ทั้งคู่เดินเลาะไปตามชายฝั่ง จุดหมายคือท่าเรือเล็กๆ ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบที่พนักงานชี้ให้ปรมัตถ์ดูหลังจากเข้าไปสอบถามข้อมูล
ตอนที่สองคนออกมาจากโรงแรมนั้นยังเช้าอยู่มาก…
ปรมัตถ์ลุกออกไปวิ่งในสวนสาธารณะตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่าง
ส่วนธาดาก็นอนหลับๆ ตื่นๆ… ในขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงท้องร้อง ส่งสัญญาณให้รู้ว่าตัวเองชักจะเริ่มหิวนิดๆ แต่พอคิดว่ากินข้าวหลายคนอร่อยกว่านั่งกินคนเดียวเป็นไหนๆ ก็เลยซุกกลับเข้าผ้าห่ม หลับสนิทไปอีกรอบจนอีกฝ่ายกลับเข้ามาแล้วต้องขึ้นไปปลุกถึงที่
หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อย มองเมฆขาวๆ เต็มท้องฟ้าบวกกับเชื่อพยากรณ์อากาศ ว่าวันนี้ฝนจะไม่ตกแต่ฟ้าน่าจะครึ้มทั้งวัน ธาดาจึงตัดสินใจไม่หยิบแว่นกันแดดมา
และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์...
เพราะถึงแม้ตลอดช่วงเช้าจะหนาวมากสำหรับหนุ่มเมืองร้อนอย่างธาดา แต่แสงแดดตอนเกือบเที่ยงของทุกประเทศก็แยงตาคนแบบไม่เลือกสัญชาติด้วยเหมือนกัน…
ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงยกมือขึ้นป้องแดด หยีตาเพ่งมองท่าเรือที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ
“ตรงนั้นรึเปล่ามัตถ์”
ธาดาหรี่ตาชี้ไปทางท่าเรือหนึ่งในหลายๆ ท่าที่เรียงกันเป็นตับ แต่ที่ธาดาชี้เป็นท่าที่มีคนยืนออกันค่อนข้างมาก เขาจึงคับคล้ายคับคลาว่าน่าจะเป็นท่าเทียบเรือที่เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน
ปรมัตถ์ไม่ตอบ…
ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดแว่นขึ้นมาเช็ดเลนส์แว่นกันแดด ก่อนจะส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย…
“หือ? ให้อาใส่?”
คำถามของธาดาได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มบางๆ และการพยักหน้าครึ่งครั้ง…
“มัตถ์ใส่เถอะ แดดร้อน”
ธาดาปฏิเสธ เขาไม่อยากให้ความขี้ลืมของตัวเองต้องทำให้อีกฝ่ายลำบาก ถึงจะรู้ว่าปรมัตถ์มักจะดูแลเขาเสมอๆ แต่แค่แดดร้อนนิดหน่อย ผู้ชายอย่างเขาทนได้สบายมาก
แต่นั่นน่าจะเป็นตอนเขายังอายุไม่ถึงสี่สิบน่ะนะ…
ปรมัตถ์อมยิ้มให้คนตาหยีที่หันไปพูดกับใครก็ไม่รู้โดยนึกว่าเป็นเขา นัยน์ตาของอดีตคนเป็นอาสู้แสงจ้าๆ ไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้
หึ… ที่มองไม่เห็นจนหันไปคุยกับเสาไฟแทนที่จะหันหน้ามาทางนี้ยังพิสูจน์ไม่พออีกงั้นเหรอ
ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ แตะไหล่ธาดาให้หันหลังกลับ พร้อมกับกางขาแว่นกันแดดสวมลงไปไว้บนจมูกอีกฝ่าย…
“อ้าว… มัตถ์อยู่ทางนี้เหรอเนี่ย” ธาดาเงยหน้าส่งยิ้มแก้เขิน
แหม… เขาหันผิดเหลี่ยมหน่อยเดียวเองหรอกน่า
“ผมว่าใช่… ไปครับ”
ปรมัตถ์หยิบหมวกแก๊ปสีขาวขึ้นมาใส่ ตอบคำถามก่อนหน้า จากนั้นฉวยข้อมือของคนที่ยังยืนอึ้งให้เดินตามมาด้วยกัน
และที่ธาดาเดินตามอดีตหลานตัวสูงต้อยๆ โดยไม่อิดออด ก็เพราะปรมัตถ์เคยพูดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อธาดาโวยวายเรื่องจับมือในที่สาธารณะว่า
'ผมไม่ได้คิดจะอวดใครว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ที่ผมจับมืออาก็เพราะผมอยากให้อาอยู่ตรงนี้... ใกล้ๆ ผม'
หึ... ปกติล่ะพูดน้อย ทีบทจะเถียงเรื่องแบบนี้กลับพูดซะยาวยืดเชียว
ธาดายิ้ม...
แม้จะยังรู้สึกว่าอากาศรอบข้างเย็นยะเยือกหนาวเหน็บ…
แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกอุ่นเหลือเกิน...
...TBC...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in