เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
preview.cineflections
พ่อหนุ่มลูกท้อ: มารู้จัก Timothee Chalamet ดาวรุ่งจาก #CallMeByYourName

  • "ผมอยากจะจู่โจมและดำเนินชีวิตด้วยพลังทั้งหมดที่มี  

    แต่ตอนนี้ผมยังอยู่ในช่วงเฝ้ามอง" 


    "I want to attack and to lead my life with vigor, 

    but I'm in the watching stage at the moment."


     -- ทิโมธี ชาลาแมร์ (Timothee Chalamet), ให้สัมภาษณ์กับแมตทิว แมคคอนนาเฮย์



    หนึ่งในหนังวงจร 'ตัวเก็งรางวัล' ที่ถูกกล่าวขวัญถึงปลายปีนี้คงหนีไม่พ้น Call Me By Your Name (2017, ชื่อไทย: ไม่มีใครเข้มแข็งพอจะลืมรักครั้งแรก) แน่นอนว่า คุณคงเคยเห็นสองหนุ่มต่างวัยคู่นี้ผ่านตาตามข่าวมาบ้าง

    (ซ้าย) อาร์มี่ แฮมเมอร์​ (Armie Hammer หนุ่มสูงใหญ่จาก The Social Network, 2011) และ 
    (ขวา) ทิโมธี ชาลาแมร์ (Timothee Chalamet, จาก Miss Stevens, 2016) ที่เทศกาลภาพยนตร์โตรอนโต แคนาดา

    ตัวอาร์มี่ แฮมเมอร์นั้นแจ้งเกิดกับบทฝาแฝด Winklevoss นักกีฬากรรเชียงเรือดีกรีโอลิมปิกใน The Social Network (2011) แต่คุณอาจสงสัยว่า เด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มข้างตัวอาร์มี่ คือใครกันนะ

    บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับหนุ่มน้อยมากฝีมือ (ที่เราเอาใจช่วยเชียร์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย) กันมากขึ้นค่ะ :)


    Your Prodigal Son:  Growing Up New Yorker

    "ผมคงไม่เป็นนักแสดงอย่างที่ผมเป็นถ้าไม่ใช่เพราะนิวยอร์ก" ทิโมธี หรือ ที่เราจะเรียกสั้นๆ ว่า "ทิมมี่" กล่าวกับนิตยสารวาไรตี้ (Variety) ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้  (เหล่านักแสดงจากหนัง Hot Summer Nights (2017) ที่ทิมมี่แสดงนำ แย้มว่าเรียกเขาว่า 'ทีโม' ในกองถ่าย)

    พื้นเพของทิมมี่เป็น 'เด็กนิวยอร์ก'  (New Yorker) ที่แท้จริง เขาเกิดและโตในย่าน Hell's Kitchen (ย่านเดียวกับแมต เมอร์ด๊อก หรือ แดร์เดวิลเลย) ของแมนฮัตตั้น วันที่ 26 ธันวาคม 1995  ปีนี้ก็อายุย่าง 22 พอดี 

    ทิมมี่กับคุณแม่ ณ​ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต แคนาดา เมื่อกันยายนที่ผ่านมา

    ครอบครัวทิมมี่เป็นครอบครัวศิลปิน คุณลุง ร็อดแมน กับคุณตา ฮาโรล เฟลนเดอร์ เป็นผู้กำกับ และคุณป้า เอมี่ ลิปแมน (Amy Lippman) ทำงานโปรดิวเซอร์ทีวี ส่วนคุณแม่นิโคล เฟลนเดอร์ (Nicole Flender) เป็นโบรกเกอร์ซื้อขายที่ดินที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเยล และเคยเป็นนักเต้นละครบรอดเวย์ ซึ่ง พอลลีน (Pauline Chalamet) พี่สาวของทิมมี่ก็ตามรอยแม่มาติดๆ

    ทิมมี่กับครอบครัว จากไอจีของคุณแม่

    "ผมใช้เวลาเกือบทั้งหมดระหว่างเกรด 7 ถึง 12 (มอ. 1-6) วิ่งวุ่นไปรอบศูนย์การแสดงลินคอล์น (Lincoln Center) เพื่อรอให้ "เดอะนัทแครกกอร์" (The Nutcracker) จบลง"  ทิมมี่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารวาไรตี้ (Variety) เกี่ยวกับการเรียนบัลเล่ต์​ของพี่สาวสมัยเด็ก ตอนนี้พอลลีนอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสและเป็นนักแสดงเช่นกัน "ผมเลยรู้สึกว่าผมใช้ชีวิตตั้งแต่เกิดรอบๆการแสดง" ทิมมี่เสริม

    เพราะคุณพ่อ มาร์ค ชาลาแมร์ (Marc Chalamet) เป็นคนฝรั่งเศส ทิมมี่จึงใช้เวลาปิดเทอมฤดูร้อนที่ฝรั่งเศสพร้อมๆพี่สาว เขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่อง และเคยเป็นโค้ชฟุตบอลด้วย

    ตอนนี้ทิมมี่อาศัยอยู่ในย่านอีสต์ วิลเลจ (East Village) ของนิวยอร์กเหมือนเดิม และเดินทางอย่างเรียบง่ายด้วยรถไฟใต้ดินไปทำงาน 

