เช้าวันที่ 17 กันยายน 2547
ฉันลืมตาขึ้นมาภายใต้ผ้าปิดตา ฉันดึึงผ้าปิดตาออก แสดงให้เห็นภาพลางๆ อยู่ตรงหน้า เก้าอี้ตัวโดยสารตัวใหญ่ถูกจัดวางเป็นแถว เมื่อฉัันมองซ้ายมองขวา มีคนหลายคนนั่งบนเก้าอี้โดยสารเหล่านั้น บ้างก็นอนหลับ บ้างก็จ้องมองออกไปหน้าต่าง ฉันรวบรวมสติ และก็จำได้ว่า ฉันตั้งใจเดินทางไปอังกฤษ เพื่อตามหาพี่ชายของฉัันที่หายตััวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พี่ชายที่ฉันตามหา ไม่ใช่สายเลือดในตระกูลเดียวกันกับฉัน เขาเป็นพี่ชายอยู่ข้างๆ บ้าน ตอนสมัยที่ฉันเป็นเด็กประถม ฉันมักชวนพี่ชายและเพื่อนร่วมห้องมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ หนึ่งในการเล่นที่นิยมในตอนนั้นก็คือ การเล่นละครสวมบทบาท พี่ชายได้รับบทเป็นพ่อ ส่วนฉันมักจะได้รับบทเป็นแม่ (ก็แน่ล่ะ ฉันมีอำนาจใหญ่ที่สุดในกลุ่ม) ฉันมอบให้เพื่อนรับบทเป็นเมียน้อย และลูกๆ แต่พี่ชายไม่ค่อยชอบการเล่นละครสวมบทบาท ฉันจึงเปลีี่ยนไปเล่นแบบผู้ชายบ้าง อย่างเช่น ยิงนก ตกปลา เป็นต้น ก็นับว่าเป็นความสนุกในอีกรูปแบบหนึ่ง พี่ชายมักจะขโมยเอ็นตกปลาของเพื่อนมาทำเบ็ดตกปลา แต่วันดีคืนดี ไม่รู้ว่าผีีบ้าเข้าสิงพี่เขาหรือไง จู่ๆ เขาก็เอากรรไกรมาตัดเอ็นตกปลาของฉัน ฉันด่าทอพี่ว่า `พี่ิสมคิด...มาตัดเอ็นตกปลาเราทำไม` นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉัันก็เลิกคบกับพี่เขา และไม่พูดกับพี่เขาอีกเลย
เวลาล่วงเลยผ่านไป เราสองคนโตเป็็นผู้ใหญ่ ในวันหนึ่งแม่ของฉันโทรมาบอกฉัันว่า พี่สมคิดได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แม่ของฉันคะยั้นคะยอให้ฉันไปส่งพี่เขาให้ได้ ฉันพยายามปฏิเสธแม่ไปแล้ว แต่จนแล้วจนรอด แม่บังคับให้ฉันไปส่งพี่เขา ฉันจึงต้องไปส่งพี่เขาตามคำสั่งแม่
เมื่อมาถึงที่สนามบิน พี่ชายของฉันและครอบครัวของเขารอที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว เราสองคนเจอกันด้วยความตื่นใจ ฉันพูดคุยไปมาจนกระทั่งพี่ชายต้องเอ่ยปากขอโทษเรื่องราวในอดีตที่พี่เอากรรไกรมาตัดเอ็นตกปลา และยังเล่าต่อว่า ที่ทำไป ก็เพราะไปแอบหลงรักหญิงสาวคนหนึ่ง แต่เขาไม่พอใจที่พี่สมคิดสนิทสนมกับฉันมากเกินไป จึงบังคับให้เลือกว่าถ้าจะให้เลือกแฟนก็ต้องตัดเอ็นตกปลาของฉัน จนในที่สุดก็เป็นพวกเขาก็เป็นแฟนกัน แต่ท้ายทีี่สุดผู้หญิงคนนั้นทิ้งพี่ชายไปคบคนใหม่
"มันเป็นเรื่องที่โง่นะ ที่ต้องเลือกทำตามสิ่งที่หัวใจบอก โดยไม่นึกคิดเลยว่าใครจะอยู่ข้างเราตลอดไป" พี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
ฉันเห็นสีหน้าพี่เขาก็รู้สึึกไม่ดี จึงให้อภัยพี่เขาไป และเอาหัวแนบซบไหล่ของพี่ชาย พี่ชายเอามือมาลูบหัวของฉันเบาๆ ด้วยความอบอุ่น
.......
"คุณคะ นั่งลงก่อน ได้ยินไหมคะ ได้โปรดนั่งลงเถอะ"
เสียงใสๆ ดังขึ้นมาจากข้างหน้าห้องโดยสาร ฉันเห็นแอร์โฮสเตรสคนหนึ่งพยายามสั่งให้ผู้โดยสารที่สวมผ้าปิดจมูกนั่งลง แต่ผู้โดยสารยังคงขัดขืน และพยายามลุกขึ้นยืน เดินตามทางเดิน เอามือจัับพนักพิงที่นั่งแล้วที่นั่งเล่า แอร์โอสเตรสเอามือแตะบ่าเพื่อห้ามเขา แต่ผู้โดยสารคนนั้นกลับสลัดแขนจนเธอกลิ้งไถลไปตามพื้น ผู้โดยสารคนอื่นๆ เห็นการกระทำไม่พอใจ จึงลุกขึ้นห้าม แต่เขาเอาแขนฟาดไปฟาดมาจนทำให้ไม่มีใครไม่มีกล้าขัดขวางเขา เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึึงประตูห้องนักบิน
"ย๊ากกกกกกกก!!!!!"
