เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber2018pampamgirl
[Chapter 1.8] Turbulence เมื่ออา(กาศ)ปั่นป่วน
  • อาหลานจูงมือเดินนำพี่จิตที่แทบจะเก็บความตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกไม่ไหวไปที่ทางเข้าโถงสำหรับผู้โดยสารในประเทศ จากนั้นธาดาย้ำเส้นทางให้พี่จิตและปรมัตถ์ฟังอีกครั้งก่อนที่จะปลีกตัวออกมา


    ด้วยเพราะธาดาปฏิบัติหน้าที่อยู่ ดังนั้นบางกระบวนการเขาไม่สามารถอนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องในเที่ยวบินอยู่ร่วมด้วยได้ เช่นการเข้ารายงานตัว การรับทราบข้อมูลเที่ยวบิน และการบรรยายสรุปให้ลูกเรือฟังก่อนขึ้นบิน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการรักษาความปลอดภัยของเที่ยวบินและผู้โดยสาร เป็นประโยชน์ส่วนรวม...


    เพราะฉะนั้นธาดาไม่มีทางใช้วิธีลัดเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและคนใกล้ชิดเพราะตนเป็นนักบินไฟล์ทนี้ โดยการโมเมเอาปรมัตถ์เขามานั่งฟังข้อมูลด้วยอย่างแน่นอน


    ดังนั้น… ขณะที่ธาดาประชุมอยู่ในห้องบรีฟฟิ่งของสายการบินไม่ไกลจากเทอมินัล ตอนนี้ทางพี่จิตกับปรมัตถ์ก็กำลังนั่งอยู่ในโถงผู้โดยสารในประเทศ รอเวลาที่พนักงานภาคพื้นดินจะเรียกขึ้นเครื่อง ไม่ได้เข้าด้วยบัตรผ่านพิเศษของนักบินอย่างที่ใครๆ คิดกัน


    นี่แหละ… ความเข้มงวดของธาดา ที่มีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่จะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าอ่อนโยน รอยยิ้มพิมพ์ใจ และน้ำเสียงสุภาพ เอ่ยเรื่อยๆ เหมือนจะคุยง่ายของเขา ธาดาเคร่งครัดในกฏต่างๆ และตรงไปตรงมามากกว่าที่คิด


    .

    .

    .


    “...วันนี้เราบินสูงสามหมื่นฟุต ใช้เวลาบินหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที”


    ธาดาสรุปข้อมูลของไฟล์ทคร่าวๆ ให้ลูกเรือทั้งหมดในห้องประชุมฟัง ซึ่งปกติแล้วหน้าที่นี้มักเป็นของผู้ช่วยนักบินโดยไม่ต้องสงสัย


    ท่าทางตรงไปตรงมา พูดจาฉะฉานมากกว่าปกติ แตกต่างเล็กน้อยกับช่วงนอกเวลางานที่ใช้กิริยานุ่มนวลแฝงไปด้วยอารมณ์ขันของธาดา ทำเอาเพื่อนร่วมงานนับสิบชีวิตนั่งมองเขาเป็นตาเดียว


    จากนั้นธาดาพยายามปรับบรรยากาศให้เป็นปกติ ด้วยการใช้สายตาอ่อนโยนกวาดไปรอบๆ ห้องและทอดเสียงให้อ่อนนุ่มลงเล็กน้อยเพื่อปิดการประชุม


    “...มีคำถามมั้ยครับ”


    เพอร์เซอร์ ลูกเรือทั้งชายหญิงเหมือนถูกน้ำเสียงน่าฟังนั่นดึงดูด แต่ละคนยังเอาแต่มองไปที่ผู้ช่วยนักบินอาวุโสหน้าอ่อนนิ่ง


    ธาดาจึงได้โอกาสร่ายมนต์ประจำตัว...