    ทิมมี่ตามพี่สาวเข้าเรียนโรงเรียนไฮสกูลที่มีชื่อเรื่องการแสดงอย่าง ลากัวเดีย (La Guardia High School of Music, Art & Performing Arts) จนได้แสดงฝีมือในการเต้น ร้อง และละครเวทีมากมาย ก่อนจะจบการศึกษาในสาขาดราม่า ปี 2013

    ไม่ว่าจะเป็นแร็บ



    ทิมมี่ร้องและเต้นนำในเพลง "Tiny Tim & Sixth Period Lunch" (ทิมตัวน้อยกับข้าวเที่ยงคาบหก) ที่เขาแต่งเนื้อเอง 
    และกำกับโดยลี โลเปนโฮเฟอร์​ ในการแสดง 'ดาวรุ่งปี 2011' ของโรงเรียนลา กัวเดีย

    หรือการแสดงละครโรงเล็ก

    ทิมมี่ ในบท ออสการ์ ลินด์คิวส์​ (Oscar Lindquist) จากละครเวที Sweet Charity (2012) ตอนมอปลาย
    จากละคร Sweet Charity นี่เอง ทำให้ทิมมี่ได้คบกับ ลอร์ด ลีออง (Lourdes Leon) ลูกสาวของมาดอนน่า อยู่พักหนึ่ง

    ทิมมี่และลอร์ด ขณะแสดงละครเวที Sweet Charity
    ถ้าแง้มถามทิมมี่เรื่องหัวใจตอนนี้แล้ว เจ้าตัวบอกแมตทิว แมคคอนนาเฮย์ (Matthew McConaghey) ที่ร่วมงานด้วยใน Interstellar (2014) ว่า "ที่ผ่านมา ผมเดินทางบ่อย ยุ่งกับโปรเจกต่างๆ..."


    "เธอหลงรักงานแล้วละสิ" แมตทิวหยอก

    "ใช่ฮะ" ทิมมี่ตอบ "แต่ผมเห็นคุณกับครอบครัวในกองถ่าย... และผมคิดว่าเป็นอะไรที่ผมอยากลองดูทีหลังในชีวิต แต่อย่างที่คุณว่า พอผมมีโอกาสแล้ว ตอนนี้ผมพร้อม ตั้งใจ และโฟกัสมาก"


    หลังจากไฮสกูล ทิมมี่ลงเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างโคลัมเบีย แต่ก็ค้นพบหลังจากปีหนึ่งว่าตัวเองยังไม่เหมาะกับชีวิตเรียนเต็มที่เท่าไหร่นัก

    "...โคลัมเบียต้องการความตั้งใจในการเรียนเต็มร้อยจากผม ซึ่งผมคิดว่าผมมี แต่ดันไม่ตรงกับอะไรในใจผมช่วงนั้น ผมเพิ่งกลับมาจากการทำงานเดือนครึ่งในแคนาดากับหนึ่งในผู้กำกับที่ผมชื่นชอบ [คริส โนแลนนั่นเองค่ะ] และคุณ [แมตทิว] และต้องกลับไปในสิ่งแวดล้อมที่เป็นระเบียบ มันเป็นสิ่งที่ยากมาก"

    headshot รูปถ่ายนักแสดงอาชีพของทิมมี่

    ตอนนี้ทิมมี่ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนกาลาตินสำหรับการเรียนรู้ส่วนบุคคล (Gallatin School of Individualized Study) ของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ที่อนุญาตให้นักศึกษาออกแบบโปรแกรมการเรียน ตามสาขาที่เลือกเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งดูเป็นโปรแกรมที่ท้าทาย (และเหมาะกับทิมมี่) 

    กาลาตินมีศิษย์เก่าดังๆ อย่าง นางเอกรูนี่ย์​ มารา (Rooney Mara), ฝาแฝด ดีสนี่ย์โคล และ ดีแลน สเปราส์ (Cole and Dylan Sprouse), ดาโกต้า แฟนนิ่ง (Dakota Fanning)  พี่สาวของแอล (Elle), สาวแนนซี่จาก Stranger Things อย่างนาตาลี ไดเยอร์ (Natalie Dyer) และนางแบบแถวหน้า เพื่อนสนิทของเทย์เลอร์ สวิฟต์  (Taylor Swift) อย่าง คาร์ลีย์​ คอสส์ (Karlie Kloss)

    ถ่ายแบบน่ารักๆ

    ในปีเดียวกันที่จบไฮสกูล ทิมมี่ได้รับรางวัลสาขาละครเวทีด้านพูด (Spoken Theater) ของ Young Arts จากสมาคมส่งเสริมศิลป์เยาวชนแห่งชาติ  (National YoungArts Foundation ก่อตั้งในปี 1981) เป็นหน่วยงานการกุศลที่มอบรางวัลและทุนให้คนดังก่อนจะเป็นที่รู้จักในวันนี้อย่าง นักแสดงหญิง เคอร์รี่ วอชชิงตัน (Kerry Washington) และ ไวโอล่า เดวิส (Viola Davis), นักร้องสาว นิกกี้ มินาจ (Nicki Minaj) และนักแสดงหนุ่มแมต บอเมอร์ (Matt Bomer)

