เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber2018pampamgirl
[Special II] Turbulence เมื่ออา(กาศ)ปั่นป่วน
  • ทั้งคู่เดินเลาะไปตามชายฝั่ง จุดหมายคือท่าเรือเล็กๆ ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบที่พนักงานชี้ให้ปรมัตถ์ดูหลังจากเข้าไปสอบถามข้อมูล


    ตอนที่สองคนออกมาจากโรงแรมนั้นยังเช้าอยู่มาก…


    ปรมัตถ์ลุกออกไปวิ่งในสวนสาธารณะตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่าง


    ส่วนธาดาก็นอนหลับๆ ตื่นๆ… ในขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงท้องร้อง ส่งสัญญาณให้รู้ว่าตัวเองชักจะเริ่มหิวนิดๆ แต่พอคิดว่ากินข้าวหลายคนอร่อยกว่านั่งกินคนเดียวเป็นไหนๆ ก็เลยซุกกลับเข้าผ้าห่ม หลับสนิทไปอีกรอบจนอีกฝ่ายกลับเข้ามาแล้วต้องขึ้นไปปลุกถึงที่


    หลังจากกินข้าวเช้าเรียบร้อย มองเมฆขาวๆ เต็มท้องฟ้าบวกกับเชื่อพยากรณ์อากาศ ว่าวันนี้ฝนจะไม่ตกแต่ฟ้าน่าจะครึ้มทั้งวัน ธาดาจึงตัดสินใจไม่หยิบแว่นกันแดดมา


    และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์...


    เพราะถึงแม้ตลอดช่วงเช้าจะหนาวมากสำหรับหนุ่มเมืองร้อนอย่างธาดา แต่แสงแดดตอนเกือบเที่ยงของทุกประเทศก็แยงตาคนแบบไม่เลือกสัญชาติด้วยเหมือนกัน…


    ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงยกมือขึ้นป้องแดด หยีตาเพ่งมองท่าเรือที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ


    “ตรงนั้นรึเปล่ามัตถ์”


    ธาดาหรี่ตาชี้ไปทางท่าเรือหนึ่งในหลายๆ ท่าที่เรียงกันเป็นตับ แต่ที่ธาดาชี้เป็นท่าที่มีคนยืนออกันค่อนข้างมาก เขาจึงคับคล้ายคับคลาว่าน่าจะเป็นท่าเทียบเรือที่เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน


    ปรมัตถ์ไม่ตอบ…


    ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดแว่นขึ้นมาเช็ดเลนส์แว่นกันแดด ก่อนจะส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย…


    “หือ? ให้อาใส่?”


    คำถามของธาดาได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มบางๆ และการพยักหน้าครึ่งครั้ง…


    “มัตถ์ใส่เถอะ แดดร้อน”


    ธาดาปฏิเสธ เขาไม่อยากให้ความขี้ลืมของตัวเองต้องทำให้อีกฝ่ายลำบาก ถึงจะรู้ว่าปรมัตถ์มักจะดูแลเขาเสมอๆ แต่แค่แดดร้อนนิดหน่อย ผู้ชายอย่างเขาทนได้สบายมาก


    แต่นั่นน่าจะเป็นตอนเขายังอายุไม่ถึงสี่สิบน่ะนะ…


    ปรมัตถ์อมยิ้มให้คนตาหยีที่หันไปพูดกับใครก็ไม่รู้โดยนึกว่าเป็นเขา นัยน์ตาของอดีตคนเป็นอาสู้แสงจ้าๆ ไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้


    หึ… ที่มองไม่เห็นจนหันไปคุยกับเสาไฟแทนที่จะหันหน้ามาทางนี้ยังพิสูจน์ไม่พออีกงั้นเหรอ


    ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ แตะไหล่ธาดาให้หันหลังกลับ พร้อมกับกางขาแว่นกันแดดสวมลงไปไว้บนจมูกอีกฝ่าย…


    “อ้าว… มัตถ์อยู่ทางนี้เหรอเนี่ย” ธาดาเงยหน้าส่งยิ้มแก้เขิน


    แหม… เขาหันผิดเหลี่ยมหน่อยเดียวเองหรอกน่า


    “ผมว่าใช่… ไปครับ”


    ปรมัตถ์หยิบหมวกแก๊ปสีขาวขึ้นมาใส่ ตอบคำถามก่อนหน้า จากนั้นฉวยข้อมือของคนที่ยังยืนอึ้งให้เดินตามมาด้วยกัน


    และที่ธาดาเดินตามอดีตหลานตัวสูงต้อยๆ โดยไม่อิดออด ก็เพราะปรมัตถ์เคยพูดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อธาดาโวยวายเรื่องจับมือในที่สาธารณะว่า


    'ผมไม่ได้คิดจะอวดใครว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ที่ผมจับมืออาก็เพราะผมอยากให้อาอยู่ตรงนี้... ใกล้ๆ ผม'


    หึ... ปกติล่ะพูดน้อย ทีบทจะเถียงเรื่องแบบนี้กลับพูดซะยาวยืดเชียว


    ธาดายิ้ม...


    แม้จะยังรู้สึกว่าอากาศรอบข้างเย็นยะเยือกหนาวเหน็บ…


    แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกอุ่นเหลือเกิน...


    ...TBC...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in