เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ACT III, Moment Of Truth The End : G-DRAGON vs KWON JI YONGaorvip
องก์ที่สาม : ช่วงชีวิตในวงการเพลงของผู้ชายชื่อ "KWON JI YONG"
  • สวัสดี : ) วันนี้เราจะมาเล่าความประทับใจให้ฟังในฐานะ VIP (ชื่อแฟนคลับของวง BIGBANG) กับการได้ชมคอนเสิร์ตของหัวหน้าวงอย่าง G-DRAGON หลังจากห่างหายไปนานสองปี วันนี้ G-DRAGON ของพวกเรากลับมาพร้อมคอนเสิร์ตเดี่ยวให้แฟนๆชาวไทยได้หายคิดถึง โดยจัดแสดงขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 7 และเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2560 ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง มาฟังกันเลย





    ขอแนะนำตัวก่อนเลยว่าเราเป็นแฟนคลับวง BIGBANG ซึ่งปีนี้ย่างเข้าปีที่ 9 แล้ว ในขณะที่เขียนแม้คอนเสิร์ตจะผ่านไปแล้วสองวัน แต่ความประทับใจมันผุดขึ้นมาตลอดจนต้องบันทึกความทรงจำไว้ ส่วนตัวเราได้มีโอกาสชมคอนเสิร์ตทั้งของวงและของสมาชิกในรูปแบบคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ทำการแสดงในประเทศไทยมาแล้ว 4 ครั้ง หลังจากที่ G-DRAGON ได้ทำการแสดงคอนเสิร์ตในรูปแบบ World Tour ครั้งแรกในปี 2013 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ G-DRAGON ได้มาเยือน ครั้งนี้จึงเป็นการกลับมาในรูปแบบ World Tour ครั้งที่สองพร้อมกับผลงานอัลบั้มล่าสุดที่สื่อถึงตัวตนของเขาซึ่งมีชื่อว่า "권지용 หรือ KWON JI YONG" ชื่อจริงของ G-DRAGON นั่นเอง (คำว่า 용/YONG ในภาษาเกาหลีแปลว่ามังกร ที่มาของชื่อในวงการของ G-DRAGON ที่เกิดจากการเล่นคำจากชื่อจริงของเขา)


    คอนเสิร์ตครั้งนี้ ใช้ชื่อว่า ACT III, M.O.T.T.E (Moment Of Truth The End) ซึ่งคำว่า MOTTE จะพ้องกับคำในภาษาเกาหลีที่ออกเสียงว่า "ม็อทเท" แปลว่า มดลูกของแม่ และยังหมายถึง "ตั้งแต่เกิด" อีกด้วย รูปแบบโชว์ในครั้งนี้จึงเป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆตลอดช่วงเวลาที่เขาเป็นศิลปินที่คนทั่วไปรู้จักในนาม G-DRAGON หรือ GD แห่งวง BIGBANG ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงจุดสูงสุด ชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ ควอนจียง ต้องผ่านอะไรมาบ้าง 

    ต่อไปจะขอเล่าแบบเป็นกันเองแต่เก็บทุกเม็ดของความทรงจำละกันนะ จริงๆเราไปมาทั้งสองวันที่แสดงเลย แต่ขอเล่าตามลำดับของการแสดงทั้งสองวัน เมื่อการแสดงเริ่มขึ้น เสียงกรี๊ดของเหล่าวีไอพีก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงจากอุปกรณ์ที่ชาวติ่งเรียกกันว่าแท่งไฟก็พร้อมใจส่องสว่าง รวมพลังเป็นทะเลมงกุฎสีเหลืองสัญลักษณ์ของวง BIGBANG (อันนี้สงสัยจะทางการไปนิด>///<) การแสดงเปิดตัวด้วยเพลง Heartbreaker ซึ่งเป็นเพลง Title จากอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของ G-DRAGON งานไฟ งานเอฟเฟ็กต์จัดเต็ม อลังการมาก นับเป็นการเลือกเพลงเปิดตัวได้เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นเพลงที่ทำให้ G-DRAGON ได้แสดงในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นอัลบั้มแรก เรียกเสียงกรี๊ดจากวีไอพีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ แฟนบอยแฟนเกิร์ลทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะร่วมสนุกไปกับบทเพลงของเขาแล้ว จากนั้นก็ต่อด้วยเพลง Breath และ A Boy ตามลำดับ ซึ่งสามเพลงแรกก็ล้วนมากจากอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิตของ G-DRAGON