    ทิมมี่ในการแสดงพูดเดี่ยวบนเวทีของสมาคมส่งเสริมศิลป์เยาวชนแห่งชาติ (2013)

    ทิมมี่พูดเชิญชวนให้เยาวชนมาสมัครทุนของสมาคมส่งเสริมศิลป์เยาวชนแห่งชาติ (2013)
    หลังจากผลงานแสดงสมบทในบทลูกชาย 'ทอม' ของแมตทิว แมคคอนนาเฮย์ (Matthew McConaghey) (รับบทโดยแคสซี่ แอฟเฟลก์ Casey Affleck ในตอนโต) จาก Interstellar (2014) ทิมมี่นำแสดงละครเวที Prodigal Son ร่วมกับนักแสดงรุ่นเก๋า โรเบิร์ต ฌอน ลีโอนาร์ด (Robert Sean Leonard หมอวิลสันจากซีรีย์ House MD)

    ใบปิดละคร Prodigal Son (2016)

    Prodigal Son (2016) ประพันธ์โดยจอห์น แพทริค แชนลี่ย์ (John Patrick Shanley)​ นักเขียนผู้ชนะรางวัลออสการ์บทดีเด่นจากภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ Moonstruck (1987) และรางวัลพัลลิเซอร์ (Pulitzer Prize) จากบทละคร Doubt: A Parable (2014) ที่ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำและออสการ์สาขาบทดีเด่นเช่นกัน

    ทิมมี่กับบทเด็กโรงเรียนประจำตัวแสบ

    ทิมมี่รับบทเป็นเด็กอายุ 17 ปีมีพรสวรรค์แต่หัวรุนแรง จากย่านบรอซ์​ (Bronx) ในนิวยอร์ก ที่ได้โอกาสไปเรียนโรงเรียนประจำในนิว แฮมเชอร์ (New Hampshire) ด้านตะวันออกของอเมริกา โดยครูสองคน (โรเบิร์ต ฌอน ลีโอนาร์ด และคริส แมคแกร์รี่ Chris McGarry) พยายามเฝ้าดูและตัดสินใจว่าเด็กคนนี้จะรุ่งหรือดับกันแน่

    ประชันบทกับรุ่นใหญ่ (ซ้าย: โรเบิร์ต ฌอน ลีโอนาร์ด) เลยทีเดียว

    ตอนเราพบว่าทิมมี่ได้ประชันบทกับดาราขวัญใจอย่างโรเบิร์ตในบทนักเรียนโรงเรียนประจำด้วยแล้ว ก็อดปลื้มใจไม่ได้ เพราะนึกถึงภาพสมัยที่โรเบิร์ตนำแสดงเป็นนักเรียนดีเด่นแห่งโรงเรียนประจำหนังปลุกใจที่มีความหมายต่อชีวิตอย่าง Dead Poets Society (1989) เลย การที่โรเบิร์ตได้แสดงเป็นครู ส่งบทนักเรียนต่อให้ทิมมี่ ก็เหมือนส่งช่วงต่อรุ่นนักแสดงเก่งๆในดวงใจเรา > <"


    สมัยโรเบิร์ตแสดงเป็น นีล เพอร์รี่ (Neil Perry) เด็กหนุ่มเรียนดีใน Dead Poets Society (1989)

    อยากจะฝากคลิปการแสดง (ที่เสียดายเราไม่ได้ดูสด) ไว้ค่ะ

    ทิมมี่ถกเถียงกับครูเรื่องความคิดที่แตกต่างกัน อนาคต และการประพฤติของเขาที่โรงเรียนประจำ

    ทิมมี่พูดถึงการเป็น 'เจ้าแห่งจิตวิญญาณของตัวเอง' ฟุ้งกับเพื่อนในหอเรื่องการกระทำหากมีอิสรภาพ


    Layering Them Scenes: TV, Film Work and Breakthrough

    "ทุกอย่างเกิดขึ้นกับผมโดยธรรมชาติ" ทิมมี่กล่าวถึงบทบาทในโปรเจกการแสดงที่ได้รับเรื่อยๆตั้งแต่ปี 2012  ทิมมี่เริ่มได้รับบทเด่นขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าสงสัยว่าพรสวรรค์ของเขาจะแสดงเด่นชัดต่อคนดูผู้ชื่นชมเขาตั้งแต่ผลงานเรื่องแรกๆ

    ทิมมี่เริ่มเส้นทางการแสดงอาชีพโดยรับบทสั้นๆเป็น ฟินน์​ วอลเด้น (Finn Walden) ลูกชายรองประธานาธิบดี วิลเลี่ยม วอลเด้น ในซีรีย์การเมือง Homeland (2012)

    เด็กน้อย(ที่ไม่ใส) ใน Homeland (2012)

    ต่อด้วยการแสดงสมทบเป็นนักฟุตบอลไฮสกูล แดนนี่ วานซ์ (Danny Vance) ในหนังดราม่าความเป็นส่วนตัวในการใช้เทคโนโลยีในครอบครัวอย่าง Men, Women, and Children (2014, กำกับโดยเจสัน ไรท์แมน Jason Reitman ผู้คุมโปรเจกดังอย่าง Up in the Air (2009))

    แอบเท่กว่าอันเซล เอลกอร์ต (Ansel Elgort) พระเอกของเรื่องอีก (....)

