นับตั้งแต่กลับมาจากส่งมัชฌิมาและธีราขึ้นฟ้า…
คืนวันนั้นธาดาเพียงแค่จอดรถในโรงรถตามปกติ เดินเข้ามาในบ้านเงียบๆ มืดๆ หลังเดิม แม้จะมองอะไรไม่เห็น แต่ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวก็ร่ำร้องบอกเขาว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมด
บ้านนี้ไม่เหลือใคร หรือความอบอุ่นแบบวันเก่าให้ธาดาอีกต่อไปแล้ว...
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเสียเวลาเดินอ้อมไปเปิดสวิทช์ไฟ แต่ก็สามารถคลำหาขวดยานอนหลับในตู้ยาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดิม…
มือสั่นเทาเทยานอนหลับทั้งหมดลงในอุ้งมือ…
รสชาติขมปร่าของยาเม็ด เทียบไม่ได้เลยกับความขมขื่นที่เกาะกินจิตใจของเขาอยู่…
มัช… ธีร์… รอผม รอพ่อแป๊บเดียวนะ…
ธาดาทิ้งกระปุกยาเปล่าลงกับพื้นหลังเอนตัวลงนอนเหยียดขาบนโซฟาหนังนุ่มนิ่ม
หึ… ใครกันที่บัญญัติว่ากินยาแล้วต้องดื่มน้ำตามมากๆ ไม่เห็นจำเป็นสักนิด
เขายิ้มให้ตัวเองน้อยๆ นึกขำกับความคิดประหลาดๆ ตลกๆ ที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แล้วกระพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความมึนงงที่จู่ๆ ก็เข้ามาปะทะสมองเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
อืม… ยาออกฤทธิ์แล้วเหรอ เริ่มคิดอะไรไม่ค่อยออกซะแล้วสิ
แถมเปลือกตา… ก...ก็ ชัก...ก จะห...นัก
ความรู้สึกง่วงงุนถาโถมเข้าใส่ ไม่ต่างอะไรกับสึนามิซัดเข้าหาฝั่ง กวาดต้อน กลืนกินชีวิต จิตวิญญาณ รวมถึงสรรพสิ่งที่ขวางหน้าให้อยู่ใต้อาณัติของมัจจุราช…
ธาดารู้สึกง่วง…
ง่วงมาก…
เขาขอหลับไปทั้งแบบนี้ แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาในบ้านว่างเปล่าหลังนี้อีกเลยได้ไหม…
บ้าน…
ที่ไม่มีครอบครัวอีกต่อไป…
ยังเรียกว่าบ้านได้อีกเหรอ...
ธาดาได้ยินเสียงเหมือนมีคนเตะกระปุกยานอนหลับเปล่าๆ ที่เขาทำตกไว้ข้างโซฟา แต่เขาไม่มีแรงพอจะผงกหัวขึ้นไปดูด้วยซ้ำ
ใครมา…?
โจรเหรอ…?
หูแว่ว…?
หรือมัชมารับผม…?
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหวานแหลม ดังแว่วหวีดหวิว เบา… ยิ่งกว่าลมกระซิบ
“--าดา…”
ใครเรียกน่ะ…?
“--าธาดา…” คราวนี้เสียงหวานตะโกนแหลมดังจนแสบแก้วหู
“อาธาดา...”