    จากนั้นพ่อหนุ่มตัวเล็กก็จัดเต็มกับเพลงที่เริ่มแดนซ์ขึ้นมาหน่อยกับเซตเพลงต่อไปนี้ เริ่มจาก But I Love You ซึ่งเพลงนี้ใครร้องได้นับว่าเป็นวีไอพีรุ่นบ้านแดง เพราะเป็นเพลงโซโล่จากมินิอัลบั้ม Hot Issue เมื่อปี 2007 ซึ่งนานมากแล้วที่ GD ไม่ได้นำมาแสดงสด นับเป็นความประทับใจอย่างยิ่งที่ได้ฟังอีกครั้ง ต่อด้วยเพลง Obsession Michigo One Of A Kind และ R.O.D ซึ่งก็เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าวายจีสแตน (ผู้สนับสนุนศิลปิน YG ค่ายเพลงที่ GD และวง BIGBANG สังกัดนั่นเอง) เพราะน้องรักของพี่จียงอย่าง CL หรือ CL อดีตสมาชิกวง 2NE1 ได้มาร่วมฟีทเจอริ่งผ่านจอสกรีน ซึ่งมาแค่ภาพยังขนาดนี้แล้วถ้าตัวจริงมาจะขนาดไหนคิดดูสิ เรานี่ก็กรี๊ดเป็นบ้าเป็นหลังเพราะชอบ CL มากกกกกกก เช่นกัน แถมยังเป็น Skydragon shipper ตัวยงด้วยนะ (คืออะไรไม่บอกละกัน^^)


    หลังจากแดนซ์ไปพอหอมปากหอมคอพร้อมกับชมเอฟเฟกต์ไฟตระการตาเป็นระยะๆ GD ก็ขอพักด้วยการส่งเข้าเซ็ตเพลงช้า นั่งฟังสบายๆให้เหล่าวีไอพีได้พักเหนื่อยกันบ้าง ส่งเข้าด้วยเพลง That XX ซึ่งเหล่าผู้ชมทั้งอิมแพคอารีน่าพร้อมใจกันร้องอย่างทรงพลัง ศิลปินคนที่นั่งอยู่บนเวทีได้ฟังก็คงชื่นใจไม่แพ้กัน ต่อด้วยเพลง Black ที่ได้ลูกสาวจากวง BLACKPINK อย่างน้อง Jennie ซึ่งตอนนั้นยังเป็น Jennie Kim เทรนนีหญิงของ YG มาร่วมฟีทเจอริ่งในเพลงนี้ และถึงแม้ในการแสดงคอนเสิร์ตเธอจะมาแค่เสียงร้อง แต่ก็ทำให้เพลง Black สื่ออารมณ์ออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ต่อด้วยเพลง Missing You เป็นเพลงที่เรารักมากๆ เพลงช้าๆเหงาๆฟังสบาย และได้เสียงร้องหวานๆของ Kim Yuna นักร้องนำวง JAURIM(จาอูริม) สุดยอดวงร็อควงหนึ่งของเกาหลีใต้มาทำให้เพลงดูหน่วงขึ้นไปอีก เพลงนี้ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ฟัง และขอบคุณพี่จียงมากๆที่นำเพลงนี้มาร้องตั้งแต่ World Tour เมื่อปี 2013 แล้ว จากนั้นก็สนุกไปกับเพลง Who You ที่ทุกคนลุกขึ้นมาโยกกันอีกครั้ง เป็นเพลงฮิตอีกเพลงที่ได้ยินเสียงร้องลั่นฮอลล์ของเหล่าคนดู แต่เรานั้นนั่งยิ้มเพราะร้องไม่ได้ :) แต่เพลงต่อไปนี่สิ ชั้นจะร้องให้สุดเสียง เพราะเป็นเพลงโปรดเลย เป็นครั้งแรกที่ GD นำมาร้องในคอนเสิร์ตอีกด้วย เพลงนั้นมีชื่อว่า I Love It ซึ่งก็ได้ Zion.T ศิลปิน R&B เกาหลีใต้มาร่วมร้อง และ Boys Noize นักดนตรีชาวเยอรมันในการร่วมทำดนตรีอีกด้วย เพลงนี้เราสนุกมากๆ ร้องเต็มที่ และแอบบอกว่าส่วนตัวก็ปลื้ม Zion.T ด้วยไง ^^