    Interstellar (2014)

    ผลงานที่ผ่านตาคนมากที่สุดของทิมมี่ในปัจจุบันยังคงเป็นงานตะลุยอวกาศและมิติสุดล้ำ Interstellar (2014) ของป๋าคริส โนแลน ที่ได้ร่วมงานกับแมตทิว แมคคอนนาเฮย์ (Matthew McConaghey) ผู้ทิ้ง voicemail ถามไถ่ความเป็นไปของเขาในวันแรกของการเรียนมหาลัย  ทั้งคู่ยังติดต่อกันอยู่

    จากซ้าย:  ทอม (ทิมมี่), เมริ์ฟ (แมคเคนซี่ ฟอย, Mackenzie Foy), 
    และ คูปเปอร์ (แมตทิว แมคคอนนาเฮย์, Matthew McConaghey) ใน Interstellar (2014)

    "ผมดู Interstellar ไปสิบสองรอบ" ทิมมี่กล่าว "การเฝ้าดูเขา [แมตทิว] ทำให้ผมได้ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเกี่ยวกับการกะจังหวะตัวเอง ทำยังไงจะไม่โหมงานมากไปจนเบริ์น (burn out) และควรทำใจกับฉากที่รู้สึกว่าแสดงไม่ดียังไง" 

    "ผมรักการที่สามารถเฝ้าดูนักแสดงซึมซับบท อย่างดู [แมตทิว] ค่อยๆตีโจทย์การแสดงแต่ละฉาก ลองสิ่งใหม่ๆ และทำให้ทุกอย่างสดใหม่อยู่เสมอ"

    ทิมมี่ กับ (โปสเตอร์)แมตทิว

    "นักแสดงรุ่นๆรู้สึกกดดันที่จะต้องว้าวคนดูทุกฉากเมื่อได้รับบทใหญ่ขึ้น แต่ผมกลับพบว่า สามารถเพิ่มความละเอียดในการแสดง และแสดงน้อยลงฉากต่อฉาก"


    Love the Coopers (2015)

    ทิมมี่พลิกบทมาเล่นหนังคอเมดี้เรื่อง Love The Coopers (2015) หลังจาก Interstellar (2014) โดยรับบทชาร์ลี หนึ่งในญาติที่มาชุมนุมในโอกาสปาร์ตี้วันคริสมาสต์ของครอบครัวคูปเปอร์ กำกับโดย เจสซีย์ เนลสัน (Jessie Nelson) 



    ทิมมี่ตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงในตำนานอย่าง ไดแอน คีตั้น (Diane Keaton) จาก Annie Hall (1977) จอห์น กู้ดแมน (John Goodman, Inside Llewyn Davis, 2013) และ อลัน อาร์คิน (Alan Arkin, Little Miss Sunshine, 2006)

    ครอบครัวคูปเปอร์จาก Love The Coopers (2015)

    เขาให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ช่วงวัยรุ่นว่า "ตอนอายุ 14 อะไรๆที่พูดออกมาก็ฟังดูผิดไปหมด โดยเฉพาะต่อหน้าสาวๆ เหมือนเป็นโรคทางจิตว่า 'ทุกอย่างแย่ซะเหลือเกิน' ('Everything sucks') โชคดีว่าผมอายุ 19 [ตอนที่รับบท] จึงมีมุมมองที่ว่า 'ทุกอย่างจะดีขึ้น' ('Everything gets better')"

    กับญาติตัวเล็ก
    ได้เล่นคอเมดี้กับเขาบ้าง
    ในคลิปเดียวกัน ทิมมี่พูดถึง 'จูบครั้งแรก' ของเขาไว้ด้วย 

    'จูบแรก' ของ ชาร์ลี คูปเปอร์

    "ผมจูบเสร็จแล้วรู้สึกแบบ เฮ้ย บางทีผมอาจจะไม่ชอบผู้หญิงก็ได้นะ เพราะนี่มันไม่สนุกสักนิด แต่มันอาจเป็นแค่ประสบการณ์แบบ -- ว้าว มันสั่นประสาทเป็นบ้า ผมทำไปถูกรึเปล่า เธอจะรู้มั้ยว่านี่ครั้งแรกของผม อะไร... อะไรทำนองนั้นน่ะครับ"


    One & Two (2015)

    ใบปิดหนัง One & Two (2015)

    น้อยคนอาจรู้ว่า ทิมมี่เคยร่วมงานกับเด็กสาวมากฝีมืออย่างเคียร์แนน ชิปก้า (Kiernan Shipka) ผู้แจ้งเกิดกับบทแซลลี่ เดร๊ปเปอร์ (Sally Draper) ลูกสาวของดอน เดร๊ปเปอร์ (Don Draper, แสดงโดยจอน แฮม, Jon Hamm) ในซีรีย์ Mad Men (2007 - 2015)  ทิมมี่และเคียร์แนนแสดงเป็นพี่น้องชาวชนบทที่บังเอิญเกิดมามีพลังพิเศษหายตัวได้ ในหนังไซไฟ ระทึกขวัญ One & Two (2015) กำกับโดยแอนดริว โดรซ พาเลอร์โม (Andrew Droz Palermo)


