หลังจากถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศภายนอกอย่างเต็มที่ พอใกล้เวลาประตูเปิดคนดูก็จะเริ่มเข้าแถวตามจุดทางเข้าหลัก พอได้เวลาเข้างานแถวก็เริ่มเคลื่อนทันที ตรงเวลามาก ตอนเข้าฮอล์ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ขอดูหลักฐานยืนยันตัวตนอะไร ว่าชื่อเราตรงกับชื่อในบัตรหรือเปล่า แถมยังให้ฉีกขั้วบัตรไว้รอแล้วยื่นให้เลยตอนเข้า จะได้ไวๆ ชิวมากกก ไม่ตรวจไม่ค้นกระเป๋าอะไรทั้งนั้น มั่นใจในคุณภาพของคนดูแบบสุด เพราะฉะนั้นแล้ว คอนเฟิร์มได้เลยว่าคอนเสิร์ต NELL สามารถซื้อบัตรต่อจากกันได้แน่นอน โดยที่เจ้าของบัตรที่ขายต่อไม่ต้องมารอเข้างานด้วยกันก็ได้ /จด.
INTRO 2
เข้าไปในฮอล์ก้าวแรกเลย คือหอม ความจริงได้กลิ่นลอยมาตั้งแต่ไกลแล้ว หอมมากกกก หอมแบบเย็นๆ สะอาดๆ เป็นกลิ่นที่ดีและคูลมาก คืออัดกลิ่นช่วงแรกเยอะจนเห็นเป็นไอกระจายออกมาเลย แต่ไม่ฉุนแม้แต่น้อย ดีมากๆ ชอบๆๆๆ อยากได้ๆๆๆๆๆ ในฮอล์จะเปิดไฟเหลืองนวลตรงที่นั่งคนดู แต่ตรงสเตจจะมืดหมด ที่ก็พอจะเดาได้ลางๆว่าเป็นสกรีน LED ชัวร์ เปิดเพลงสากลคลอเบาๆ รอให้คนทะยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเต็ม
เท่าที่สังเกตอัตราส่วนคนดู ชาย:หญิง ในทุกๆรอบ น่าจะประมาณ 40:60 จำนวนคนดูในรอบสุดท้ายจะแน่นที่สุด และคนมาดูคนเดียวก็เยอะประมาณนึงเลย ทั้งสามรอบคนที่นั่งข้างเรามาคนเดียวหมด ถัดๆไปก็มาคนเดียว (หรือว่าเขาจองที่นั่งติดกันไม่ได้ก็ไม่รู้ 555 มันยากจริงๆนะ) รอบสองที่นั่งด้านหลังเราเป็นแฟนบอยฮาร์ดคอร์ด้วย จากที่แอบได้ยินตอนคุยกันกับเพื่อนข้างๆแบบอินมาก และเสียงตะโกนเชียร์จงวานฮยอง ฮ่าาา พอใกล้เวลาคอนเสิร์ตจะเริ่มก็มีสตาฟเดินมาตะโกนบอก จับใจความได้ว่าให้ระวังกระเป๋า สิ่งของ แล้วก็เรื่องการใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป ว่าให้ระวังไม่ให้รบกวนคนอื่นหรือห้ามไปเลย ตรงนี้ไม่ค่อยแน่ใจ
คอนเสิร์ตเริ่มตรงเวลา เมื่อไฟทั้งหมดเริ่มมืดลง คนดูก็เริ่มส่งเสียงเฮลั่น นี่ก็ตื่นเต้นไปอีก รอบแรกคือตื่นเต้นมาก ใจเต้นตุบๆ แต่เมื่อเสียงแรกดังขึ้น คนทั้งฮอล์ก็พร้อมใจกันเงียบทันที เป็นเสียงอินโทรแบบเสียงจี่ดัังๆในลำโพง เสียงซ่าแบบคลื่นแทรก พร้อมกับมีเส้นสีขาวขีดออกมาช้าๆ จากด้านข้าง และถมขาวประมาณครึ่งจอจนถึงพื้นสเตจ เห็น Setting เครื่องดนตรีที่ขนานกันหมดทั้งสี่คน โดยวางเซทกลองของแจวอนไว้ขวามือสุด