  • จากนั้นก็ถึงช่วงสำคัญ เป็นการฉาย VTR ที่บอกเล่าความรู้สึกของศิลปินเจ้าของคอนเสิร์ตกับช่วงที่มีชื่อ ว่า 'G-DRAGON vs KWON JI YONG' เราในฐานะแฟนคลับคนหนึ่งที่ติดตามมาเป็นเวลานาน เห็นมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง BIGBANG จนมาถึงทุกวันนี้ที่มีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ทำให้รับรู้ถึงการแบกรับอะไรบางอย่างของการเป็นศิลปินที่เรียกได้ว่าเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์ ความคาดหวังจากสาธารณะ ความกดดันที่มีในอาชีพการงาน เราในฐานะคนเสพสื่ออาจจะไม่รู้ว่าคนที่สร้างสรรค์ผลงานจนพาตัวเองมาถึงจุดๆหนึ่ง เขาต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง  GD ก็ได้บอกความรู้สึกกับพวกเราทุกคนในฐานะผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ควอนจียง ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้เราเห็นว่า ความสำเร็จที่เขาได้มามันควรค่ากับสิ่งที่เขาทำไปทุกอย่างแล้ว และยิ่งทำให้คนที่ติดตามมาตลอดอย่างเราและอีกหลายๆคน ยิ่งรักในตัวเขาและผลงานที่เขาสร้างด้วยความตั้งใจมากขึ้นไปอีก <3 

    หลังจบ VTR ก็นำเข้าสู่เพลง Today featuring Kim Jong Wan จากวง NELL วงดนตรีชื่อดังของเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดฉากด้วย GD ในชุดสีแดงนั่งเก้าอี้ผู้กำกับที่เขียนชื่อไว้ว่า "KWON JI YONG" หันหลังให้คนดูและนั่งมองหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเต้นอยู่ เพลงนี้กล่าวถึงอิสระในเรื่องของความรัก การโลดแล่นไปในค่ำคืนที่มีแต่ความรักระหว่างคนสองคน สิ่งที่สื่อผ่านการนั่งเก้าอี้ Director และกำลังมองหญิงสาวคนนั้น เรามองว่าเขากำลังพยายามจะสื่อถึงการที่เราสามารถกำหนดความรู้สึกให้เป็นไปในอย่างที่อยากให้เป็น กำกับความรู้สึกด้วยตัวของเราเอง ปล่อยมันไปตามใจและสนุกไปกับมันให้สุด  และจบเพลงด้วยการที่ศิลปิน แดนเซอร์ นักดนตรี และคนดูทั้งฮอลล์ปรบมือพร้อมกันเป็นจังหวะตามเพลง โชว์นี้เป็นโชว์ที่เราประทับใจมาก ไม่ถ่ายคลิปเลย เสพให้เต็มที่ด้วยสองตาดูสองหูฟัง บรรยากาศในฮอลล์จึงพาเราโลดแล่นไปตามเนื้อหาของเพลงได้จริงๆ จบจากเพลง Today ก็มันส์กันสุดเหวี่ยงกับเพลง Crayon อีกหนึ่งเพลงฮิตของพี่เค้าเลยแหละ เพลงนี้เปลี่ยนบีทให้ช้าลงในช่วงท่อนฮุคแรก ทำให้ได้กลิ่นอายของความเป็นฮิพฮอพผสมผสานกับลีลา swag ของพี่เค้า แล้วเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นในช่วงท้ายๆ ทำเอานั่งไม่ติดที่เลยทีเดียว