    One & Two (2015) ฉายครั้งแรกที่งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ณ​ กรุงเบอร์ลิน (Berlinale International Film Festival) ประเทศเยอรมันนี และงานแสดงภาพยนตร์อินดี้ เซาท์​ บาย เซาท์เวสท์ (SXSW) ที่เทกซัส อเมริกา แต่น่าเสียดายที่เสียงวิจารณ์และผลตอบรับออกมาไม่ค่อยดีนัก


    Miss Stevens (2016)

    แต่ผลงานที่ทำให้เราค้นพบ และ หลงรักทิมมี่คือหนังอินดี้ Miss Stevens (2016) จากผู้กำกับหญิง จูเลีย ฮาร์ต (Julia Hart) เขารับบท บิลลี่ เด็กวัยรุ่นที่เข้าถึงยากแต่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ด้านแสดง ประชันบทกับครูสาวตามชื่อเรื่อง ซึ่งแสดงโดย ลิลี่ ราเบ้ (Lily Rabe) นักแสดงหญิงที่แฟนๆซีรีย์เขย่าขวัญ American Horror Story (2011- ) คงคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี

    บิลลี่ และ มิสสตีเว่น

    Miss Stevens (2016) เล่าถึงตัวครู​ที่พานักเรียนสามคนไปประกวดการแสดง และระหว่างทางได้ค้นพบอะไรๆเกี่ยวกับตัวเองและนักเรียน โดยเฉพาะบิลลี่ ไปด้วย

    จากซ้าย: บิลลี่ (ทิมมี่), มิสสตีเว่น (ลิลี่ ราเบ้), แซม (แอนโธนี่ ควินเทา, Anthony Quintal) 
    และ มาร์โก้ (ลิลลี่ ไรท์ฮาร์ท, Lili Reinhart หรือ เบตตี้จากซีรีย์ Riverdale (2017--) นั่นเอง)

    เรารัก Miss Stevens (2016) เพราะ 'ความเงียบ' และโมเม้นท์เล็กๆของหนัง เป็นหนังที่สวยงามในความนิ่ง เนิบ บทสนทนาที่อาศัยเคมี และ การพูดคุย ปฏิสัมพันธ์กันอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างครูและลูกศิษย์คนหนึ่ง ถ่ายทำเรียบง่ายแต่สวยงาม 

    อยู่ในโลกของตัวเอง

    ถ่ายสวยเหลือเกิน

    ฉากที่เราชอบมากๆคือฉากตอนท้ายๆที่มิสสตีเว่นพูดประโยคหนึ่ง "ครูทิ้งเธอไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ" ("I just can't walk away from you right now.") กับบิลลี่ เป็นฉากที่ตรึงใจเพราะความเงียบ โหวง และเหงาในอารมณ์โดยไร้คำพูด พึ่งแต่สีหน้าและการแสดงของลิลี่และทิมมี่ล้วนๆ

    ฉากน่ารักๆ ตรึงใจระหว่างสองคนนี้เยอะมาก

    หากฉากโบแดงของหนังคือ การแสดงของบิลลี่ในการประกวด เป็นบทพูดเดี่ยว (Monologue) จากบทละคร Death of a Salesman (1949, ประพันธ์โดยอาเธอร์ มิลเลอร์) โดยสวมบทตัวละคร บิฟ (Biff) ลูกชายของ วิลลี่ (Willy) ทนายตัวเอกในชื่อเรื่อง ฉากที่แสดงคือฉากที่บิฟระบายความในใจให้พ่อฟัง ว่าเขาค้นพบความเป็นตัวตนของตัวเอง และไม่สามารถที่จะเป็นลูกแบบที่พ่อต้องการอีกต่อไป เพราะเขาเป็นเพียงตัวเขาเท่านั้น 

    ทิมมี่แสดงบทพูดเดี่ยวของตัวละคร บิฟ ขณะสวมบท บิลลี่ ในหนัง Miss Stevens (2016)

    การแสดงของทิมมี่ในฉากนี้คือ ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เป็นฉากที่ทำให้เราตกหลุมรักเด็กหนุ่มคนนี้เข้าเต็มๆ เป็นการแสดงบทพูดนี้แบบที่เราเคยฝันมาตลอดตอนอ่านว่าควรถูกแสดงออกมาแบบนี้ น้ำตา น้ำเสียง และสีหน้าของทิมมี่นั้นสื่อความหมายทุกอย่างของบทพูดอย่างละเอียดและตรึงใจ

    *Death of a Salesman (1949) เป็นบทละครที่เราประทับใจตั้งแต่เรียนตอนมอปลาย ตัวละครเล่นกับเวลา ความทรงจำ การแยกแยะความจริง/จินตนาการของวิลลี่ ผู้ที่เริ่มสับสนและท้อแท้ในชีวิตบั้นปลายของตัวเองที่ไม่ได้เป็นไปดังคิด เป็นบริบทต่างๆ (ธีม Theme) ที่เรานำมาใช้ในการเขียนถึงปัจจุบันนี้ 

