เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber2018pampamgirl
[Chapter 1.14 Turbulence เมื่ออา(กาศ)ปั่นป่วน
  • “ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว…”


    พีระพูดพลางยืดแก้มขาวๆ กลมๆ ในมือ จนเจ้าของแก้มเบ้หน้า คิดในใจว่า ‘ก็หน้าตาเขาเป็นแบบนี้จะให้เปลี่ยนได้ยังไง แต่อืม... ไม่นับเวลาอยู่ต่อหน้าอาธาดาก็แล้วกันนะ’


    หลังจากเล่นไร้สาระกันอยู่ครู่ใหญ่ ท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนจากละอองเมฆครึ้มพร้อมแรงเขย่าโยกให้เครื่องโคลงเคลงไปมากลายเป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินใสที่ถ้าชะเง้อมองลงไปจะเห็นปุยขาวๆ ลอยเกลื่อนอยู่ด้านล่าง แสดงให้เห็นว่าขณะนี้ระดับความสูงของพวกเขาอยู่เหนือกลุ่มเมฆพวกนั้นแล้ว


    บรรดาพนักงานต้อนรับเดินสวนกันไปมาอย่างเร่งรีบเพื่อเริ่มปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่นั่งกับที่มาเป็นเวลาเกือบยี่สิบนาทีหากนับเวลาตั้งแต่อยู่บนพื้นราบ จึงต้องการยืดแข้งยืดขาคลายเมื่อขบ บางส่วนก็มีความประสงค์จะใช้ห้องน้ำหรือเดินไปมาหาสู่เพื่อนฝูงที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน


    ปรมัตถ์นั่งเหม่อมองบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อยเปื่อยได้สักพัก ก่อนได้ยินพีระถามขึ้นเบาๆ หลังจากพี่แอร์คนสวยวางน้ำมะนาวผสมอัญชันให้ตามที่พีระแนะนำ


    “ไม่อยากเดินไปไหนจริงเหรอ? เข้าไปหาพี่ธาดามั้ย ฉันไม่บอกใครหรอก”


    เด็กน้อยส่ายหน้าเบาๆ สองมือเล็กๆ จับแก้วที่บรรจุน้ำสีม่วงสดใสขึ้นจิบ รสชาติไม่คุ้นลิ้นทำเอาเขาต้องหลับตาปี๋


    เปรี้ยวจัง…


    “ทำไมล่ะ นายไม่อยากเข้าไปหาพี่ธาดาเหรอ” พีระถามต่อ


    ปรมัตถ์ยังส่ายหน้าไม่เลิก


    “หรือนายกลัวว่าพี่ธาดาจะซวยไปด้วยถ้าโดนจับได้… โถ่ สมัยนี้ไม่มีใครเขาเข้มงวดขนาดนั้นหรอก ยกเว้นพี่ธาดาอ่ะนะ... แล้วนายก็เป็นคนที่พี่เขาพามาเองไม่ใช่สลัดอากาศเสียหน่อย มา! มามะ มากับพี่พีระมา”


    เด็กน้อยเห็นพีระปลดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง แล้วเอื้อมมือมาจะปลดเข็มขัดของเขาจึงส่ายหน้าอย่างรุนแรง มืออ้วนป้อมจับข้อมือพีระไว้มั่น


    “โห… นี่นาย...”


    พีระประหลาดใจกับท่าทางปฏิเสธอย่างแข็งขันของเด็กน้อยคนนี้มาก ถึงขนาดพึมพำความคิดของตัวเองออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าก่อนหน้านี้พี่ธาดาคงจะเล่ากฏที่ห้ามคนนอกเข้าไปในค็อกพิทให้ฟังบ้างแล้ว เจ้าจิ๋วนี่ถึงได้เซย์โนอย่างไร้เยื่อใยกับเขาขนาดนี้… คงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโดนลงโทษล่ะสิ


    “รักพี่ธาดาขนาดนี้เลยเหรอ...”


