เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber2018pampamgirl
[Chapter 1.13 Turbulence เมื่ออา(กาศ)ปั่นป่วน

  • เมื่อเครื่องบินเลิกเลี้ยวไปเลี้ยวมาและชะลอจอดอยู่กับที่ชั่วอึดใจหนึ่ง ปรมัตถ์ได้ยินเสียงนักบินที่ไม่ใช่อาธาดาของเขาประกาศสั่งผ่านเสียงตามสายให้พนักงานต้อนรับเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนำเครื่องขึ้น


    “CABIN CREW PREPARE FOR TAKEOFF”


    หลังจากนั้นอีกเพียงพริบตาเดียว เด็กน้อยได้ยินเสียงเครื่องยนต์ร้องวื้ดดังสนั่น จากนั้นก็รู้สึกว่าเครื่องกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว...


    เจ้าตัวเล็กมองไปรอบๆ เห็นพี่สาวแอร์คนสวย พี่สจ๊วตใส่แว่น รวมทั้งพนักงานทุกคนล้วนนิ่งเงียบดูมีสมาธิจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างที่เขามองไม่เห็น แม้แต่เมื่อหันมองคนข้างกาย พีระที่มีอุปนิสัยทะเล้นอยู่เสมอก็ยังสงบเสงี่ยมลงไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำสั่งดังกล่าว


    ปรมัตถ์เลิกคิ้วลอบสังเกตอยู่เงียบๆ ใจจริงอยากสอบถามคนข้างๆ ให้หายสงสัยว่าทำไมจู่ๆ ทุกคนถึงดูเครียดขึ้นมาซะเฉยๆ แต่ก็รู้สึกว่าการที่ทำให้คนพูดเยอะอย่างพีระเงียบได้ แสดงว่าประกาศนี้คงสำคัญพอดู


    เด็กน้อยเฝ้ารอ…


    จนกระทั่งเครื่องเชิดหัวขึ้นฟ้าและบินในลักษณะเหินขึ้นได้สักพักหนึ่ง ความรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะที่กำลังไต่สูงขึ้นไปบนทางลาดชันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นราบเรียบเนื่องจากเครื่องบินได้ไต่ระดับมาถึงความสูงที่สามารถบินขนานกับพื้นโลกได้แล้ว ปรมัตถ์จึงค่อยเอ่ยปากถามขึ้น


    “Why everyone is quiet?”


    พีระเอี้ยวตัวมามองเด็กชายที่กำลังเปิดบทสนทนาถามเขาขึ้นมาก่อนอย่างประหลาดใจ 


    แหม… ทั้งที่นายเป็นฝ่ายเงียบมาตลอดแท้ๆ ดันถามมาได้ว่า ‘ทำไมทุกคนเงียบจัง’


    ทีก่อนหน้านี้พอคุยด้วยก็เงียบ… พอเราทำเป็นไม่สนใจกลับมาคุยด้วยก่อน ตกลงนี่แมวหรือคนกันแน่...


    “Who’s everyone?”


    พีระเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท


    “The crew and you…”


    ปรมัตถ์จ้องกลับ ชี้มือไปที่แอร์ที่นั่งเยื้องไปด้านหน้าสองแถว พร้อมตอบคำถามทั้งที่ใบหน้าเล็กๆ ยังคงเฉยชาเป็นปกติ


    เฮอะ… แหย่แมวเด็กนี่ไม่สนุกเลยอ่ะ


    พีระคิดในใจ ก่อนจะตัดใจยอมเลิกกวน


    “นายหมายถึงเมื่อกี้ก่อนเทคออฟน่ะเหรอ? ไม่ใช่ตอนนี้ใช่มั้ย”


    แมวน้อย… เอ่อ เด็กน้อยพยักหน้าสองครั้ง


    “ตอนนั้นพวกเขาน่าจะกำลังตั้งสติทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติตัวถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินน่ะ ฉันก็ลืมตัวเผลอทำด้วยเหมือนกัน”


    พีระหัวเราะ พร้อมกับสัญญาณไฟแจ้งรัดเข็มขัดนิรภัยที่ดับลงพอดี


    “ซีทเบลท์ซายน์ดับแล้ว นายอยากเดินไปไหนรึเปล่า ฉันจะได้พาเดินดู”


    ปรมัตถ์ส่ายหน้า


    “ห้องน้ำ?”


    ส่ายหน้าอีกครั้ง


    “ไม่เหรอ? อ๋อลืมไป ลูกแมวอย่างนายคงต้องฉี่ในกระบะทรายสินะ”


    พีระหัวเราะเสียงดัง รู้สึกภูมิใจกับมุกเย้าแหย่สุดเจ๋งของตนเอง


    แต่ปรมัตถ์ก็ยังคงมองกลับมาด้วยสีหน้าคล้ายปลาตายเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเปลือกตาที่หรี่ลงเล็กน้อยเป็นการบอกใบ้ว่า ‘ถ้าอยากไปไหนก็ไปเองเถอะ’


    นักบินหนุ่มมุ่ยหน้า ไม่ใช่เพราะเขาเดาออกว่าเจ้าตัวเล็กคิดอะไรอยู่ แต่เพราะไม่ว่าจะเล่นมุกอะไรเด็กน้อยก็ไม่รับ ไม่ยิ้ม ไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น แถมที่ผ่านมายังเลือกฟังแต่เรื่องที่เขาพูดแบบจริงจังอีกต่างหาก


    เฮ้อ… พีระถอนใจ


    “นายนี่มันน่ารักแต่หน้าตาจริงๆ เล้ย”


    เขาเอื้อมมือข้ามที่นั่งไปบิดแก้มกลมๆ นั่นหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว เรียกเสียง ‘โอ๊ะ’ เบาๆ จากร่างเล็ก


    หึ… อย่างนายคงไม่อยากให้ใครทรีตเหมือนเด็กใช่ป่ะ แต่ฉันนี่แหละจะทำ!


    ว่าแล้วก็เอามืออีกข้างตามมาสบทบบี้แก้มเจ้าตัวน้อยเป็นการใหญ่


    ก็ใครใช้ให้น่าตาจิ้มลิ้มเหมือนแมวดุๆ นักเล่า! นี่แหน่ะๆๆๆ ฮึ่ย!!


    ขณะที่แก้มทั้งสองข้างถูกบดจนยับยู่ยี่… ปรมัตถ์กลับนั่งเฉย ในใจคิดแค่ว่า...


    ‘อาธาดาครับ… ช่วยรีบมาเปลี่ยนตัวกับหมอนี่ทีได้ไหม…’

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in