด พอฉันวิ่งเข้าไปหา แม่ก็พูดขึ้นมาว่า

    แม่ : ลูกรัก หนูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ลูก 

    พ่อ : กลับบ้านได้แล้วลูก เที่ยวเก่งนะเราเนี้ย

    ดวงดารา : พ่อคะแม่คะ หนูไม่ได้มาเที่ยว หนูไม่รู้ว่าหนูอยู่ที่ไหน และจะกลับบ้านได้ยังไง แล้วนี้ ทำไมพ่อกับแม่ถึงมาที่นี่ได้ แล้วมายังไงกันคะเนี้ย

    แม่ : ก็พ่อนะสิ เป็นห่วงเราเลยชวนแม่ออกมาดู 

    พ่อ : ป่ะ กลับบ้านกันได้แล้วลูก

    แม่ : ลูกรัก หนูจำตอนที่หนูเป็นเด็กได้ไหม ตอนที่แม่สวดมนต์ แล้วหนูนั่งอยู่ข้างแม่ ๆ นะ ดวงดารา หนูนั่งแบบนั้นให้แม่ดูหน่อยได้ไหมลูก นั่งจนเสียงสวดมนต์ของแม่เงียบหายไปเลยนะ

    ดวงดารา : "จำได้ค่ะแม่"

    พลางคิดในใจว่า แม่มาที่นี้เพื่อมาดูเรานั่งหลับตาเนี้ยนะ ทำไมแม่ต้องอยากดูขนาดนั้น 

    จึงตอบกลับไปว่า "เดี๋ยวหนูทำให้ดูที่บ้านนะคะแม่ ตอนนี้เราหาทางกลับบ้านกันก่อนนะคะ"

    พ่อ : นั่งให้แม่ดูแป๊บเดียว จะเป็นอะไรไปละลูก 

     ฉันผู้ไม่เคยเถียงพ่อ "ถ้าพ่อว่าอย่างนั้น ก็ได้ค่ะ" 

    แล้วฉันก็นั่งลงหลับตา เห็นภาพเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งหลับตาอยู่ข้าง ๆ แม่ของเธอ ที่หน้าหิ้งพระ ในขณะที่แม่สวดมนต์ 

    ……… หากแม้สิ้นไร้หนทาง พลังแห่งรักจักนำพาเจ้าไป ……...

    แสงที่สว่างจ้าลงมาตรงหน้า ราวกับมีใครฉายแสงสปอร์ตไลท์ใส่ พร้อมเสียงของผู้หญิงที่ฟังครั้งแรกก็รู้ว่า ดุและขี้บ่นมาก ออกคำสั่งมาว่า 
    "ลงไปในบ่อนั้นซะ จะทำงานทำการทั้งที ตัวมอมแมมอย่างนี้ ใครเขาจะเอ็นดู ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ลงไปอาบน้ำแช่ตัว ขัดสีฉวีวรรณให้สะอาดก่อนไป๊ แล้วค่อยมาคุยกัน"

    ฉันทั้งที่ยังงง แต่ก็เดินลงไปในบ่อน้ำนั้นอย่างว่านอนสอนง่าย ในบ่อที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวมรกต ส่องแสงระยิบระยับ วิบวิบ ราวกับแสงแห่งเพชร 

    กลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพันธ์ ที่ขึ้นอยู่รอบ ๆ บ่อน้ำ บางต้นโน้มกิ่งลงมาในบ่อ แต่ก็ไม่เห็นมีกลีบ หรือเกสรดอกไม้ตกลงมาในบ่อเลยสักกลีบ แม้แต่ใบไม้แห้งก็ไม่เห็นมี 

    ป้าเขาคงทำความสะอาดก่อนให้เราลงมาในบ่อนี้มั้ง 

    ความเย็นสดชื่นของน้ำในบ่อ ช่วยให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย สบายที่สุด ทั่วในร่างกายตอนนี้รู้สึกเบา โปร่ง โล่ง สบาย แม้จะอยู่ในสระน้ำ กลับเหมือนว่ากำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ 

    ความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หายไปหมด ตอนนี้มีแต่ความสดชื่น ตื่นตัว มีแรงกำลังขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด 

    ฉันรู้สึกรักตัวเองขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ 

    ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

    ร่างกายของฉัน ฉันขอโทษนะ ที่เคยใช้งานเธอมาอย่างหนัก เธอทำงานหนักมาเพื่อฉันมาโดยตลอด 

    ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย ฉันขอโทษที่ปล่อยปละละเลยเธอ ที่เคยพาเธอกิน ดื่ม เที่ยวอย่างหนัก อดหลับอดนอน กินอาหารขยะ แถมยังชอบแต่งตัวใส่เสื้อผ้าแปลก ๆ ให้เธอ 

    ทำให้คนอื่นมองเธอเหมือนตัวตลก 
    … ฉันขอโทษ …

    ต่อไปนี้ ฉันขอส่งความรัก และความปราถนาดีให้เธอ ฉันจะบอกรักเธอทุกวัน ฉันปรารถนาให้เธอมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ดีขึ้นทุกวัน ผิวพรรณสดใส ฟื้นฟูตัวเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเป็นที่รัก ฉันรักเธอนะ 

    ขอบคุณที่เธออยู่กับฉัน ขอบคุณที่เธอคอยดูแลกัน
    ขอบคุณที่เรามีกันและกัน
    ขอบคุณนะ ขอบคุณ 
    ขอบคุณที่เธอมีกายแข็งแรง
    ขอบคุณที่เธอมีใจเข้มแข็ง
    ขอบคุณที่เธออ่อนน้อมถ่อมตน
    ขอบคุณนะ ขอบคุณ

    What ! ! ! เมื่อก่อนเราเคยทำตัวแย่อย่างนั้นเลยเหรอ 

    …. ความทรงจำกลับมา 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in