สองวันที่แล้ว หิมะแรกของศตวรรษที่ 21 ทศวรรษที่ 20 เดินทางมาถึงปักกิ่ง และก็เป็นเวลาเพียงหนึ่งมื้ออาหารเท่านั้น ภายนอกหน้าต่างกลายเป็นผืนแผ่นสีขาวโพลน ฮีตเตอร์ในห้องมีมากเพียงพอให้รู้สึกอุ่น ผมใส่เสื้อแขนสั้น ยืนมองสรรพสิ่งข้างนอกด้วยความตั้งใจ เกล็ดหิมะที่มีเพียงกระจกกั้นค่อยๆลอยลงมาและละลายหายไปเงียบๆ สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่อยู่ภายนอก แต่ในใจผมกลับเต็มไปด้วยไฟแห่งความกระตือรือร้น ครั้งล่าสุดที่รู้สึกแบบนี้เหมือนจะเป็นช่วงฤดูร้อนในปี ค.ศ. 2019
เมื่อตอนที่ผมตัดสินใจว่า “อยากใช้กล้องบันทึกฤดูร้อนในปีนี้(2019)” อันที่จริงผมไม่ได้จริงจังอย่างที่คิด แต่เป็นเพราะว่าในระยะเวลาที่กำลังวางแผนนั้น มีเรื่องราวที่มีความหมายและสำคัญมากเกิดขึ้น ผมเลยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สมควรและคุ้มค่าแก่การถูกบันทึกเอาไว้ ถึงแม้ว่าผมจะอยู่หน้ากล้องเป็นเรื่องปกติ แต่การถูกกล้องหลายๆตัวตามติดเป็นเวลานานๆ สำหรับผมแล้วยังถือว่าไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก กระทั่งถ่ายไปได้เกือบ 1 เดือน ผมถึงค่อยๆชินกับการถูกตามถ่ายแบบนี้
ตั้งแต่การเตรียมอัลบั้มและคอนเสิร์ตจนกระทั่งได้ไปใช้ชีวิตที่บอสตัน ช่วงเวลาที่ผมข้ามน้ำข้ามทวีปเหล่านี้ก็นับเป็นการก้าวข้ามประสบการณ์ในความทรงจำของผมด้วยเช่นกัน และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกบันทึกภาพเอาไว้ หลังจากกลับมาปักกิ่ง ผมได้เห็นคลิปฉบับร่างเป็นครั้งแรก คลิปจบลงด้วยท่อนคอรัสของเพลง Yao Bu Dao Tai(I’m the best) และทีมงานก็เริ่มถามความรู้สึกของผมทันที ผมตอบกลับไปแบบตลกๆว่า “ตอนที่ล้มดูน่าสลดใจมากเลยอะ” ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ความรู้สึกของผมกลับหวนคิดถึงเมื่อเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ฉงชิ่ง ผมมักจะคิดเสมอว่าฤดูร้อนเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยความสบายใจ โดยเฉพาะตอนที่เห็นตัวเองกำลังขี่รถ นั่นเป็นความรู้สึกอิสระที่ออกมาจากใจจริงๆ ทั้งหญ้าป่าทึบริมแม่น้ำ และลมอุ่นๆที่พัดเข้ามาต่างเป็นสัญญาณที่กำลังมอบอิสระและความสุขให้แก่ผม ณ ตอนนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการคำนวณเวลาที่แน่นอน เพราะทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับตัวผม
คืนก่อนวันงานแบ่งปันประสบการณ์ ผมนอนอยู่บนเตียง ทำการจัดระเบียบเรื่องราวในฤดูร้อนนั้นอีกครั้ง ความตื่นเต้นเมื่อตอนจัดเตรียมคอนเสิร์ต ความกังวลใจตอนก่อนบินข้ามทวีป มีหลากหลายความรู้สึกเข้ามาทับซ้อนและปรากฏเป็นภาพอยู่ในหัวของผม แต่สุดท้ายทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยความสุขและความสำเร็จ ทุกคนอาจจะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นตากับตัวผมที่ปรากฏอยู่ในสารคดีสักเท่าไหร่ แต่ขอให้ทำความรู้จักกับเค้าสักนิดนะครับ ยินดีต้อนรับคุณมาชมเรื่องราวช่วงฤดูร้อนในวัย 18 ปีของเค้า
“ไม่ได้จริงจังขนาดนั้น” จนกระทั่ง “รู้สึกภูมิใจกับมัน” ผมสัมผัสได้ถึงพลังของการบันทึกเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง ทั้งรูปภาพและตัวอักษรหลอมรวมกลายเป็นกล่องบันทึกความทรงจำ การใช้วิธีต่างๆมาเก็บรักษาความทรงจำให้คงอยู่นับเป็นเรื่องที่โชคดีที่สุดเรื่องหนึ่งของคนยุคใหม่ คอลัมน์พิเศษ WangYuan Said เขียนมาได้สองปีแล้วครับ เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมตั้งใจนำฉบับร่างทั้งหมดออกมาอ่านอีกรอบ หลายสิ่งเปลี่ยนไปมากจนเกิดความรู้สึกขึ้นหลายอย่าง เคยก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ เคยเก็บบันทึกเศษเสี้ยวของเรื่องราวต่างๆในชีวิตไว้ แม้ว่าระหว่างทางผมจะถูกสิ่งเร้ารอบตัวดึงดูดความสนใจ จนวันนี้ความปรารถนาภายในใจที่อยากแสดงออกมาค่อยๆลดน้อยลง แต่ก็โชคดีที่ยังมีพื้นที่ลับเล็กๆแบบนี้ ที่สามารถเก็บความรู้สึกที่จริงแท้ที่สุดของตัวเองเอาไว้ได้ เราไม่สามารถคัดลอกกาลเวลาที่ผ่านไปแล้วได้ แต่เรามีวิธีที่จะเก็บรักษามัน บันทึกมันไว้ คิดมาถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกว่าดีจังเลยนะครับ ผมเริ่มตั้งตารอฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงแล้วล่ะ....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in