ฤดูหนาวสองปีมานี้ ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือ หิมะ...
ผมเกิดที่ฉงชิ่งครับ ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นเครื่องดนตรีฟาก็อตโต้กับตาคือเมื่อปลายเดือนมกราคมของปีที่แล้ว เพราะว่าผมมีโอกาสได้เข้าร่วมการประชุม ECOSOC Youth Forum
ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างกลางวันกับกลางคืน มองลงไปข้างล่างเป็นน้ำแข็งผืนใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ได้เดินผ่านถนนและซอกซอยต่างๆในเมืองใหญ่ที่ถูกออกแบบมาอย่างทันสมัย ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันสุดตระการตา ได้เห็นหิมะที่กระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนักจากภายในสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ ตอนนั้นตื่นเต้นจนห้ามตัวเองไม่อยู่ พอเดินพ้นจากประตูเลยตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ ทำเอาคนข้างๆตกใจไปเลยครับ
ส่วนความทรงจำเกี่ยวกับหิมะของฤดูหนาวในปีนี้อยู่ที่นอร์เวย์ครับ ที่นั้นแสดงถึงความบริสุทธิ์ได้อย่างชัดเจน หิมะ ทะเลสาบ ป่าไม้ ท้องฟ้า มองไม่เห็นสิ่งสกปรกแม้แต่นิดเดียว จำได้ว่ามีคืนหนึ่งที่มีดาวอยู่เต็มท้องฟ้า แสงสว่างของมันทอดส่องลงมาโอบล้อมตัวผม และร่างกายที่เล็กนิดเดียวของพวกเราก็ราวกับว่าจะละลายลงไปในสถานที่ที่เป็นอิสระแห่งนี้
สายน้ำบนภูเขาท่ามกลางหิมะเป็นสิ่งที่งดงามจริงๆ แม้แต่หิมะบนภูเขาและน้ำใสในทะเลสาบก็สามารถกลายเป็นภาพวาดในจินตนาการได้ภายใต้หมอกขาว มีธรรมชาติที่พัดพาสายลมอันหนาวเหน็บ มีคลื่นน้ำเล็กๆในทะเลสาบ มีเรือที่กำลังโคลงไปโคลงมา และเกล็ดหิมะที่ค่อยๆร่วงลงสู่ผิวน้ำจนเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ เหมือนทุกสิ่งกำลังเล่าเรื่องราว เป็นเรื่องราวแบบไหน ไม่มีใครรู้ พวกมันทำได้แค่แข็งตัวและละลายไปตามกาลเวลา
สายน้ำที่แปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง มองแล้วช่างดูสวยงาม แต่พอเหยียบลงไปกลับทำให้คนเราทั้งตื่นเต้นและกังวล กลัวว่ามันจะหักเพราะเป็นเพียงแค่น้ำแข็งแผ่นบางๆชั้นหนึ่ง ชีวิตคนเราต่างก็เป็นแบบนี้ ที่มักจะเหยียบอยู่บนน้ำแข็งชั้นบางๆเสมอ ตอนที่เดินขึ้นไปบนภูเขา ผมรับรู้ได้ถึงความเงียบสงบของธรรมชาติ บนนั้นมีหิมะที่เกาะตัวรวมกันอยู่บนใบไม้ และมีหิมะกองโตที่ทับอยู่บนต้นไม้ หากแต่ไร้ซึ่งเสียงบ่นจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกทับ และไม่มีกิ่งไม้หักลงมาแม้แต่กิ่งเดียว ตั้งแต่ทางเดินจนถึงยอดเขา ผมมองเห็นเพียงแค่ผืนแผ่นสีขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตา จนไม่แน่ใจว่าเดินอยู่บนฟ้าหรืออยู่บนพื้นดินกันแน่ มีเมฆ มีหมอก มีลม มีหิมะผสมปนกันอยู่….
บนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เงียบจนน่าประหลาดใจ เงียบจนเหมือนว่าสามารถแอบฟังเสียงของหัวใจได้ ไม่มีใครรู้ว่าเดินเข้ามาในสถานที่แบบไหน ทำได้แค่เดินต่อไปท่ามกลางความคิดของตัวเองหรือเดินต่อไปแบบไม่คิดอะไรเลย ตกดึก เราเริ่มจุดไฟบนเชิงเขา ก่อกองไฟริมทะเลสาบ พวกเราต่างพากันครึกครื้นอยู่ท่ามกลางความมืด ราวกับกำลังประกาศต่อธรรมชาติรอบข้างว่า “ผมยังอยู่ตรงนี้นะ!”
พลังแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ต่อให้เหลือแสงเพียงริบหรี่ก็ไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาแสงสว่างให้กับความหวังในอนาคตข้างหน้า แม้จะอยู่ท่ามกลางพายุหนาวก็ต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด ยืนหยัดอยู่ด้วยตัวเอง พายุก็ล้มผมไม่ได้ ทำได้แค่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! หิมะก็ทำอะไรผมไม่ได้ พวกมันเป็นเพียงแค่น้ำแข็งก้อนเล็กๆที่ให้ความเย็นสบายกับผมเท่านั้น! เป็นเพียงแค่ความเย็นสบายที่มาเติมเต็มให้กับชีวิตที่ครึกครื้นราวกับไฟของผม
การใช้ชีวิตท่ามกลางหิมะนั้นดูอ่อนแอ และในขณะเดียวกันก็ต้องเข้มแข็ง ความสวยงามและความน่ากลัวของหิมะก็เหมือนกับเส้นทางที่พวกเราเคยเดิน ความฝันที่สวยงามที่สุดมักจะกลายเป็นจริงในวันที่อากาศหนาวเหน็บเสมอ
Source
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in