    เด็กน้อยหน้าแดงแปร๊ดทันทีที่สิ้นเสียงพึมพำของพีระ แน่นอนว่าเขารักอาธาดา ไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบาก โดนลงโทษ หรือแม้กระทั่งให้คนอื่นเข้าใจผิด... ดังนั้นความรู้สึกนั้นจึงอัดอั้นอยู่ในอกน้อยๆ มานาน บอกใครก็ไม่ได้ แต่มาคราวนี้พีระกลับมองออกอย่างรวดเร็ว


    ก็ถือว่าผู้ชายคนนี้ช่างสังเกตแบบไม่ธรรมดาเลย… แต่จะทำให้อาธาดาลำบากไหมนะ


    คิ้วน้อยๆ ขมวดยุ่ง ดวงตาสีเข้มเงยหน้ามองผู้ใหญ่คนข้างๆ ส่งสัญญาณเหมือนกับกำลังขอร้องอะไรบ้างอย่าง


    พีระมองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ…


    “ฉันว่านายมันเครียดเกินเด็กไปมากแล้วปรมัตถ์”


    ใบหน้าทะเล้นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังเมื่อพูดประโยคถัดมา


    “เพิ่งจะเจ็ดขวบ ทำตัวให้มันจริงจังน้อยกว่านี้ก็ได้มั้ง”


    ดูอย่างฉันเป็นตัวอย่างสิ…


    แต่เพื่อรักษามาดที่มีอยู่น้อยนิด... พีระจึงไม่ได้คำนั้นกล่าวออกไป


    ช่วงแรกที่เขามองเด็กคนนี้ เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นเด็กหน้าตายน่าแกล้งดี เลยอยากจะลองแหย่ให้หัวเราะร่าเริงแบบเด็กปกติเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วปรมัตถ์ไม่ใช่เด็กหน้าตายแต่กำเนิด ทว่าเป็นเพราะสมองที่มีความคิดล้ำหน้าเกินกว่าเด็กทั่วไป จึงทำให้เจ้านั่นคิดมาก จับนั่นจับนี่มาวิเคราะห์หาข้อดีข้อเสียก่อนจะลงมือทำ เลยทำให้กลายเป็นว่ากำลังจดจ่อกับการคำนวณตรงหน้าจนลืมพูดออกมาซะได้


    หึ… งั้นเรื่องพี่ธาดาก็คงเหมือนกัน


    นี่จะเห็นใจหรือจะสมน้ำหน้าดีล่ะ


    พีระส่ายหน้าเบาๆ จริงอยู่ที่ตอนแรกเขาอยากแกล้งเด็กคนนี้เพราะหมั่นไส้ แต่ตอนนี้ชักจะเริ่มรู้สึกสงสารขึ้นมาหน่อยๆ ซะแล้ว เขาจึงแกล้งโยนหินถามทางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจบางอย่าง


    “นี่… เอาเป็นว่านายก็ใช้ฉันเป็นนอมินีของพี่ธาดามั่วเข้าค็อกพิทไง ถ้าใครถามก็บอกฉันอุ้มนายเข้าไปแบบงงๆ พี่ธาดาไม่รู้เรื่อง ดีมั้ย? แบบนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่เขาก็รอดนายก็ไม่มีความผิดอะไร วิน-วินทั้งสองฝ่าย”


    เด็กน้อยมองพีระตาค้าง ในใจรู้สึกนับถืออีกฝ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกร้อยละแปดสิบเมื่อได้ยินคำถามนี้… แต่ว่า…


    “แล้วพี่ล่ะ? ถ้าถูกจับได้พี่พีระก็ต้องโดนลงโทษเหมือนกันนี่ครับ ไม่เอาหรอก”


    พีระเลิกคิ้วสูง เขาเหมือนจะเข้าใจ… แต่ก็ไม่เข้าใจคำถามอยู่นิดๆ จนกระทั่งหนูน้อยอธิบายต่ออย่างยืดยาว…


    ไหนว่าพูดน้อยไง เอาเข้าจริงก็พูดได้ไม่ใช่เหรอ…


    แถมพูดเหมือนเป็นห่วงกันด้วย น่ารักเหมือนกันนะเจ้านี่…


    เอ๊ะ… น่ารักเหรอ? ไม่ใช่ละ…


    พีระส่ายหน้าอีกครั้ง… แต่คราวนี้เขากลับลุกขึ้นพรวด สองขาเดินไปทางห้องนักบินก่อนจะหันมาขยิบตาให้ปรมัตถ์หนึ่งที แล้วจ้ำหายไปทางหัวเครื่องบิน ทำเอาเด็กน้อยงงเป็นไก่ตาแตก


    อะไรของเขาอีกแล้วล่ะ… พี่คนป่าพีระ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in