? นักเขียน : หวังหยวน ( นักแสดง, นักร้อง, ฑูตทางการศึกษาของ UNICEF)
รายได้จากการเขียนคอลัมน์ทั้งหมด หวังหยวนบริจาคให้กับมูลนิธิ Yuan ค่ะ?
ไม่นานมานี้ ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน Paris Fashion Week ที่ปารีสเป็นครั้งแรก ผมมีเวลาว่างได้เดินเล่นที่นั่น และในที่สุดก็มีความทรงจำในเมืองแสนโรแมนติกแห่งนี้ที่อยากนำมาแบ่งปันให้ทุกคนฟัง
ปารีส ในความคิดของผมคือ ความลึกลับและความทันสมัย แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีสิ่งที่มากกว่านั้น นั่นคือความอุดมสมบูรณ์ ผมพักอยู่ข้างๆโรงละครปารีส ไม่ว่าจะยามเช้าหรือยามฟ้ามืด ภาพที่เห็นยังคงมีแต่ความคึกคักของผู้คน รอบด้านของโรงละครคือสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่าร้อยปี เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับผนัง สิ่งก่อสร้างนั้นจะยิ่งดูงดงามราวกับได้กลับไปอยู่ในยุคนั้นๆ หากแต่พาหนะบนถนนไม่ใช่รถม้า ไม่ใช่รถจักรไอน้ำ และข้างถนนไม่มีภาพวาดน้ำมันหรือร้านเร่ขายของที่เรามักจะเห็นในภาพยนตร์ กลับกัน บนตึกเก่าๆเหล่านี้กลับมีแต่ป้ายแบรนด์สินค้าในยุคปัจจุบัน
บริเวณรอบนอกของโรงละครปารีส มีผู้คนนั่งอยู่มากมาย ส่วนมากเป็นเด็กวัยรุ่นที่น่าจะอยู่ในช่วงวัยเรียน บางคนกำลังคุยกัน บางคนกำลังวาดรูป บางคนกำลังอ่านหนังสือ และบางคนกำลังนั่งรอ… ภาพเด็กวัยรุ่นกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่เหล่านี้ มองแล้วให้ความรู้สึกเข้ากันแบบแปลกๆดีเหมือนกันครับ
บนยอดหลังคาของโรงละครปารีสมีรูปปั้นชุบทองของเทพเจ้าแห่งดนตรีอยู่สององค์ ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะผ่านไปนานแค่ไหน แต่พวกท่านยังคงดูงดงามและให้แสงสว่างในสายตาของผู้คนเสมอไม่มีเสื่อมคาย มีแต่จะยิ่งส่องสว่างมากขึ้น ท่านยืนอยู่ข้างหน้าโรงละคร ราวกับดวงจันทร์ที่ไม่มีวันจางหายไป อิฐทุกก้อนเหมือนกับบรรพบุรุษที่กำลังเล่าความหลังให้พวกเราได้ฟัง
แม้แต่ช่วงที่กำลังเหม่อลอยยังได้ยินเสียงเพลงแผ่วเบาที่ดังออกมาจากโรงละคร ราวกับว่าเสียงเพลงนั้นมาจากที่ที่ไกลแสนไกล ชวนให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม
ผมอยู่ที่ปารีสเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มีหลายที่ที่ทำได้แค่เดินดูผ่านๆเท่านั้น ทั้งหอไอเฟล ประตูชัยฝรั่งเศส ถนนฌ็องเซลิเซ่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์… ถึงแม้จะทำได้แค่เดินผ่านสถานที่เหล่านี้ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของเมืองๆนี้ อย่างเช่น สถาปัตยกรรมแบบโกธิคอย่างมหาวิหารน็อทร์-ดามกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อย่างศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมฌอร์ฌ ปงปีดู ความคลาสสิคที่น่าทึ่งของโรงละครกับโชว์ข้างทาง ภาพวาดในแกลเลอรี่ที่แฝงด้วยจิตวิญญาณและภาพวาดบนผนังใต้สะพาน…..
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมอุทานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าปารีสสามารถนำความคลาสสิคมาผสมผสานเข้ากับความทันสมัยได้อย่างงดงาม ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว
คนปารีสให้ความสำคัญกับมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้เป็นอย่างมาก พวกเขาบอกว่า “ถ้าหากบรรพบุรุษของพวกเรากลับมาอีกครั้ง พวกท่านจะยังสามารถหาทางกลับบ้านของตนเองได้อย่างแน่นอน” ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในซอยเล็กๆ กับสิ่งก่อสร้างสีโทนเย็นที่ทำให้ยิ่งดูสง่างาม ผมสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่คนปารีสมีต่อวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ นี่คือการปูทางกลับบ้านไว้ให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา
แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า การเดินทางในปารีสของผมก็จบลง ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เป็นเหมือนกับการท่องเที่ยวในสถานที่ที่ต่างออกไป ในประเทศที่ไม่เหมือนกัน ในเวลาที่แตกต่างกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in