    “ไม่มี? งั้น...อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันประตูอัลฟ่าไฟฟ์นะครับ ใครเลทอดกินชาไข่มุก”


    เสียงฮาครืนดังรอบห้องประชุม แม้กระทั่งกัปตันมานพ นักบินที่หนึ่งของไฟล์ทก็ไม่วายหัวเราะไปกับความขี้เล่นของผู้ช่วยนักบินธาดาคนนี้


    จากนั้น... ความเคร่งเครียดของห้องประชุมจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นความสบายใจและเข้าอกเข้าใจอย่างช้าๆ 


    ถึงแม้เกือบทุกไฟล์ทนักบินทั้งหนุ่มทั้งแก่จะชอบซื้อขนมมาเลี้ยงแอร์สาวๆ และสจ๊วตหนุ่มน้อยบนเครื่องเพื่อสร้างความคุ้นเคยกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะพูดได้ว่า ผู้ช่วยนักบินอาวุโสอย่างธาดาคนนี้กับอีกแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะมีความสัมพันธ์อันดีมากๆ กับลูกเรือและนักบินทุกคน


    มีรุ่นน้องคนนี้อยู่ในไฟล์ทเดียวกัน นักบินรุ่นใหญ่อย่างกัปตันมานพก็เบาใจ หกชั่วโมงที่ต้องร่วมงานกันคงจะไม่น่าเบื่อเหมือนที่ผ่านๆ มาแน่ๆ


    เมื่อไม่มีคำถามอะไรแล้ว ธาดาส่งยิ้มไปรอบๆ ห้องอีกคำรบ และแจงแจกกระบวนการความปลอดภัยบางอย่างเป็นอันดับสุดท้าย ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปรวมตัวที่เกทก่อนเข้าเครื่องบิน


    หลังจากออกมานอกห้องประชุม ธาดาเพียงแจ้งกัปตันมานพเบาๆ ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ถึงไม่ถึงกับต้องขออนุญาตแต่ก็การบอกกล่าวว่ามีญาตินักบินอยู่บนไฟล์ทก็เป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่ธาดาไม่เคยละเลย

    "กัปตันครับ... ไฟล์ทนี้หลานชายผมนั่งสองกิโล เดี๋ยวก่อนเทคออฟผมให้แกมาสวัสดีกัปตันนะครับ"

    นักบินรุ่นใหญ่ยิ้มแย้ม ชื่นชมท่าทางอ่อนน้อมของธาดาอยู่ไม่น้อย จึงออกปากอนุญาตให้เข้าชมห้องนักบินโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ขอ

    "อืมๆๆ เอาสิ! ออนกราวด์ที่โน่นให้เข้ามาในค็อกพิทได้เลย หรือจะออนครูสก็ได้..."

    "ไม่เป็นไรครับกัปตัน แค่ออนกราวด์ก็ขอบคุณมากแล้ว" 

    ธาดายิ้ม... ในใจก็คิดถึงแต่คนตัวเล็กที่กำลังรออยู่หน้าเกท

    จะดีใจไหมนะ... เจ้ามัตถ์

    .

    .

    .


    เมื่อเข้าประจำตำแหน่ง ธาดาเข้มงวดกับตัวเองเสมอ...


    ถึงแม้วันนี้มีคนพิเศษรอเขาอยู่ที่หน้าประตูเครื่องก็ไม่มีข้อยกเว้น...


    ธาดาจึงเดินเข้าประตูโถงผู้โดยสารมาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานทุกคน ไม่ได้แยกตัวไปหาปรมัตถ์และพี่จิต เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ในใจก็ยังไม่วายมองหาหลานชายตัวน้อยกับพี่เลี้ยง ที่น่าจะต้องรออยู่แถวๆ นี้ ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม…


    นั่นไง… เจอแล้ว


    ธาดาที่สวมชุดนักบินและหมวกเต็มยศส่งยิ้มให้ปรมัตถ์ที่วิ่งเอาตัวมาแปะติดกระจกห้องรับรองผู้โดยสารเพื่อจ้องเขา ก่อนจะขยิบตาให้ทีหนึ่งแล้วเดินตัวปลิวผ่านเก้าอี้ที่เรียงรายอยู่บริเวณนั้นไปพร้อมกับคณะ


    เด็กน้อยมองตามตาค้าง...


    ในใจก็ได้แต่คิดว่า อาธาดาที่เดินปิดท้ายขบวนพี่ๆ แอร์กับสจ๊วตนั้นดูเท่กว่าทุกคนรวมกันเสียอีก...


    ถึงแม้ว่าจะอยากยิ้มออกมา แต่ธาดาก็ได้แต่หัวเราะหน้าตาเหลอหลาของเจ้าตัวน้อยอยู่ในใจ


    โค้งสุดท้ายก่อนจะลับสายตาเข้างวงเทียบเทียบเครื่องบิน เขาไม่ลืมแตะปีกหมวกให้คนมองแว่บหนึ่ง ก่อนทำปากขมุบขมิบได้ความว่า


    ‘เจอกันบนเครื่องนะครับ หลานรัก’

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in