    บิฟ (แอนดริว การ์ฟิลด์, Andrew Garfield) กำลังถกเถียงกับวิลลี่ผู้พ่อ (ฟิลลิป ซีมอร์ ฮอฟแมน, Philip Seymour Hoffman)

    เกร็ดเล็กๆคือ แมวส้ม อย่าง แอนดริว การ์ฟิลด์​ (Andrew Garfield) เคยแสดงบท บิฟ บนเวทีที่นิวยอร์ก กับ ฟิลลิป ซีมอร์ ฮอฟแมน (Philip Seymour Hoffman) ในบทวิลลี่ ในปี 2012 
    ก่อนฟิลลิปจะจากไปอีกด้วย


    แนะนำให้หา Miss Stevens (2016) มาลองดูในวันว่าง แล้วคุณอาจหยุดฟังเพลงนี้ไม่ได้เลยทีเดียว


    Hot Summer Nights (2017)

    ส่วนปีนี้ ทิมมี่ก็เพิ่งถ่ายทำหนังอินดี้ Hot Summer Nights (2017) กำกับโดย อีไลจา ไบนัม (Elijah Bynum) เขาแสดงเป็น แดเนียล เด็กวัยรุ่นที่ประสบการณ์กับกัญชาในหน้าร้อนที่เคป คอด (Cape Cod) ในปี 1992 สอนให้เขาเติบโตขึ้น โดยแสดงร่วมกับสาวบลอนด์ ไมก้า มอนโร (Maika Monroe) เจ้าของบทจากหนังสยองขวัญอย่าง It Follows (2014) และ The Guest (2014)

    ใบปิดสวยๆสีนีออนจาก Hot Summer Nights (2017)

    Hot Summer Nights (2017) พรีเมียร์ที่เทศกาลภาพยนตร์อินดี้ เซาท์​ บาย เซาท์เวสท์ (SXSW) ที่เทกซัส อเมริกา จัดจำหน่ายโดยค่าย A24 แต่ยังไม่มีกำหนดฉายที่ไหน

    มิเคย์เล่ (ไมก้า มอนโร, Maika Monroe) และแดเนียล (ทิมมี่)

    ดูเป็นวัยรุ่นที่แบกโลกหนักอึ้งมาก

    A Marathon, Not a Sprint: Upcoming & Future Projects

    เรียกได้ว่าปี 2017 เป็นปีทองของทิมมี่ เราเองก็อยากเห็นคนรู้จักงานแสดงคุณภาพระดับหายากจากทิมมี่สักที

    Call Me By Your Name (2017)

    ใบปิดจากหนัง

    เริ่มจากหนังแรกรักในฤดูร้อนที่เมืองชนบททางตอนเหนือของอิตาลี อย่าง Call Me By Your Name (2017) สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของอังเดร อสิมาน (Andre Aciman) กำกับโดย ลูก้า กวาดานิโน (Luca Guadagnino) ที่ทิมมี่รับบท เอลลิโอ ลูกชายของศาสตราจารย์ที่ให้นักศึกษาปอเอกอย่าง โอลิเวอร์ (อาร์มี่) มาค้างที่คฤหาสน์ของตน และค่อยๆพบว่าความรู้สึกสับสนของตัวเองที่มีต่อแขกในบ้านคือความรัก ว่ากันว่าหนังสื่อประสบการณ์รักแรกได้หมดจด กินใจ ชนิดที่ทำคนดูหวลระลึกถึงรักแรกของตัวเอง

    เอลิโอ (ทิมมี่) และ โอลิเวอร์ (อาร์มี่)

    "พลังพิเศษของลูก้าคือการกระตุ้นความรู้สึก ความสามารถที่ทำให้ทุกอย่างรู้สึกโรแมนติก" และหนึ่งในฉากโรแมนติกของหนังคือฉาก 'ลูกพีช' หรือ 'ลูกท้อ' (ที่เราขออุบรายละเอียดไว้ ถ้าอยากรู้ต้องไปอ่านนิยายเรื่องนี้กันเอาเอง) ทิมมี่พูดถึงฉากนั้นกับนิตยสาร GQ ว่า "...น่าขำ ที่ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนตัวเรื่องฉากนั้น ตอนที่ถ่ายทำกัน บางทีผมก็ลืมไปเลยว่ามีกล้องอยู่ ตอนที่แสดงฉากนั้นจริงๆ รู้สึกเหมือนผมหลุดจากร่างตัวเองไปแล้ว (an out-of-body experience)"

    ฉากใน Call Me By Your Name (2017) ที่โยงถึงหนังอมตะ Maurice (1987) 
    ซึ่งเขียนบทโดยเจมส์ ไอวอรี่ (James Ivory) เช่นกัน

    สิ่งที่โรแมนติกที่สุดที่เราชื่นชมในคำพูดของทิมมี่คือนิยามของความต่างด้านเคมีทางเพศระหว่างชายและหญิง 