และไม่กี่อึดใจ NELL ทั้งสี่คนก็เดินขึ้นมาบนเวที วินาทีนั้นคือ โอ้มายก๊อดด! อย่างกับภาพสโลโมชั่น เป็นโมเมนต์ที่โคตรมหัศจรรย์ เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนไม่ใช่เรื่องจริง ลีจองฮุน(มือเบส)กับจองแจวอนจะเดินออกมาแบบแอคทีฟ ร่าเริง ลีแจคยอง(มือกีตาร์) จะมาแบบนิ่งๆ ขึ้นเวทีมา สู๊งสูง สมาร์ทมาก ส่วนคิมจงวานกับท่าเดินนั้นอ่ะนะ ใครที่ดูคลิป live บ่อยๆ ก็คงพอจะนึกออก ท่าเดินแบบที่เอาไว้ใช้เดินขึ้นสเตจเท่านั้น มันจะมีรัศมีความเทพแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรงมาก โคตรเท่เลยว้อยยยยย
แฟนเพลงก็ส่งเสียงเชียร์ต้อนรับอย่างเกรียวกราว มองเห็นเป็นภาพฉายเงาบนพื้นขาวของทั้งสี่คน เข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง จองฮุนสะพายเบส จงวานสะพายกีตาร์โปร่ง แจคยองสะพายกีตาร์ไว้แต่เดินไปนั่งประจำตำแหน่งคีย์บอร์ด แจวอนเข้าเซตกลอง ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย จากนั้นเสียงจี่ของอินโทรก็เริ่มจางลง จนโน๊ตแรกของเพลงจากคีย์บอร์ดที่แจคยองเริ่มเล่นดังขึ้น ทั้งฮอล์ก็เงียบลงเหมือนโดนมนต์สะกดในทันที
Cliché
สำหรับคอนเสิร์ต NELL นั้น เพลงเปิดสำคัญเสมอ เพราะมันเหมือนการเซททิศทางและอารมณ์ของคนดู ว่าจะให้เคลื่อนไหวไปแบบไหน และด้วยความที่ปีนี้เป็น NELL'S ROOM ที่ควบคู่ไปกับการแสดงสดเป็นครั้งแรกของเพลงในอัลบั้ม 'Colors In Black' เพลงเปิดสำหรับ Setlist นี้ จึงเป็นแทร็คแรกของอัลบั้ม 'Colors In Black' อย่างไม่ต้องสงสัย
2019.12.22 NELL : Cliché @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
พอจงวานเริ่มร้องประโยคแรกออกมาเท่านั้น เหมือนโดนสาดอารมณ์ใส่แบบจังๆ อิมแพคมาก ไม่รู้จะอธิบายแบบไหนว่ามันดีมากกกกกกกกก ดีแบบตายตรงนั้นได้เลย และด้วยความที่เพลงนี้เริ่มแรกดนตรีมันเงียบ มีแค่เสียงร้องกับเสียงคีย์บอร์ดแค่นั้น ซาวด์เลยคลีนมากๆ เสียงร้องเด่นแจ่มชัดเข้าไปในหูทุกอณู และรู้สึกได้เลยว่าไมค์มันเซ้นซีทีฟสุดๆ คือเก็บเสียงร้องได้หมดทุกเม็ด ชนิดที่ว่าถ้าหายใจผิดจังหวะเนี่ย คนฟังจะรู้เลย และเสียงร้องของคิมจงวานก็แบบ เชี่ยยยยย ต้องยกมือซ้ายป้องปาก ยกมือขวากุมใจ ที่สุดดดดด! เคลียร์มาก ใช้เนื้อเสียงทรายๆ แต่ใสกิ๊ก กังวาน โคตรฮีลจิตใจ มีจังหวะการร้องหนักเบาที่อารมณ์ความรู้สึกมันมาหมด โดยเฉพาะจังหวะที่ตั้งใจหายใจใส่ไมค์ ดีพมาก แผ่มวลสารของความอึน ความหน่วงของเพลงให้คละคลุ้ง ฟุ้งกระจายไปทั่วฮอล์