เสียงร้องดังขึ้นจากด้านหลังเครื่องบิน ฉันหันไปหาที่มาของเสีียง เจอแอร์โฮสเตรสอีกคนหนึ่งคว้าเก้าอี้พับ วิ่งมาจากด้านหลังพุ่งตรงเข้าไปที่ผู้โดยสารคนนั้น และฟาดใส่แผ่นหลังของผู้โดยสารแปลกๆ ประหลาดคนนั้นอย่างรุนแรงจนเก้าอี้หักคามือ ผู้โดยสารคนนั้นไม่สะทกสะท้าน และเขาหันหลังกลับมา เอามือเปิดผ้าปิดจมูกออก เผยให้เห็นริมฝีปากที่ฉีกกว้างจนถึงแก้ม ฟัันแหลมคมเรียงกันไม่เป็นระเบียบ น้ำลายไหลย้อยหยดลงบนพื้น
เขากรี๊ดร้องเสียงทุ้ม แล้วเอาท่อนแขนรวบต้นคอของแอร์โฮสเตรส เธอตกใจและกรีดร้องขอชีวิต ชายคนนั้นหันมองไปรอบๆ แล้วเขย่งตัวกระโดดขึ้นเล็กน้อยและพุ่งตัวลงพร้อมกับทุ่มผู้โดยสารลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เธอชัักดิ้นชักงอจนขาดใจตายไปในที่สุด
" !!!!! ROCK BOTTOM !!!!!"
ชายที่นั่งเก้าอี้ข้างๆ ฉันเป็นคนพูดขึ้น ฉันหันไปฟังเขา เขาใช้นิ้วชี้ดันแว่นตาของตัวเอง พร้อมกับพูดต่อไป
"มันเป็นท่าไม้ตายที่โหดร้าย ทารุณ และรุนแรง เป็นท่วงท่าที่ผู้ถูกกระทำไม่สามารถปฏิเสธการหนีได้ ผลลัพธ์จากการใช้ท่านี้ ผู้ถูกกระทำจะอัมพาตไปทั้งตัว กระดูกซี่โครงแตกเป็นเสี่ยงๆ ปอดพัง หัวใจเต้นผิดจังหวะ อวัยวะภายในล้มเหลว หน้ามืด ตามัว ตัวร้อน ไม่ได้พัก ไม่ได้ผ่อน ผอมแห้ง แรงน้อย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระส่ายกระสับ ตับพิการ อาหารไม่ย่อยลิ้นกร่อย ทานอาหารไม่อร่อย...."
ฉันเลิกสนใจคำพูดของเขา มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป ชายประหลาดคนนั้นกระแทกกับประตูห้องนักบินจนเปิดออก กัปตันภายในห้องนักบินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ชายคนนั้นจับหัวของกัปตันคนหนึ่ง กระแทกกับผนังของเครื่องบินจนคอหัก และคว้าตัวกัปตันอีกคน เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ขว้างออกนอกทางหน้าต่างด้านหน้าของเครื่องบิน
ชายประหลาดคนนั้นนั่ังในตำแหน่งขับเครื่องบิน บังคับคันบังคับให้เครื่องบินตีโค้งวงกว้าง และลดเพดานการบินอย่างรวดเร็ว ฉันมองเห็นป่าเขานอกหน้าต่าง มันเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดเครื่องบินก็พุ่งทะยานลง เสียงต้นไม้ฟาดเกี่ยวกับตัวเครื่องบินส่งเสียงแสบแก้วหู ภายในห้องนักบินโครงเครงไปมา ไฟภายในห้องกะพริบติดๆ ดับๆ พื้นห้องสั่นสะเทือนเหมือนกับแผ่นดินไหว ผู้โดยสารบางคนหลุดออกจากที่นั่ง ฉันหลับตา ภาวนาให้ปลอดภัย และแล้วหัวของฉันกระแทกกับผนังเครื่องบินจนสลบ
..........
ฉััันลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าตัวเองนอนอยู่บนกองใบไม้ผุ เห็นซากเครื่องบินครึ่งท่อนอยู่เบื้องหน้า มีผู้โดยสารหลายคนติดในห้องโดยสาร บางคนติดกับเก้าอี้ บางคนนอนระเนระนาดบนพื้นดิน พวกเขาทุกคนหยุดนิ่ง ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน มีรอยเลือดเต็มไปตามพื้นและภายในเครื่องบิน มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
ฉันเอามือดันพื้นดึงตัวเองให้ลุกขึ้น มองดูสถานการณ์โดยรอบๆ เสื้อผ้าของฉันฉีกขาด เม็ดกระดุมหลุดหายไป มีรอยถลอกตามแขนและขา ฉันตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครตอบฉัันมาเลย ฉันยืนในที่ไม่เหลือใครและไม่มีใครจะให้ความช่วยเหลือฉันได้ มีเพียงเสียงใบไม้ ใบหญ้าที่สะบัดตามสายลม และสรรพสัตว์ในป่าเขาส่งเสียงร้องก้องป่า บรรเลงเป็นเพลงโหยหวนเหมือนละครโศกนาฏกรรม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in