    ภาพนิ่งสวยๆจากหนัง แค่นี้ก็เคมีล้นเหลือมาก

    "ผมเกือบจะคิดว่าเคมี เมื่อเทียบกับกลไกทางร่างกายอย่างการจูบหรือเซ็กส์แล้ว เห็นได้ชัดมากกว่าเมื่อไม่ได้สัมผัสกัน"  ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ ระยะห่างระหว่างคนที่ดึงดูดเข้าหากันบ่อยครั้งกระตุ้นความรู้สึกได้มากกว่าการกระทำตรงๆ

    ความสัมพันธ์ฤดูร้อน
    "เราทั้งสองพบว่าเรื่องนี้ทั้งสำคัญ สดใหม่ ตรงประเด็นในปัจจุบัน มีศิลป์ในตัว และควรที่จะถูกเผยแพร่" ทิมมี่อธิบายกับนิตยสาร W ซึ่งนิยามตัวทิมมี่ว่า เป็นคนที่มีความงามของเด็กหนุ่ม แต่มีจิตวิญญาณของผู้ผ่านโลกมามากในเวลาเดียวกัน

    ทิมมี่ออกเสียงคำว่า "Later!" ("ทีหลังเหอะ!") ประโยคสำคัญในนิยายได้อย่างไร้ที่ติ 
    (ครั้งแรกที่ได้ยินในหนังตัวอย่างเราถึงกับกุมอก)

    โอ้ละหนอ พ่อหนุ่มลูกท้อ :3

    ความกระสับกระส่ายนี้เห็นในชัดในการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยพลังของเขา "มันสูบแรงผมไปมากเลยละ" ทิมมี่กล่าว "ผมต้องพักไปดีทอกซ์ตัวเองเดือนนึงหลังปิดกล้อง"

    ระหว่างพักกอง มีคนบอกว่าทั้งคู่แอบเหมือนเอลิโอและโอลิเวอร์นอกจอจริงๆ *_*

    Call Me By Your Name (2017) จะเข้าฉายในไทยวันที่ 14 ธันวาคมที่ house RCA เท่านั้น


    Lady Bird (2017)

    ตัดภาพมาผลงานอีกเรื่อง ที่ทิมมี่ถ่ายทำไล่ๆกับ Call Me By Your Name (2017) คือ Lady Bird (2017) หนังแห่งการเรียนรู้ของเด็กสาววัยมอปลาย (แสดงโดยเซอร์ช่า โรแนน, Saoirse Ronan)  ที่กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต หลังต้องย้ายบ้านไปฝั่งตะวันตก (West Coast) ของอเมริกา ทิมมี่รับบทเป็น ไคล์​ (Kyle) เด็กหนุ่มแบดบอย มีระยะห่างทางอารมณ์ ซึ่งเป็นบทที่แตกต่างจากเด็กเริ่มรักอย่างเอลิโอ อย่างสิ้นเชิง


    ทิมมี่เลือกรับงานเพราะโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับเกรต้า เกอร์วิก (Greta Gerwig) ที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่ดู Frances Ha (2013) เขาให้สัมภาษณ์ว่าเซอร์ช่า โรแนน (Saoirse Ronan) เป็นนักแสดงรุ่นเดียวกันที่ฝีมือระดับแนวหน้า

    ทิมมี่ กับ เกรต้า เกอร์วิก (Greta Gerwig) ในงานพรีเมียร์ Lady Bird (2017) 
    ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต แคนาดา เมื่อกันยายนที่ผ่านมา

    Lady Bird (2017) ยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้าไทยหรือไม่ เมื่อไหร่ แต่นับเป็นหนังเก็งรางวัลอีกเรื่องที่เราอยากดูมากๆในปีนี้

    เล่นเป็นหนุ่มแบดบอยนะเออ

    Hostiles (2018)

    นอกจากหนังเก็งรางวัลสองเรื่องส่งท้ายปี ทิมมี่ยังมีผลงานอีกเรื่องที่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆบ้างแล้ว แต่จ่อคิวฉายในโรงปกติต้นปีหน้า เขาร่วมงานกับคริสเตียน เบล (Christian Bale) ผู้รับบทเป็นกัปตันกองทัพ และ โรสซามุนต​์ ไพค์ (Rosamund Pike) ผู้รับบทแม่ม่ายตรอมใจเพราะครอบครัวถูกฆาตกรรมโดยอินเดียนแดง ในหนังเวสเทริ์น คาวบอยย้อนยุค Hostiles (2018)  กำกับโดยสกอตต์ คูปเปอร์ (Scott Cooper)


    โดยรวมผลตอบรับจากนักวิจารณ์ค่อนข้างดี เรียกได้ว่าเป็นการสาธยายเรื่องความรุนแรงและจิตวิญญาณความเป็นอเมริกันชนิดโชกเลือด

    คริสเตียน เบล (Christian Bale) ใน Hostiles (2018)

    สำหรับเรื่องนี้ก็ต้องรอดูไปก่อน~


    Beautiful Boy (2018)

