เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวนิยายแปล✿ Peony ✿
รีวิว ขุนนางพลิกแผ่นดิน เล่ม 1
  • ขุนนางพลิกแผ่นดิน เล่ม 1天下

    ผู้แต่ง: เมิ่งซีสือ 梦溪石
    สำนักพิมพ์: Sense
    จำนวน: 5 เล่มจบ
    เรื่องย่อ:

    รัชศกจยาจิ้งปีที่ 35 - ทุกสิ่งล้วนเริ่มต้นยากเสมอ

             หวังหนิง ในวัย 30 กว่าๆไม่คิดเลยว่าตนเองจะตื่นขึ้นมาในร่างของ จ้าวซู่ บุตรอนุสถานะต่ำต้อยวัย 13 ปีในสมัยราชวงศ์หมิง ด้วยความที่เจ้าของร่างเดิมและมารดาถูกขับไล่ออกจากจวนสกุลจ้าวหลังบิดาเสียชีวิต เขาจึงหมดอาลัยตายอยากจนกระโดดน้ำปลิดชีวิตตนเอง ด้วยเหตุนี้หวังหนิงที่มาจากอนาคตจึงต้องมีชีวิตต่อไปในนามและฐานะของจ้าวซู่ 

            ส่วนสถานการณ์ในราชสำนักและใต้หล้าสมัย จักรพรรดิจยาจิ้ง นั้น เนื่องจากฮ่องเต้สนใจแต่การฝึกวิชาเซียนหลอมโอสถ ทำให้ สภาขุนนาง ซึ่งมี เหยียนซง เป็นหัวหน้ามีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าการถ่วงดุลอำนาจขุนนางของฮ่องเต้ทำให้ยังคงกุมอำนาจไว้ในมือไว้ได้อยู่ สำหรับทางเหนือมีการรุกรานของพวก ต๋าต๋า ส่วนทางตะวันออกมี โจรวอโค่ว หรือ โจรสลัดญี่ปุ่น บุกปล้นชิงในหลายมลฑลทางชายฝั่งทะเล ประชาชนส่วนใหญ่อยู่อย่างลำบากยากแค้น รวมถึงจ้าวซู่และมารดาด้วย ( ; ω ; ) ดังนั้น หากจ้าวซู่ต้องการยกระดับชีวิตของตนให้อยู่อย่างสุขสบาย มีแต่ต้องสอบเป็นขุนนางเท่านั้น


    รัชศกจยาจิ้งปีที่ 40 - พบเด็กน้อยเด็กจอมเผด็จการคนหนึ่ง

             แม้ว่าจ้าวซู่จะมีความรู้จากหลายร้อยปีข้างหน้า ทว่าความรู้ที่ต้องใช้สอบขุนนางยังเทียบกับคนโบราณไม่ได้และจำเป็นต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะ ดังนั้น ทุกวันหลังจากเก็บสมุนไพรไปขาย จ้าวซู่จะไปยืนฟังการสอนที่สำนักศึกษาของตระกูลจ้าว กระทั่งวันหนึ่งเขาถูกจับได้ และนำไปสู่การโต้ตอบระหว่างจ้าวซู่กับอาจารย์ในสำนักศึกษา เหตุการณ์นี้สร้างความสนใจให้นายอำเภอและสหาย ไต้กงวั่ง ที่มาสำรวจราชการโดยบังเอิญ สุดท้ายความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบของจ้าวซู่ทำให้ไต้กงวั่งตัดสินใจรับเขาเป็นศิษย์ แถมยังได้รับความชื่นชมจากนายอำเภอจนโด่งดังไปทั่ว

