กำแพงภาษาอาจเป็นหนึ่งในอุปสรรคของการทำงานได้ ดังนั้นการพูดภาษาอังกฤษได้อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะสามารถลดกำแพงที่มีต่อกันได้ โดยที่ผ่านมาก็เชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถสื่อสารภาษาอื่น ๆ ได้ในระดับที่พอลดชั้นของกำแพงภาษาลงได้บ้าง อย่างภาษาอังกฤษที่สื่อสารได้ในระดับชีวิตประจำวัน ภาษาจีนและภาษาเกาหลีได้บ้างนิดหน่อยพอจับใจความได้ ภาษาญี่ปุ่นก็ได้แค่บางคำอย่างคำทักทายและคำบอกลา แต่ก็ไม่คิดว่ากำแพงที่หนาสองชั้นจะมาในรูปแบบของภาษาฝรั่งเศส
เรื่องมีอยู่ว่ามีครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นชาวต่างชาติ สมาชิกประกอบไปด้วย คุณพ่อ, คุณแม่, ลูกสาวคนโตและลูกชายคนเล็ก จากการคาดการณ์พบว่าสองพี่น้องน่าจะอายุประมาณ 5-7 ขวบ และสังเกตได้ว่าบทสนทนาระหว่างสมาชิกในครอบครัวพบว่าภาษาที่ใช้เป็นภาษาฝรั่งเศสโดยอ้างอิงจากประสบการณ์และสัญชาตญาณจำเพาะที่เคยมี ด้วยความที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องจึงได้ทำการแนะนำตัวพร้อมบอกรายละเอียดของกิจกรรมห้องสมุดเป็นภาษาอังกฤษกับผู้เป็นแม่อย่างที่เคยทำเป็นประจำเมื่อมีผู้ใช้งานเข้ามาที่ห้อง Kid’s Corner เมื่อผู้เป็นแม่อธิบายสิ่งที่เจ้าหน้าที่ประจำห้องแนะนำให้กับลูก ๆ ก็พบว่าปฏิกิริยาของเด็ก ๆ เป็นไปในเชิงบวกซึ่งอนุมานได้ว่าสนใจที่จะทำกิจกรรมวาดรูประบายสี ด้วยเหตุนี้พี่พะแพงจึงรับหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ทั้งสองคน แรกเริ่มพี่พะแพงชวนสองพี่น้องคุยเป็นภาษาอังกฤษ ผลคือน้องไม่เข้าใจและยังคงนั่งระบายสีท่ามกลางความเงียบเหงา และเข้าใจได้ว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่ แต่พี่พะแพงไม่สามารถยอมแพ้ต่อกำแพงภาษาได้จริง ๆ จึงทำการหาประโยคสนทนาพื้นฐานภาษาฝรั่งเศสและเริ่มใช้ภาษามือโดยทันที
ผลของความพยายามเบื้องต้นออกมาได้ดีเกินคาด สองพี่น้องเริ่มมีปฏิกิริยาที่ดีสังเกตได้จากสีหน้ายิ้มแย้มและพยายามบอกสื่อสารว่าขอระบายสีคนละสองแผ่น แน่นอนว่าพี่พะแพงให้ได้เสมอ บรรยากาศที่โต๊ะระบายสีกำลังไปได้สวย สองพี่น้องพยายามเล่นกับพี่พะแพงด้วยภาษามือ แต่แล้วก็สะดุดตรงที่พี่สาวต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง โดยพูดคำว่า “กม กม” พร้อมกับกำมือขยับไปมาสลับซ้ายขวา ณ ตอนนั้นสัญญาณขอความช่วยเหลือในโสตประสาทดังขึ้นทันทีพร้อมกับคำว่า “What is กม mean?” พูดเสร็จขมับเริ่มชื้น แต่แล้วความชื้นที่กำลังจะถูกผลิตออกมาเป็นเหงื่อก็ได้ระเหยไปในอากาศโดยมีคุณแม่ที่เข้ามาบอกว่า “Gomme is Eraser” ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนสายรุ้งขึ้นกลางแจ้งพร้อมกับยื่นยางลบให้น้องโดยทันที
ความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอเมื่อถึงเวลาที่สองพี่น้องต้องกลับ กว่าจะร่ำลากันเสร็จก็ทำเอาคุณแม่อาจคอแห้งได้ เพราะเรียกหลายต่อหลายรอบแล้วสองพี่น้องก็ไม่มีวี่แววที่จะลุกเลย ก่อนจะ Goodbye เด็ก ๆ กระซิบกันกับคุณแม่ โดยคุณแม่พยักหน้ายิ้มเชิงเห็นด้วยแล้วมองมาที่พี่พะแพง ณ ขณะนั้นความชื้นที่อนาคตจะกลายเป็นเหงื่อเริ่มกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคำถามในหัวว่า “เราทำอะไรผิดหรือเปล่า หรือว่าหน้าเราตลก” แต่ความคิดนั้นหายวับไปกับตา เนื่องจากภาพระบายสีที่เด็กขอระบายคนละสองแผ่นถูกยื่นให้พี่พะแพงคนละแผ่น
พี่พะแพง : You can keep it.
คุณแม่ : They give you.
พี่พะแพง : For me?
สองพี่น้อง : Yes, Bye bye.
พี่พะแพง : Merci (ขอบคุณ) Bye bye
สองพี่น้อง : Khoob-khun (ขอบคุณ) Bye bye
ณ ตอนนั้นเข้าใจทุกอย่าง เข้าใจว่าทำไมทำงานกับเด็กแล้วถึงมีความสุขมากขนาดนี้ เข้าใจแล้วว่าสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เด็ก ๆ ยื่นให้มันมีความหมายมาก ๆ สำหรับพี่พะแพง เข้าใจว่าทำไมถึงพูดคำว่าขอบคุณเป็นภาษาฝรั่งเศสได้ เพราะว่าวันนี้อยากขอบคุณคุณพ่อคุณแม่น้องมาก ๆ ที่เลี้ยงดูมาอย่างดี และอยากขอบคุณเด็ก ๆ ที่เติบโตมาได้น่ารักถึงขนาดนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in