ในช่วงสองสัปดาห์แรกถือเป็นช่วงที่เด็กฝึกงานทั้ง 4 คนกำลังไฟแรงมาก ๆ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรทุกอย่างก็สามารถผลิตเป็นแนวทางการทำงานใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ คนหนึ่งวาดรูป คนหนึ่งระบายสี คนหนึ่งตัดเส้น คนหนึ่งตัดกระดาษ เรียกได้ว่านั่งทำงานกันทั้งวันจนลืมเวลา จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาในหัวว่าทำไมวันธรรมดาถึงไม่ค่อยมีเด็กเลยนะ แต่แล้วก็คิดได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็ก ๆ เริ่มเปิดเทอมกัน วันที่มีเด็กจริง ๆ ก็คงจะเป็นวันเสาร์และอาทิตย์ เมื่อนึกถึงวันหยุดอย่างวันเสาร์และอาทิตย์แล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เพราะนี่จะเป็นโอกาสแรกที่เด็กฝึกงานทั้ง 4 คนได้ลงสนามภาคปฏิบัติของจริง
ภาพประกอบ 1 : รูปแบบกิจกรรมนิทานสารพัดนึก
ในระหว่างวันเด็กฝึกงานทั้ง 4 คนก็ได้มีการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่บ่อยครั้ง หรือเรียกการพูดคุยลักษณะนี้ว่า “การละลายพฤติกรรม” จากการพูดคุยก็พบว่าเพื่อน ๆ ทั้ง 3 คนคุยด้วยแล้วสนุกมาก นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกับเพื่อนฝึกงานจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ จนเริ่มสนิทสนมกัน ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นของการเข้าสังคมใหม่ที่ดีเยี่ยม
บรรยากาศการทำงานถูกดำเนินไปด้วยการวาดรูป ระบายสี ตกแต่งห้อง คิดกิจกรรม เลือกนิทานที่เหมาะสมกับวันธรรมดาและวันที่จัดโครงการนิทานสารพัดนึก ดูเหมือนว่าตลอดทั้งสองสัปดาห์แรกของการฝึกงานจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ในระหว่างทางก็มีเรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เรื่องนั้นดันเกิดขึ้นที่ตัวเองจนได้ นั่นก็คือการได้แผลแบบงง ๆ ในสัปดาห์แรกได้แผลจากการใช้ฟองน้ำแบบผิดพลาดจนทำให้แขนถลอกเป็นรอยแดงระหว่างการทำงาน ส่วนสัปดาห์ที่สองก็ได้แผลจากการใช้กรรไกรแบบเหม่อลอยจนเผลอใช้นิ้วลูบไปที่คมของกรรไกรจนเกิดแผลลึกระหว่างทำงานเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ใช้อุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้คุ้มที่สุดของหอศิลป์ จึงเกิดเป็นเรื่องคุยเล่นว่าสัปดาห์ต่อ ๆ ไปว่าพะแพงจะเป็นอะไรดี นับได้ว่าเป็นเรื่องขบขันเล็กน้อยระหว่างการทำงานได้แปลกใหม่ดีค่ะ
ภาพประกอบ 2 : ของฝากจากสัปดาห์ที่ 1
ภาพประกอบ 3 : ของฝากจากสัปดาห์ที่ 2
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in