เด็กข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาเมื่อเดือนก่อนนี่เอง ถึงปกติเด็กคนนี้จะเคยเข้ามากินขนมที่มัชฌิมาอบเองบ้าง เข้ามาเล่นกับตาธีร์หลังเลิกเรียนบ้าง แต่ไม่รู้ว่าคืนนี้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้านเขาได้ยังไง ถึงเขาจะลืมล็อคบ้าน แต่ขอร้องเถอะ ช่วยหยุดตะโกนเสียที…
แสบแก้วหูเหลือเกิน
“อาธาดา!!!” เสียงเล็กๆ ร้องเรียกข้างตัวเขาอย่างตระหนก มือเล็กจิ๋วเท่ามือเด็กน้อยธีราเขย่าแขนธาดารัวๆ ด้วยความตกใจสุดขีด
เมื่อไม่มีเสียงและสัญญาณตอบรับจากเจ้าของชื่อ เด็กน้อยวัยห้าขวบหันหลังวิ่งกลับบ้านตัวเองที่อยู่ข้างๆ กันทันที
“ป่าป๊าาาาาา ป่ะป๊า!!! อาธาดาตัวแข็งเหมือนหม่าม๊าเลย! ป่ะป๊าช่วยอาธาดาด้วย!!!”
ร่างเล็กวิ่งห่างออกไปแล้ว…
เด็กคนนั้นน่าสงสารที่เพิ่งเสียแม่ไปไม่นานมานี้ หญิงสาวเข้านอนและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยในวันรุ่งขึ้น กว่าพ่อจะรู้ตัวและพาแม่ส่งโรงพยาบาล หนูน้อยปรมัตถ์ก็นอนร้องไห้กอดร่างของแม่อยู่ราวๆ สองชั่วโมง
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ธาดาจะต้องกังวลสักหน่อย
แค่ย้ายมาอยู่บ้านข้างกัน แต่ปรมัตถ์ก็ไม่ใช่ธีรา… เด็กคนนั้นไม่มีวันมาแทนลูกชายเขาได้
สำหรับธาดา ในโลกนี้ไม่มีวันที่ใครจะมาทดแทนมัชฌิมากับธีราได้
ไม่มี...
เงาเล็กจิ๋วที่โดดผลุงขึ้นมาบนโซฟาเดียวกันทำให้ธาดาแปลกใจพอสมควร แต่เขาก็ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะสะดุ้ง…
เด็กคนนี้ไปตามคนมาช่วย และวิ่งกลับมาถึงตัวเขาก่อนเสียงผู้คนเอะอะที่แว่วมาจากหน้าบ้านราวหนึ่งนาที
แขนสั้นป้อมกึ่งดึงกึ่งลากร่างของธาดาด้วยแรงทั้งหมดของเด็กห้าขวบ ถูลู่ถูกังจนคนตัวโตกว่ากลิ้งตกแอ้กตามลงมาที่พื้น…
ทำอะไรฉันเนี่ย… หนูน้อย
มืออ้วนกลมประสานกันบนหน้าอกเขา ก่อนจะยืนขึ้น ถ่ายน้ำหนักตัวกดลงมาเป็นจังหวะ
ฮึบๆๆ
ก่อนจะนับเสียงดัง
“หนึ่ง…”
“สอง…”
“สาม…”
จนกระทั่งถึงสามสิบ…
จากนั้นมืออ้วนป้อมกดหน้าผาก เชยคาง บีบจมูกคนที่นอนเหยียดยาวบนพื้น ประกบริมฝีปากเล็กๆ แล้วเป่าลมทั้งหมดในปอดถ่ายลงไปบนปากที่กำลังอ้าเผยอ
เด็กนี่กำลังทำ CPR ให้เขาเหรอ…
ถึงจะลืมเช็คว่าชีพจรของเขายังไม่หยุดเต้นก่อนจะลงมือปั๊มหัวใจก็ตามที แต่เด็กแค่ห้าขวบทำ CPR ได้เนี่ยนะ… เป็นไปได้ยังไงกัน
แม้อยากร้องถามออกไปแค่ไหน ธาดาก็ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว
เขาเกือบหลุดหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา…
หึ โชคชะตามักเล่นตลกกับมนุษย์อยู่เสมอเลยสินะ…
ถึงจะพยายามช่วย แต่อาคงไม่มีโอกาสได้ขอบคุณมัตถ์แล้ว...
ขอโทษนะครับ...