    Credit : BEC-TERO ENTERTAINMENT

    เมื่อสองเพลงดังกล่าวจบลง ก็เข้าสู่ช่วง VTR บอกความในใจจากครอบครัว เพื่อนสนิท และเพื่อนร่วมงาน VTR นี้เรียกเสียงกรี๊ดได้ดีมาก เพราะเราจะได้พบกับเหล่าคนสนิทของซุป'ตาร์จีดราก้อน ไม่ว่าจะเป็น Taeyang, Daesung เพื่อนร่วมวง BIGBANG CL, DARA จากวง 2NE1 PSY ศิลปินรุ่นพี่ร่วมค่าย รวมไปถึง Se7en อดีตศิลปิน YG ที่ยังคงความเป็นแฟมิลี่กับทุกคนในค่ายไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เรียกเสียงกรี๊ดดังไม่แพ้เหล่าเพื่อนๆก็คงจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาวของ GD ที่พูดถึงความน่ารักในฐานะลูกชายและน้องชาย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แฟนๆได้ฟังความรู้สึกของคนในครอบครัว โดยรวมแล้วเป็นการพูดความในใจว่า "KWON JI YONG" คือใครสำหรับพวกเขาเหล่านั้น ซึ่งก็เป็นการโยงเข้าสู่โชว์ที่เรายกให้เป็นความประทับใจที่สุดของคอนเสิร์ตเลยก็ว่าได้ จึงเป็นช่วงของเพลงจากอัลบั้มล่าสุดที่มีชื่อว่า "KWON JI YONG" เริ่มต้นด้วยเพลง Super Star ซึ่งเป็นเพลงที่เราชอบมากที่สุดในอัลบั้มนี้ เพราะเป็นเพลงที่สื่อความรู้สึกของ G-DRAGON ได้ดีมาก เพลงนี้มีการยกเวทีขึ้นไปสูงมาก และศิลปินยืนร้องเพลงอยู่บนนั้นคนเดียวโดยไม่มีแดนเซอร์ เรารับรู้ได้ว่าสิ่งที่ต้องการจะสื่อคือ การที่ผู้ชายคนนี้ประสบความสำเร็จจนถึงจุดสูงสุดของการเป็นศิลปิน กำลังมองลงมาที่อดีต เรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ความยากลำบาก ความกดดันที่ต้องแบกไว้มันหนักมากแค่ไหน การเป็น Super Star เป็นความฝันที่เขาทำมันได้แล้ว แต่บางครั้งเขาแค่อยากกลับไปเป็นควอนจียง เด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องแบกรับความคาดหวังจากคนอื่นๆไว้มากมาย เพลงนี้จึงไม่ต้องมีอะไรมาก แค่ใช้ความรู้สึกในการสื่อสารเท่านั้นพอ จากนั้นก็มันส์ต่อกับอีกสองเพลงคือ Middle Fingers-Up และ Bullshit ซึ่งมันก็จะหยาบๆหน่อย ^^ แต่เป็นเพลงที่โคตรสนุกเลย และปิดท้ายช่วงโปรโมทเพลงใหม่ด้วยเพลง Divina Commedia ซึ่ง GD ได้บอกกับพวกเราว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้มาจากภาพยนตร์คอมเมดี้