            หลังจากกราบไหว้อาจารย์ ฐานะของจ้าวซู่ขยับจากบุตรอนุมาเป็นลูกศิษย์ของบัณฑิตเลื่องชื่อ นอกจากผ่านการสอบขุนนางระดับมณฑลแล้ว เขายังมีผลงานด้านการเสนอแผนรับมือโจรวอโค่วที่มารุกรานฝูเจี้ยนอีกด้วย ยิ่งผ่านเหตุการณ์มามากเท่าไร จ้าวซู่ก็ยิ่งพบเจอกับชื่อที่คุ้นเคยมากมากขึ้นเรื่อยๆจนรู้สึกว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในประวัติศาสตร์จริงๆ กระทั่งรัชศกจยาจิ้งปีที่ 40 เขาเดินทางไปสอบที่เมืองหลวง และได้พบกับ จูอี้จวิน อ๋องน้อยวัย 4 ขวบที่กำลังต่อราคาถังหูลู่จนพ่อค้าแทบร้องไห้ ทว่าตอนกำลังจ่ายเงินเด็กน้อยพบว่าตนเองทำถุงเงินหายไปแล้วทำไงดี แง๊ๆๆ

            ⚠️ Trigger Warning ~ เนื้อหามีประเด็นเกี่ยวกับความต่างของอายุพระนายประมาณ 13~14 ปี , พระเอกและนายเอกแต่งภรรยา แต่ไม่มีบรรยายฉากร่วมหอ ส่วนนายเอกเริ่มมีใจให้พระเอกหลังจากภรรยาเสียชีวิต และมีฉากสลับ 1 ฉาก 

    จ้าวซู่และซาลาเปาน้อ

             กลับมาเจอกันอีกครั้งกับผลงานของคุณเมิ่งซีสือใน ขุนนางพลิกแผ่นดิน กันค่า เรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงที่มีเนื้อหาเข้มข้น เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง และการต่อสู้ชิงบัลลังก์ ที่รวมดาวเด่นขิงแก่ของราชวงศ์หมิงในยุคนั้นเอาไว้ครบเครื่องเลยค่ะ ซึ่งแม่เมิ่งถ่ายทอดเรื่องราว พร้อมกับผสมผสานประวัติศาสตร์จีนออกมาได้น่าสนใจทีเดียว ซึ่งหลังจากอ่านนิยายจบแล้ว เราต้องไปหาประวัติของราชวงศ์หมิงมาอ่านต่อเลยค่ะ 555 และขึ้นชื่อว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ดังนั้นบางเหตุการณ์อาจจะไม่สอดคล้องกับบันทึกในประวัติศาสตร์นะคะ ส่วนความรักไม่แน่ใจว่าหวานมากแค่ไหน ต้องไปลุ้นต่อในเล่มหน้า

             สำหรับ ขุนนางพลิกแผ่นดิน เล่าถึงชายหนุ่มจากอนาคตที่ตื่นขึ้นมาในร่างของ จ้าวซู่ บุตรอนุที่ถูกขับไล่ออกจากจวนสกุลจ้าวพร้อมมารดา และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจ้าวซู่จึงตัดสินใจเดินบนเส้นทางการสอบขุนนาง ไม่นานโชคชะตาก็พาให้เขามาพบกับ จูอวี้จวิน อ๋องน้อยจอมเผด็จการที่แสนน่ารัก ว่าที่จักรพรรดิองค์ที่ 13 แห่งราชวงศ์หมิงที่ได้ชื่อว่าเฉลียวฉลาด ทว่าลุ่มหลงในสุรา นารี อีกทั้งไม่ยอมออกว่าราชการถึง 27 ปีจนบ้านเมืองล่มจม (⊙_⊙) ดังนั้น จ้าวซู่จึงเริ่มมีคิดที่จะปลูกฝังอีกฝ่ายให้เติบโตมาเป็นฮ่องเต้ที่ดี มาดูกันว่าเขาจะสามารถพลิกหน้าประวัติศาสตร์เลี้ยงดูว่าที่ฮ่องเต้ให้เป็นผู้เป็นคนได้มั้ย แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้มีคนถูกเด็กน้อยออดอ้อนจนใจอ่อนไปหมดแล้วเนี่ย (><;)