    ผลงานเด่นอีกชิ้นปีหน้าของทิมมี่ คือบทนำในหนังดราม่า Beautiful Boy (2018)  ในบท นิค เชฟ (Nic Sheff) เด็กติดเฮโรอิน กับ เมธ (heroin and methamphetamine) โดยผู้รับบทพ่อของนิคคือ สตีฟ คาเรล (Steve Carell) นั่นเอง

    ทิมมี่ ซึ่งปกติตัวผอมเล็กอยู่แล้ว ต้องลดน้ำหนักลงไปอีก เพื่อแสดงถึงขั้นเลวร้ายต่างๆของการติดยาให้สมจริง "ได้ร่วมงานกับสตีฟ คาเรล ทำให้ผมรู้สึกเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดในโลกเลย" ทิมมี่กล่าวกับนิตยสาร Interview

    ยังไม่มีรูปจากหนังออกมาแต่ Beautiful Boy จริงๆ

    ส่วนตอนนี้ทิมมี่เพิ่งปิดกล้อง A Rainy Day in New York (2018) กับเซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) และแอล แฟนนิ่ง (Elle Fanning) อยู่ ภาพที่หลุดออกมาคือเขาแต่งตัวสไตล์พระเอกวู้ดดี้ อัลเลนมากๆ

    เข้าฉากโรแมนติกกับเซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) 

    สดใสพอกันทั้งคู่กับแอล (Elle)

    ทิมมี่กล่าวว่านักแสดงที่มีอิทธิพลกับเขาได้แก่ ฮัวคิน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) จากเรื่อง her (2013), หลุยส์ เดอ ฟูน (Louis de Funes) นักแสดงคอเมดี้ชาวฝรั่งเศสในตำนาน และเดนเซล วอชชิงตัน (Denzel Washington) นักแสดงผิวสีผู้ผ่านบทดราม่าหนักๆมามากมาย

    ไอดอลของทิมมี่แต่ละคนคุณภาพทั้งนั้น :)

    พอถามว่านักแสดงหญิงที่ชอบคือใคร ทิมมี่ตอบโดยไม่คิดเลยว่า จูลี่ย์​ แอนดริวส์ (Julie Andrews) นักแสดงมากฝีมือทั้งเต้น ร้อง และแสดงบทที่น่าจดจำในดวงใจหลายๆคน (คำตอบนี้ของทิมมี่ก็เอาใจเราไปอีกแล้ว!)

    หัวเราะร่าที่พรีเมียร์ Call Me By Your Name (2017) ณ​ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลอนดอน อังกฤษเมื่อต้นเดือนตุลาคม

    ท้ายสุดแล้ว ทิมมี่พูดกับแมตทิว แมคคอนนาเฮย์ เรื่องการแสดงของตน ในบทสัมภาษณ์เดียวกันที่เปิดบทความนี้ว่า 

    ความหล่อแบบคลาสสิกนี้

    "ตอนนี้ผมเชื่อในการอยู่กับปัจจุบัน ในคลื่นลูกนี้

    มันเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่งเร็วๆให้จบไป"


    "It’s about staying present, in that wave; 

    It’s a marathon, not a sprint."


    -- ทิโมธี ชาลาเมร์ (Timothee Chalamet), 2017


    เด็กหนุ่มฝีมือดี ความคิดดี อนาคตไกลขนาดนี้ เราเชียร์ทิมมี่สุดใจเลยค่ะ ต้องคอยจับตามอง ปีนี้เจ้าตัวได้ไปออสการ์จากหนังเก็งรางวัลสักเรื่อง ทั้งที่ยังยี่สิบต้นๆแน่ๆ

    ภาพถ่ายแบบสวยๆ

    ใครจะไปรู้  ในอนาคตทิมมี่จะไปไกลแค่ไหน.



    ส่งท้าย

    หากใครสนใจติดตามเรื่องทิมมี่เพิ่มเติม แวะไปที่เว็บแฟนคลับของน้องได้เลยค่ะ

    ส่วน Twitter ของน้องก็นี่เลย --> @RealChalamet


    ขอบคุณที่สนใจอ่านนะคะ ​<3


    แวะมาคุยกันได้เสมอที่ twitter: @cineflectionsx  ค่ะ



    x


    ข้าวเอง.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
SeMeNOW (@SummerNeverEnd)
ระหว่างพักกอง มีคนบอกว่าทั้งคู่แอบเหมือนเอลิโอและโอลิเวอร์นอกจอจริงๆ (คืออินกับบทยันนอกจอเลย 555)
cineflections (@cineflections)
@SummerNeverEnd สนิทกันมากๆ สองคนบอกทำเกือบทุกอย่างที่ทำในหนังด้วยกันเลย (ยกเว้นฉากที่รู้) <3
ifnotlater_when (@ifnotlater_when)
เดี่ยวว่าจะไปตามอ่าน Death of a Salesman ขอบคุณที่แนะนำค่ะ เราชอบ Crucible ของมิลเลอร์มากๆค่ะ ^^
cineflections (@cineflections)
@ifnotlater_when ยินดีค่าา อ่านแล้วมาคุยกันได้นะคะ <3
thefirstofmine (@thefirstofmine)
น้องทิมมี่ยยยย์ <333
cineflections (@cineflections)
@thefirstofmine ความสดใสน่ารักเต็มเพจไปหมดดด <33