    หลังจากโปรโมทอัลบั้มใหม่และพูดคุยทักทายแฟนๆ มีความออดอ้อน พูดภาษาไทยเล็กน้อยตามธรรมเนียมไปแล้ว ก็หายเข้าไปหลังเวทีสักพัก เข้าสู่ช่วงอังกอร์ของเหล่าแฟนคลับในฮอลล์แล้วแหละ ซึ่งเท่าที่เคยไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลี ช่วงอังกอร์จะเป็นช่วงแสดงพลังของแฟนคลับด้วยการตะโกนชื่อศิลปิน เป็นการเรียกร้องให้ออกมาแสดงต่อ ซึ่งใช้เวลาประมาณห้านาทีได้ ต้องพยายามเรียก ส่งเสียงกรี๊ดเป็นระยะๆ ซึ่งตรงนี้เราก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องออกมา แต่เวลาได้ตะโกนร่วมกับคนที่เป็นแฟนคลับด้วยกันมันก็สนุกดีนะ จากนั้นไม่นาน GD ก็ออกมาทำการแสดงต่ออีกสองเพลงที่มันส์สุดๆ นั่นก็คือเพลง This Love ซึ่งเป็นเพลงโซโล่ในตำนานของพี่เค้าเลยแหละ จากนั้นก็สนุกกันต่อกับเพลง Crooked ที่มั่นใจว่าทุกคนในฮอลล์ไม่อาจหักห้ามใจได้จนต้องลุกขึ้นมากระโดดไปด้วยกัน และก็เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายจริงๆ นั่นคือเพลง Untitled(2014) เพลงบัลลาดบรรเลงเปียโนที่เพิ่งปล่อย MV เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมาก่อนจะเริ่มการแสดง World Tour ซึ่งจัดรอบการแสดงแรกขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพลงนี้ถึงแม้อารมณ์จะเศร้า พูดถึงคนรักที่เลิกรากันไป ภาวนาขอให้ได้กลับมาพบและรักกันอีก แต่ GD ใช้เพลงนี้แทนการขอบคุณและบอกลาด้วยการลงมาทักทายใกล้ชิดกับแฟนๆข้างล่างเวที ช็อตนี้ทำเอาผู้ชมที่นั่งอยู่โซนข้างล่างต้องวิ่งออกไปเพื่อเก็บภาพความทรงจำและใกล้ชิดกับศิลปินให้ได้มากที่สุด น่าเสียดายที่ทั้งสองวันเราไม่มีโอกาสจะไปอยู่จุดนั้น แต่เท่าที่ได้สัมผัสก็รับรู้ได้ว่าเพลงนี้มันออกมาจากหัวใจของคนเขียนเพลงจริงๆ ไม่ว่าเพลงนี้เขาจะมอบให้ใครเป็นพิเศษหรือไม่ แต่สำหรับเราในฐานะคนฟังเพลงคนหนึ่ง ศิลปินคนนี้สามารถถ่ายทอดอารมณ์เพลงให้เข้าถึงคนฟังได้จริงๆ จึงทำให้ช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ตทั้งสนุก ได้ปลดปล่อยใจไปกับจังหวะดนตรี และมีความสุขไปพร้อมๆกันกับเสียงเพลงตลอดระยะเวลาเกือบสามชั่วโมง

     
  • ประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตครั้งนี้มีเรื่องตื่นเต้นมากมายตั้งแต่วันแรกที่ได้บัตรมาโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนคอนเสิร์ตเริ่มหนึ่งชั่วโมง จึงตัดสินใจนั่งพี่วินในขณะที่ฝนปรอยๆจากจตุจักรไปอิมแพคให้ทันในเวลาประมาณ 45 นาที เป็นการไปดูคอนที่ใจเต้นที่สุดแล้ว ทั้งกลัวไม่ทันและกลัวจะไปไม่ถึง 555 แต่สุดท้ายพี่วินก็นำเรามาส่งถึงที่หมายภายในเวลาเส้นยาแดงผ่าแปด วันแรกจึงผ่านไปด้วยดีมีความสุข ส่วนวันที่สองมาแบบชิลๆ พร้อมกับเตรียมตัวรอส่งคุณพี่จียงหลังคอนเสิร์ตจบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้ Send Off ในที่ๆทีมงานจัดเตรียมไว้ วันที่สองจึงเป็นการเข้าไปซึมซับบรรยากาศอย่างเต็มอิ่ม และออกมายืนรอส่งศิลปินประมาณสองชั่วโมงกว่า ถึงจะรอนานแต่ครั้งนี้ก็คุ้มค่า เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ กว่าจะได้โชคไปยืนตรงนั้นก็ต้องมีบนบานศาลกล่าวบ้าง ^^ คอนเสิร์ตทั้งสองวันจึงจบลงด้วยความ Happy Ending หลังจากที่เรารอคอยการกลับมาแสดงสดที่ประเทศไทยเป็นเวลาสองปีเต็ม เชื่อว่าแฟนๆทุกคนก็คงหายคิดถึงและคงจะคิดถึงไปอีกนานเพราะกว่าจะกลับมารวมตัวครบวงก็ใช้เวลาอีกหลายปี 