            ส่วน Timeline ในนิยายจะเริ่มในสมัย จักรพรรดิจยาจิ้ง จักรพรรดิลำดับที่ 11 ของราชวงศ์หมิงเป็นต้นไป โดยเหตุการณ์ในเรื่องจะอิงตามสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคสมัยนั้น ผสมผสานไปกับเรื่องราวการสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับของจ้าวซู่ 555 ซึ่งหลังๆดูเหมือนจะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเกมการเมืองอันดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ (⇀‸↼‶) สำหรับตัวละครมีค่อนข้างเยอะเลยค่ะ แถมแต่ละคนยังมีทั้งนามหลักและนามรอง เราอ่านไปก็ต้องจดไปด้วย 555 บางตัวละครเป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ซึ่งจะมีเชิงอรรถอธิบายไว้ละเอียดเลย ใดใดคือนับถือจ้าวซู่มากๆที่สามารถจดจำเรื่องราวของต้าหมิงได้ละเอียดยิบขนาดนี้ 555 


              สำหรับ จ้าวซู่ หลังจากมีชายหนุ่มหัวก้าวหน้ามาอาศัยอยู่ในร่าง ภาพลักษณ์จึงเปลี่ยนจากเด็กน้อยที่อ่อนแอมาเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่ เฉลียวฉลาด และสุภาพอ่อนโยน และสร้างความประทับใจให้ผู้อื่นได้เสมอ แต่บอกเลยว่าฉากหน้าที่ดูสุุภาพงดงามนี้ เขาได้ซ่อนจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์ ปากร้าย ขี้แกลัง และแอบเซ็กซี่เบาๆไว้ด้วยค่ะ 555 แม้ปกติจะรักสงบแต่เมื่อมีใครมาหาเรื่อง เขาก็พร้อมจะตอกกลับหน้าหงายแบบสะใจคนอ่านเลยทีเดียว ส่วนสิ่งที่เราชอบคือจ้าวซู่เป็นคนที่อยู่กับปัจจุบัน ไม่สุดโต่ง และพยายามปรับใช้แนวคิดจากหลายร้อยปีข้างหน้าให้เข้ากับยุคสมัยนั้น

            ส่วนท่านอ๋องน้อย จูอวี้จวิน แม้จะมีชาติกำเนิดสูงส่งแต่กลับเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเรียบง่าย จึงค่อนข้างเป็นเด็กดี เฉลียวฉลาด ว่าง่าย และชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ แม้บางครั้งจะดื้อและเผด็จการวางอำนาจไปนิดแต่สามารถล่อซื้อได้ด้วยของอร่อยนะคะ 555 เวลาน้องออกมาทีไรบอกเลยว่าน้วยน่ารักจนอยากบีบแก้มเลย แล้วแบบนี้จะไม่ให้หลงได้ยังไงคะเนี่ย อิอิ

            ในเล่มหนึ่งเรียกได้ว่าจ้าวซู่คือพี่เลี้ยงเด็กค่ะ แม้เจอกันครั้งแรกซาลาเปาน้อยจะทำเมินไปนิด 555 แต่ไม่นานก็เกาะติดจ้าวซู่เป็นหมีโคอาล่าเลย แถมยังชอบออดอ้อนให้อีกฝ่ายพาไปเที่ยวหาขนมกินอีกส่วนจ้าวซู่ก็เอ็นดูและใจดีกับน้องสุดๆ พาออกไปเที่ยว ซื้อขนม เล่าเรื่องสนุกให้ฟัง น้องเลยสนิทด้วยเป็นพิเศษ สนิทขนาดที่ว่าพี่ก็ไม่เรียกแล้ว เรียกแต่ซู่ซู่แล้วเนี่ย 555

            แน่นอนว่าการมีอยู่ของจ้าวซู่ได้กลายเป็นความอบอุ่นที่อ๋องน้อยสัมผัสได้ในจวนอันแสนเงียบเหงาแห่งนี้ ซึ่งช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนั้นได้สลักลึกไปในความทรงจำของจู้อวี้จวินโดยไม่รู้ตัว ส่วนการที่จ้าวซู่ได้ย้อนเวลามาอยู่ในราชวงศ์หมิง ย่อมหมายความว่าเขายังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่เคยรู้จัก! แม้ไม่รู้ว่าตนเองจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ทว่าตอนนี้เขาสามารถจุดประกายความคิดและปลูกฝังเด็กน้อยตรงหน้าให้เติบโตมาเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ แต่สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ เหตุใดฮ่องเต้ที่แสนเผด็จการองค์นั้นถึงมีวัยเด็กที่น่ารักเพียงนี้นะ ??? (↼_↼)