ถึงแม้ว่าหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะขมขื่นจนใจแทบพัง แต่ก่อนตายได้รู้สึกเหมือนได้ชุบชีวิตจากคนที่เป็นห่วงเขา ทุ่มเทพยายามช่วยเหลืออย่างจริงจังอีกครั้ง
แค่นี้ก็ชื่นใจ…
อีกอย่าง… ถึงจะแค่ห้าขวบ แต่เขาคงต้องมองเด็กน้อยคนนี้ซะใหม่
หนูน้อยปรมัตถ์หน้าหวาน ขนตายาวเป็นแพ น่ารัก พูดน้อย เรียบร้อยเหมือนผู้หญิง ที่ผ่านมาเขินจนบิดทุกครั้งเมื่อพบธาดา แต่วันนี้กลับช่างกล้าหาญและเชี่ยวชาญในเรื่องที่ผู้ใหญ่บางคนก็ยังทำไม่ได้
เก่งจริง… เจ้าตัวเล็ก
เราเจอกันช้าไปนิดเดียวเนอะมัตถ์
ขอบคุณจริงๆ ที่พยายามช่วยอา…
ไว้เจอกันอีกตอนอามาเกิดใหม่นะครับ…
ถ้าชาติหน้ามีจริง…
แต่พูดก็พูดเถอะนะ… ปากมัตถ์หวานจัง
หนูเพิ่งอมจูปาจุ๊บมาใช่ไหม… บอกอาที
.
.
.
“อาธาดา~”
เสียงเล็กๆ หวานๆ จากร่างเล็กกลมป๊อกที่เกาะอยู่ข้างรั้วต้นไม้ ตะโกนข้ามมาจากกำแพงบ้านข้างๆ เพื่อเรียกธาดาทุกวันที่ได้ยินเสียงเขาเอารถเข้าจอดเรียบร้อยในโรงรถและดับเครื่องยนต์
หลังจากธาดาฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล เจ้าของเสียงตัวน้อยมาเยี่ยมเขา ก่อนบังคับทั้งน้ำตาและน้ำมูก ให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนั้นอีก
แถมยังยืนยันหนักแน่นว่าอยากจะเรียกเขาที่รั้วบ้านเพื่อให้แน่ใจทุกวันว่าเขาจะตอบกลับ…
ว่าเขายังอยู่…
ไม่ไปไหน...
ถึงเวลาจะผ่านไปแค่ปีเศษนับจากเหตุการณ์วันที่เขาคิดจะตามลูกเมียที่ล่วงลับในเหตุการณ์วันที่ 1 พฤศจิกายนบนทางหลวงสายเทคาโปไป แต่เสียงนี้ก็เป็นเหมือนปาฏิหารย์ที่ทำให้เขารอดมาได้ เสียงที่ช่วยชีวิตเขา มอบโอกาสในการมีชีวิตอยู่ให้อีกครั้ง
จนกระทั่งวันนี้ เสียงของปรมัตถ์ก็ยังเรียกหาเขาทุกครั้ง… ที่กลับบ้าน
ไม่เคยขาด...
เสียงหวานๆ แบบนี้นี่แหละที่ทำให้บ้านนี้ยังคงความเป็นบ้านในสายตาของคนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแบบเขา…
ทำให้จิตใจของธาดา ยังมีความหวานหล่อเลี้ยง ทำให้เขากล้าพอจะยืนหยัดสู้ และอยากมีชีวิตต่อไปขึ้นมาอีกสักครั้ง
ธาดาปิดประตูรถ หันไปยิ้มให้เงาเล็กๆ ที่วิ่งจู๊ดเข้าหา ก่อนกระโดดเข้าใส่อ้อมแขนที่เขากางรับไว้ก่อนแล้ว
ธาดามันเขี้ยวเลยหอมแก้มกลมๆ ไปหนึ่งฟอดใหญ่...
เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าจนตาปิด
“ว่าไงครับ จูปาจุ๊บของอา...”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in