    หากถามว่าทำไมศิลปินที่ชื่อ G-DRAGON ในวัย 29 ปีจึงประสบความสำเร็จอย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราได้ตามอ่านบทความที่เขียนถึงคอนเสิร์ตครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของคนทำสื่อสิ่งพิมพ์ คนทำคอนเทนต์ หรือความเห็นจากคนในแวดวงดนตรี ซึ่งมุมมองย่อมแตกต่างไปในสิ่งที่พวกเขารับรู้ และสิ่งที่ประสบความสำเร็จสำหรับการจัด World Tour ครั้งนี้คือการที่ศิลปินสื่อสารกับคนดูได้ตรงจุด ทุกคนรับรู้และนำมาเล่าต่อเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมมองจากคนทำงานด้านสื่อ หรือแม้แต่เพื่อนๆของเราที่ได้มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ทั้งๆที่เขาไม่ใช่แฟนคลับตัวยงแต่เป็นแฟนเพลงของ GD และวง BIGBANG ต่างก็เข้าใจนัยยะของคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่ไม่เพียงแต่จะแสดงให้เห็นแต่ละช่วงเวลาของชีวิตการทำงานในวงการเพลงของ GD แต่ยังแสดงความในใจของผู้ชายคนนี้ที่ผู้คนต่างยกให้เขาเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการเคป๊อป และมีอิทธิพลต่อคนในหลายๆประเทศทั้งในวงการเพลงและวงการแฟชั่น แท้ที่จริงแล้วเขาเพียงต้องการให้ทุกคนมองเขาเป็นควอนจียง ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่รักในดนตรี 

    สิ่งที่เราเล่าไปทั้งหมด ในมุมมองของคนที่ติดตามผลงานศิลปินคนนี้มาตลอด เราเห็นอะไรบางอย่างในตัวควอนจียงที่ทำให้ตัวเขาและวงรวมถึงแฟนๆยังเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงแม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาเองก็เคยประสบช่วงเวลาที่เลวร้ายจากความคาดหวังของสาธารณะในฐานะไอดอลจนทำให้ช่วงนั้นถือเป็นช่วงมรสุมของสมาชิกวง BIGBANG เลยก็ว่าได้ แต่เวลาและความเชื่อมันในศิลปะของตัวเองและความมั่นคงในการสนับสนุนของผู้ฟังก็ทำให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ ส่วนตัวเราติดตามผลงานวง BIGBANG มาตั้งแต่ยุคแรกๆ สิ่งที่เห็นมาตลอดคือ แม้บางครั้ง G-DRAGON ก็อยากจะกลับไปเป็นควอนจียงคนเดิมอย่างที่คุ้นเคย ไม่ต้องแบกรับความคาดหวังจากสังคม แต่เขาก็ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองด้วยการทำงานเพลงที่เขารักอย่างตั้งใจ และผลตอบรับก็ออกมาดีทุกครั้ง สิ่งที่เราสัมผัสได้ก็คือ การทำทุกอย่างด้วยความหลงใหลในศิลปะของตัวเองอย่างที่หลายๆคนได้กล่าวถึง ทั้ง GD ไม่เคยลืมหน้าที่หัวหน้าวงของตัวเอง ใส่ใจทุกรายละเอียดและความรู้สึกของสมาชิกคนอื่นๆ เพราะวง BIGBANG คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนรู้จักเด็กผู้ชายคนนี้ในนาม G-DRAGON สมาชิกวง BIGBANG เมื่อ 11 ปีที่แล้ว การเดินทางมาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นความฝันอันสูงสุดของเด็กคนหนึ่ง ถึงแม้จะมีทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว เขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงเขาเป็นใครหรือทุกคนต้องการให้เขาเป็นแบบไหน เป็นซุปเปอร์สตาร์ นักร้องนักแต่งเพลง เป็นผู้มีอิทธิพลด้านวงการเพลงและแฟชั่น หรือเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง 