    รายละเอียดบางส่วนของราชวงศ์หมิง

    แผนที่อาณาเขตราชวงศ์หมิงสมัยจักรพรรดิว่านลี่ ค.ศ. 1580

            สำหรับแผนที่อาณาเขตราชวงศ์หมิง เราอ้างอิงชื่อมณฑลส่วนนึงจากที่แปลในนิยายนะคะ ถามว่าเวลาอ่านนิยายจำเป็นต้องใช้แผนที่ไหม 555 เราว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่ที่ทำขึ้นมาเพราะอยากรู้ว่าเมืองที่อ้างอิงในนิยายอยู่ตรงไหนล้วนๆเลย แบบว่าคนนี้ถูกส่งไปรับราชการที่นั่น ถูกเนรเทศไปที่นี่ ชื่อคุ้นๆแบบเจียงนานนั้นมีประกอบด้วยมณฑลอะไรบ้าง ประมาณนี้ค่ะ 555 นอกจากนี้ยังทำให้เข้าใจประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงช่วงนั้นๆมากขึ้นด้วย 

    ส่วนสัญลักษณ์ต่างๆในแผนที่มี ดังนี้

    • พื้นที่           คือ อาณาจักรต้าหมิง 
    • คือ เมืองหลวง หรือเมืองใหญ่ ในมณฑลนั้นๆ
    • เส้น   คือ เส้นทางการบุกรุกของโจรวอโค่วหรือโจรสลัดญี่ปุ่น
    • เส้น   คือ แนวกำแพงเมืองจีน
    • ธง ? คือ เก้าฐานที่มั่นทางยุทธศาสตร์ระดับสูง 九边 ซึ่งก่อตั้งในราชวงศ์หมิงเพื่อป้องกันการรุกรานทางชายแดนเหนือ มีทั้งหมด 9 แห่งตามแนวกำแพงเมืองจีนค่ะ

              สำหรับเมืองหลวงในสมัยก่อตั้งราชวงศ์หมิงจะอยู่ที่ หนานจิง ในมณฑลจื๋อลี่อใต้ 南直隶 (ปัจจุบันคือมณฑลเจียงซู) ต่อมาได้ในสมัยจักรพรรดิลำดับ 3 จักรพรรดิหย่งเล่อ ได้ย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่ เป่ยจิง ในมณฑลจื๋อลี้เหนือ 北直隶 (ปัจจุบันถูกยุบไปเป็นมณฑลเหอเป่ย) ส่วนชื่อเมืองหลวงในบางมณฑลเราอ้างอิงจากตัวจีนในแผนที่นะคะ 

            ส่วนพื้นที่มองโกเลียด้านเหนือของแผนที่นั้นเป็นที่อยู่ของชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ ในสมัยราชวงศ์หมิงจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ดังนี้ 

    • โม่หนาน 漠南 เป็นพื้นที่ของชนเผ่าต๋าต๋า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายโกบี ซึ่งรวมพื้นที่มองโกเลียใน (Inner Mongolia) ในปัจจุบันด้วย
    • โม่เป่ย 漠北 เป็นพื้นที่ทะเลทรายขนาดใหญ่ทางตอนเหนือทะเลทรายโกบี สถานที่นี้ปรากฎในนิยายหลายเรื่องเลยค่ะ เราได้ยินครั้งแรกในเรื่อง มังกรเร้นฟ้า ของหวายซ่างค่ะ
    • โม่ซี 漠西 เป็นพื้นที่ทางทิศตะวันตกของทะเลทรายโกบีค่ะ เนื่องจากอยู่ไกลไปทางตะวันตก เราเลยไม่ได้ใส่มาในแผนที่นะคะ 555


    จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงที่ปรากฎใน Timeline ของนิยาย

             ส่วนจักรพรรดิราชวงศ์หมิงที่ปรากฎใน Timeline ของนิยายจะเริ่มจากลำดับที่ 11 จักรพรรดิจยาจิ้ง ตั้งแต่รัชศกปีที่ 35 เป็นต้นไป สำหรับเล่ม 1 จบประมาณรัชศกปีที่ 40 ซึ่งเป็นช่วงที่จักรพรรดิจยาจิ้งยังไม่แต่งตั้งรัชทายาทเพราะลูกชายสองคนไม่เอาไหน ด้วยความที่ จิ่งอ๋อง มีสกุลเหยียนที่มีอำนาจคอยหนุนหลัง ส่วน อวี้อ๋อง โอรสองค์โตนั้นไม่มีใครเลย แถมยังอยู่แบบเรียบง่ายสุดๆอีกด้วย 555 โชคดีที่ได้จ้าวซู่คอยผูกสัมพันธ์กับอีกขั้วอำนาจให้อย่างลับๆ ช่วงนี้การเมืองเข้มข้นมาก แต่ละฝ่ายชิงไหวชิงพริบกันตลอด แต่จะมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการครองบัลลังก์เลยค่ะ ต้องมาลุ้นกันต่อในเล่ม 2 แล้ว

           ส่วนนี้อาจจะสปอยล์นิดนึงนะคะ 555 จริงๆแล้วมันคือข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่ถ้าอยากลุ้นเองก็ข้ามไปได้เลยค่ะ เพราะจักรพรรดิองค์ต่อมาคือ จักรพรรดิหลงชิ่ง หรืออวี้อ๋องนั่นเอง ฮ่องเต้องค์นี้ครองราชย์เพียงไม่กี่ปีก็ส่งต่อบัลลังก์ให้ซาลาเปาน้อย จูอวี้จวิน พระเอกของเรื่องหรือ จักรพรรดิว่านลี่ ลำดับที่ 13 นั่นเองค่ะ 

    วอโค่วถูจ้วน (倭寇図巻) หรือม้วนภาพโจรสลัดญี่ปุ่น 
    แสดงภาพข้าราชการและกองทหารสมัยราชวงศ์หมิงที่ถูกส่งไปปราบโจรสลัดญี่ปุ่น
    Cr. FB: วิพากษ์ประวัติศาสตร์

    •      ส่วนใครสนใจนิยายของคุณเมิ่งซีสือ เราเคยรีวิวไว้หลายเรื่องเลย ลองเข้าไปอ่านกันได้น้า ♡(。- ω -) 

      •  มังกรอำพราง นิยายแนวพจญภัยในอารยธรรมโบราณที่เต็มไปด้วยความลี้ลับเหนือธรรมชาติ ของพระเอกซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย ส่วนนายเอกเป็นนักศึกษาด้านโบราณคดีค่ะ รับรองว่าสนุก ตื่นเต้นและเนื้อหาอัดแน่นมากๆค่ะ
      • แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ นิยายแนวไขคดีเหนือธรรมชาติและปราบปิศาจแบบฝุ่นตลบจนยันต์ปลิวว่อน พระเอกเป็นรองอธิบดีของกรมจัดการคดีพิเศษ ส่วนนายเอกที่เป็นคนธรรมด๊าธรรมดาที่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่โลกบำเพ็ญเพียรเพื่อสมัครเข้าทำงานในกรมนี้ เหตุผลง่ายๆคืออยากจีบพระเอกน่ะสิค้า อิอิ
    • คดีลับใต้หมู่ดาว นิยายแนวไขปริศนาคลี่คลายคดีที่มีเซตติ้งเป็นยุค 1930s ของคุณตำรวจหลิงซูที่ตกผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตรกรรมสาวงามคนดัง และศาสตราจารย์เยวี่ยติ้งถังที่ปรึกษาของคดีนี้ ซึ่งในอดีตเป็นทั้งคู่เคยเป็นแข่งด้านการเรียนและความรักกันมาก่อน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in