เมื่อเครื่องบินเลิกเลี้ยวไปเลี้ยวมาและชะลอจอดอยู่กับที่ชั่วอึดใจหนึ่ง ปรมัตถ์ได้ยินเสียงนักบินที่ไม่ใช่อาธาดาของเขาประกาศสั่งผ่านเสียงตามสายให้พนักงานต้อนรับเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนำเครื่องขึ้น
“CABIN CREW PREPARE FOR TAKEOFF”
หลังจากนั้นอีกเพียงพริบตาเดียว เด็กน้อยได้ยินเสียงเครื่องยนต์ร้องวื้ดดังสนั่น จากนั้นก็รู้สึกว่าเครื่องกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว...
เจ้าตัวเล็กมองไปรอบๆ เห็นพี่สาวแอร์คนสวย พี่สจ๊วตใส่แว่น รวมทั้งพนักงานทุกคนล้วนนิ่งเงียบดูมีสมาธิจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างที่เขามองไม่เห็น แม้แต่เมื่อหันมองคนข้างกาย พีระที่มีอุปนิสัยทะเล้นอยู่เสมอก็ยังสงบเสงี่ยมลงไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำสั่งดังกล่าว
ปรมัตถ์เลิกคิ้วลอบสังเกตอยู่เงียบๆ ใจจริงอยากสอบถามคนข้างๆ ให้หายสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงดูเครียดขึ้นมาซะเฉยๆ แต่ก็รู้สึกว่าการที่ทำให้คนพูดเยอะอย่างพีระเงียบได้ แสดงว่าประกาศนี้คงสำคัญพอดู
เด็กน้อยเฝ้ารอ…
จนกระทั่งเครื่องเชิดหัวขึ้นฟ้าและบินในลักษณะเหินขึ้นได้สักพักหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะที่กำลังไต่สูงขึ้นไปบนทางลาดชันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นราบเรียบเนื่องจากเครื่องบินได้ไต่ระดับมาถึงความสูงที่สามารถบินขนานกับพื้นโลกได้แล้ว ปรมัตถ์จึงค่อยเอ่ยปากถามขึ้น
“Why everyone is quiet?”
พีระเอี้ยวตัวมามองเด็กชายที่กำลังเปิดบทสนทนาถามเขาขึ้นมาก่อนอย่างประหลาดใจ
แหม… ทั้งที่นายเป็นฝ่ายเงียบมาตลอดแท้ๆ ดันถามมาได้ว่า ‘ทำไมทุกคนเงียบจัง’
ทีก่อนหน้านี้พอคุยด้วยก็เงียบ… พอเราทำเป็นไม่สนใจกลับมาคุยด้วยก่อน ตกลงนี่แมวหรือคนกันแน่...
“Who’s everyone?”
พีระเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท
“The crew and you…”
ปรมัตถ์จ้องกลับ ชี้มือไปที่แอร์ที่นั่งเยื้องไปด้านหน้าสองแถว พร้อมตอบคำถามทั้งที่ใบหน้าเล็กๆ ยังคงเฉยชาเป็นปกติ
เฮอะ… แหย่แมวเด็กนี่ไม่สนุกเลยอ่ะ
พีระคิดในใจ ก่อนจะตัดใจยอมเลิกกวน
“นายหมายถึงเมื่อกี้ก่อนเทคออฟน่ะเหรอ? ไม่ใช่ตอนนี้ใช่มั้ย”
แมวน้อย… เอ่อ เด็กน้อยพยักหน้าสองครั้ง
“ตอนนั้นพวกเขาน่าจะกำลังตั้งสติทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติตัวถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินน่ะ ฉันก็ลืมตัวเผลอทำด้วยเหมือนกัน”
พีระหัวเราะ พร้อมกับสัญญาณไฟแจ้งรัดเข็มขัดนิรภัยที่ดับลงพอดี
“ซีทเบลท์ซายน์ดับแล้ว นายอยากเดินไปไหนรึเปล่า ฉันจะได้พาเดินดู”
ปรมัตถ์ส่ายหน้า
“ห้องน้ำ?”
ส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่เหรอ? อ๋อลืมไป ลูกแมวอย่างนายคงต้องฉี่ในกระบะทรายสินะ”
พีระหัวเราะเสียงดัง รู้สึกภูมิใจกับมุกเย้าแหย่สุดเจ๋งของตนเอง
แต่ปรมัตถ์ก็ยังคงมองกลับมาด้วยสีหน้าคล้ายปลาตายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเปลือกตาที่หรี่ลงเล็กน้อยเป็นการบอกใบ้ว่า ‘ถ้าอยากไปไหนก็ไปเองเถอะ’
นักบินหนุ่มมุ่ยหน้า ไม่ใช่เพราะเขาเดาออกว่าเจ้าตัวเล็กคิดอะไรอยู่ แต่เพราะไม่ว่าจะเล่นมุกอะไรเด็กน้อยก็ไม่รับ ไม่ยิ้ม ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น แถมที่ผ่านมายังเลือกฟังแต่เรื่องที่เขาพูดแบบจริงจังอีกต่างหาก
เฮ้อ… พีระถอนใจ
“นายนี่มันน่ารักแต่หน้าตาจริงๆ เล้ย”
เขาเอื้อมมือข้ามที่นั่งไปบิดแก้มกลมๆ นั่นหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว เรียกเสียง ‘โอ๊ะ’ เบาๆ จากร่างเล็ก
หึ… อย่างนายคงไม่อยากให้ใครทรีตเหมือนเด็กใช่ป่ะ แต่ฉันนี่แหละจะทำ!
ว่าแล้วก็เอามืออีกข้างตามมาสบทบบี้แก้มเจ้าตัวน้อยเป็นการใหญ่
ก็ใครใช้ให้น่าตาจิ้มลิ้มเหมือนแมวดุๆ นักเล่า! นี่แหน่ะๆๆๆ ฮึ่ย!!
ขณะที่แก้มทั้งสองข้างถูกบดจนยับยู่ยี่… ปรมัตถ์กลับนั่งเฉย ในใจคิดแค่ว่า...
‘อาธาดาครับ… ช่วยรีบมาเปลี่ยนตัวกับหมอนี่ทีได้ไหม…’
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in