    Credit : BEC-TERO ENTERTAINMENT
  • ถึงแม้เขาจะถูกสื่อจัดอันดับให้เป็นอะไรก็ตาม หรือเขาจะเป็นแบบไหนในสายตาคนอื่น สำหรับเราในฐานะ VIP เขาคือผู้สร้างสรรค์ผลงานด้วยความรัก ความตั้งใจจริง และลงมือทำมันด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ และสิ่งที่เขาถ่ายทอดออกมาไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยสักครั้ง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากจะติดตามพวกเขาไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผู้ชายในวัย 29 ปีได้สื่อสารกับคนดูตลอดสองวันนั้น สำหรับเราๆเข้าใจความรู้สึกนี้ ถึงแม้เขาคนนี้จะอยากกลับไปเป็นควอนจียง เป็นคนของครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นคนรัก หรือเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เรายังเชื่อเสมอว่าเขาคนนี้ยังอยากเป็นศิลปินที่หลงใหลในดนตรีในฐานะ G-DRAGON และสมาชิกวง BIGBANG ต่อไปเรื่อยๆ อนาคตไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เราเชื่อว่าวันนี้เขายังไม่หยุดนิ่ง ยังคงสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆมาเรื่อยๆ และแน่นอนเขาไม่เคยทำให้แฟนๆผิดหวัง

    คอนเสิร์ต ACT III, M.O.T.T.E จึงบอกเล่าองก์ที่สามของช่วงชีวิตในวงการเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม ในขณะที่อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้กำลังขึ้นมามีอิทธิพลในระดับโลก G-DRAGON ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงการนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ศิลปินของเราไม่ใช่คนที่ดีที่สุด เก่งที่สุด แต่เขาทำให้เราเชื่อในความสามารถและความรักในทุกสิ่งที่ทำเท่านั้นเอง สำหรับเราเขาเป็นทั้งซุปเปอร์สตาร์ในเรื่องความสามารถ และเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อควอนจียง ซึ่งไม่ใช่คนที่จับต้องไม่ได้ มันมีไม่กี่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและพร้อมสนุกไปกับมัน สิ่งหนึ่งก็คือการได้ชมคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชื่นชอบ เมื่อเขาแสดงออกมาอย่างเต็มที่และยังคงมี passion กับมันอยู่ทุกขณะ นั่นก็เป็นเหตุผลของความคิดที่ว่า การมาเยือนไทยครั้งต่อๆไปทำไมจะต้องพลาดล่ะ? แล้วพบกันใหม่นะ "พี่จียง" : )


    ปล.และขอขอบคุณภาพบางส่วนจากบ้านแฟนไซต์ 'Always GD'


    "ฉันรู้ คำพูดของคุณน่ะถูกต้องแล้วล่ะ ใช่ ฉันน่ะมีพร้อมทุกอย่างแล้ว... 
    มันเหนื่อยนะ วันนี้ วันพรุ่งนี้ ในทุกๆวันฉันเต็มไปด้วยงาน
    แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าฉันไม่มีงานเลย มันก็คงจะแปลกๆ 
    ฉันไม่อยากให้เป็นงั้นหรอกนะ"

    'SUPER STAR' By G-DRAGON From 'KWON JI YONG - EP' (2017)


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in