เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyvermillionxe
Law of attraction | กฎแห่งแรงดึงดูด
  • ทัศนคติคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จ และหนึ่งในทฤษฎีที่น่าสนใจก็คือ Law of attraction หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากฎแห่งแรงดึงดูด เป็นหลักปรัชญาที่ได้รับการพูดถึงมาตั้งแต่ปี 1887
    ความคิดในแง่ดีจะดึงดูดผลลัพธ์เชิงบวก ส่วนความคิดในแง่ลบจะดึงดูดผลลัพธ์ในเชิงลบเช่นเดียวกัน


    ในความคิดเห็นของผู้เขียน กฎแห่งแรงดึงดูดหมายถึงการที่เราปรารถนาความคิดไปยังสิ่งๆ หนึ่ง โดยใช้ความรู้สึกและความเชื่อของเราดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิต คล้ายกับแม่เหล็กที่คอยดึงดูดความสำเร็จ คิดอย่างไรก็ได้ได้ในสิ่งนั้น หากเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้ ก็เท่ากับประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
    — Thoughts become reality Like attract like. ความคิดจะกลายเป็นความจริง คิดถึงสิ่งใดก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิต






    1. เราสร้างชีวิตของตัวเองโดยการหว่านเมล็ดพันธุ์บางอย่างลงไปผ่านทางความคิด และจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งนั้น (ผลลัพธ์) ในท้ายที่สุด


    2. ชีวิตในปัจจุบันถูกสร้างและหล่อหลอมมาจากความคิดในอดีต และตัวตนของเราในปัจจุบันก็จะส่งผลต่ออนาคตด้วยเช่นเดียวกัน


    3. พยายามเริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลังแห่งการคิดบวก โดยเริ่มต้นจาก Be greatful หรือรู้สึกขอบคุณตัวเองหากการมีความสุขนั้นยากจนเกินไป ตั้งแต่การตื่นขึ้นมาในทุกๆ วัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยสิ่งดีๆ นั่นคือเก่งมากแล้ว การพยายามใช้ชีวิตประจำวันเป็นเรื่องที่เก่งมากแล้ว ดังนั้นขอให้ทุกคนรักและขอบคุณตัวเองให้มากๆ 


    4. พิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตว่ามีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง 






    วิธีนำกฎแห่งแรงดึงดูดมาใช้ในชีวิตประจำวัน

    - ขอ (ask) ต้องมีเป้าหมายที่มุ่งมั่นและชัดเจนในสิ่งที่ปรารถนา


    - เชื่อมั่น (believe) เชื่อว่าได้รับในสิ่งที่ปรารถนามาเรียบร้อยแล้ว


    - รับ (receive) ยอมรับในผลลัพธ์ รวมถึงชื่นชมในสิ่งที่ได้รับ 






    [Law of attraction ประกอบไปด้วยกฎ 3 ข้อ ]

    1. เหมือนดึงดูดเหมือน (Like attracts like) สิ่งที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกันจะดึงดูดกันเอง


    * 2. ธรรมชาติรังเกียจสูญญากาศ (Nature abhors a vacuum) สมองของเรามีพื้นที่จำกัด แต่มักเสียไปกับการคิดอะไรฟุ้งซ่านหรือการคิดถึงสิ่งที่ไม่จำเป็นอยู่เสมอ ดังนั้นการพยายามกำจัดความคิดลบและนึกถึงแต่สิ่งดีๆ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ


    * 3. ปัจจุบันสมบูรณ์แบบที่สุด (The present is always perfect) เราสามารถเป็นปัจจุบันได้เสมอ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตหรือล่วงรู้อนาคตได้ ดังนั้นอาจสรุปได้ว่าควรโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และทำตอนนี้ให้ดีที่สุด





    (ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลต่างๆ — และนำมาสรุปในแบบของตัวเอง ทั้งจากในเว็บไซส์และ podcast ในหัวข้อ law of attraction โดยเนื้อหาส่วนใหญ่มาจาก podcast ช่อง THE MEANINGFUL https://youtu.be/uGWo_6hbnsg และเว็บไซต์ https://www.unlockmen.com/ ทั้งนี้ต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ และหากมีอะไรผิดพลาดไป ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in