สำหรับรอบแรกกับความประทับใจแรก ณ ตอนนั้นต้องบอกตรงๆ ว่าเรายังตื่นเต้นอยู่เยอะ คือจิตใจมือไม้มันสั่นไปเองแบบไม่รู้ตัว แต่พอเพลงมันเล่นต่อไปเรื่อยๆ เหมือนมันค่อยๆเซทตัว เซทอารมณ์ของเราให้นิ่งขึ้น เคลียร์จิตใจที่ว้าวุ่น ชำละล้างความคิดที่ตีกันมั่วไปหมดในหัว จนเริ่มสงบ จดจ่อกับเพลง ทำให้ซึมซับดนตรีและอารมณ์เพลงได้แบบเต็ม ซึ่งมันฟูฟิลมาก ยิ่งตอกย้ำให้ชัดขึ้นไปอีกว่า Cliché นี่มันเป็นสุดยอดของเพลงเปิด สุดยอดของ track 1 จริงๆ
Onetime Bestseller / Go / Beautiful Stranger
เซทเพลงเย็นๆ ที่ยังคงอยู่ในหมวดกลองไฟฟ้าเป็นหลัก กับส่วนผสมของดนตรีที่ค่อยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการค่อยๆตะล่อมอารมณ์ของคนดูให้เข้มข้นขึ้นทีละนิด
Onetime Bestseller (Let's take a walk version) เป็นเพลงที่ต่อกับ Cliché ได้สมูทมากจนแทบจะเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งส่วนของดนตรีที่ยังคงใช้เซทกลองไฟฟ้าเป็นหลัก ความหมายของเพลงที่ค่อยๆกรีดแทงลงไปทีละนิดๆ หม่นหมองไปพร้อมกับงานสกรีนด้านหลังที่ค่อยๆกลายเป็นหมอกเทาจางๆ ลอยไปกับดนตรีฟุ้งๆ และเสียงร้องของ
คิมจงวานที่เพิ่มความหม่นมัว ดำดิ่งมากขึ้นเรื่อย กับท่อนบริดจ์เสียงสูงในตำนาน ที่ร้องออกมาแบบอัดอั้น เหมือนปลายมีดที่กดลงไปสุดจนมิดด้ามในช่วงท้าย มันช่างกรีดลึกและทะลุทะลวง จนเราน้ำตาไหลแบบไม่ต้องเค้นเลย เพราะเพลงมันทำหน้าที่นั้นไปหมดแล้ว สุดยอดมาก ผู้หญิงที่นั่งข้างๆเราในคอนเสิร์ตรอบสุดท้ายคือร้องไห้แบบฟึดฟัดเลย ยิ่งพากันอินหนักขึ้นไปอีก
เป็นเพลงเศร้าสุดๆ ของ setlist นี้ ที่เรารู้สึกว่าคนดูเงียบและตั้งใจฟังมาก แทบจะไม่มีใครขยับตัวเลยด้วยซ้ำ จงวานก็ยืนร้องเฉยๆ เอามือไขว้หลัง ร้องแบบนิ่งๆ แต่สัมผัสได้ถึงความอินของคนทั้งฮอล์ เป็นความเงียบที่ดีเหลือเกิน พอสิ้นเสียงเพลงโน๊ตสุดท้าย ถึงจะมีเสียงปรบมือดังกระหึ่มตามมา นี่ก็ได้แต่ปาดน้ำตาเงียบๆคนเดียว...Is this the end
Go เพลงที่เหมาะกับการฟังในฤดูหนาว มีซาวด์ดนตรีละเอียด งดงาม ความนุ่มนวลของเสียงเปียโนกับเสียงกีตาร์โปร่งในช่วงเริ่ม จนถึงพาร์ทที่มีส่วนประกอบของดนตรีเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งระบบเสียงในฮอล์ดีงามมากๆ ด้วยความกระหึ่มเซอร์ราวด์ของมัน ยิ่งทำให้ได้ยินความละเมียดของดนตรีในทุกๆไลน์ ได้ยินแม้กระทั่งส่วนประกอบบางอย่างของเสียงดนตรี ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน หรืออาจจะได้ยินไม่ชัดจากการฟังแบบ audio ใน CD ผสมกับเสียงร้องเหงามัวช่วงท้าย กับสกรีนด้านหลังที่ขึ้นเป็นเนื้อเพลง ฟอนต์พิมพ์ดีดตลอดทั้งเพลง ซึ่งมันต้องช่วยเสริมเพลงอย่างมากแน่ๆ ถ้าอ่านเกาหลีออก เพราะคำร้องของเพลงนี้มีความเป็นบทกวีอยู่สูง พูดถึงความโดดเดี่ยวได้อย่างลึกซึ้ง ในขณะที่ดนตรีกลับละมุนละไมเหลือเกิน จนชักไม่แน่ใจว่า มันเป็นเพลงที่ทำให้ฤดูหนาวนี้อบอุ่นขึ้นหรือหนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม
Beautiful Stranger เป็นเพลงที่พออินโทรขึ้นปุ๊บ จะได้ยินเสียงอื้ออึงลอยมาเลย ทุกคนจะฟิลแบบว้าววว และด้วยความที่ซาวด์ดนตรีของเพลงนี้มันให้ความรู้สึกลึกลับ มีความเป็นไซไฟ จึงเป็นเพลงที่งาน lighting เริ่มทำงาน เป็นไฟที่เหมือนเป็นอุโมงค์ค่อยๆเคลื่อนฉาบไปที่คนดูด้านล่างช้าๆ รอบแรกที่นั่งอยู่โซนด้านบนดดู คือน่าตื่นตามาก มองภาพใหญ่แล้วจะเห็นว่ามันเล่นกับความสมมาตรด้วย สวยสุดๆ พอเป็นคอนรอบที่เราอยู่โซน Floor ด้านล่างจะรู้สึกเหมือนหลุดโลกไปเลย เหมือนได้วาร์ปไปที่อื่น ให้ความเป็นอวกาศๆ เมาๆหน่อย ดูลึกลับ อันตราย แต่ก็น่าค้นหาไปพร้อมๆกัน เข้ากับเพลงนี้ที่เรามีทฤษฎีอยู่ในใจ กับการคิดเอาเองประมาณนึงว่า Beautiful Stranger หมายถึงอะไร พอได้มาดู live แล้วยิ่งทำให้อดคิดไม่ได้เลย บอกแล้วว่าคิมจงวานร้องเพลงโทนนี้ อินเนอร์โคตรดี ;) น่าเสียดายนิดหน่อยที่ไม่มี extended version เหมือนปีก่อนๆ แต่พอดูองก์ประกอบโดยรวมทั้งหมดก็พอจะเข้าใจ เพราะมันทำงานเพื่อส่งเข้าเพลงต่อไปแบบนิ่มๆ และเนียนมาก
A to Z
2019.12.22 NELL : A to Z @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่โดดเด่นเพลงหนึ่งในอัลบั้ม และเป็นเพลงที่แฟนๆชอบกันมาก พออินโทรเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา รู้สึกได้เลยว่าเลิ่กลั่กกันทั้งฮอล์ ฟิลแบบ มาแล้วโว๊ยย มาแล้ววว ฮ่าาา ซึ่งเพลงนี้ถูกเลือกใช้ในการเปิดโปรดักชั่นงานสเตจดีไซน์ที่เป็น LED แบบเต็มจอเพลงแรกของคอนเสิร์ตปีนี้ อินโทรดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันสีขาวที่ก่อตัวขึ้นมาจากขอบล่างเวที ค่อยๆพุ่งขึ้นจากด้านล่าง เลื้อยผ่านพื้นเวที ขึ้นไปเรื่อยๆ สูงขึ้น สูงขึ้น จนระเบิดออกมาเมื่อคอรัสท่อนแรกเริ่มขึ้น กลายเป็นสีสันที่เคลื่อนไหลไปมา พร้อมกับเสียงดีดของพลุกระดาษสีแดง คือสตั๊นท์ไปเลย สวยมากๆ เป็นโมเมนต์ที่ตราตรึงติดตาในทุกๆรอบเลย รู้สึกสดใหม่เสมอไม่ว่าจะดูรอบสองรอบสาม ดีงามเหลือเกิน เป็นวิชวลที่ส่งเพลงมากๆ แค่ลำพังงานดนตรีของเพลงนี้มันก็ตราตรึงอยู่แล้ว ทั้งท่อนคอรัส ทุกอย่าง มันมีเสน่ห์ลงตัวหมด พอมาเจอแบบนี้ยิ่งทำให้เพลงเพราะคูณสิบไปเลย
คิมจงวานก็ร้องได้แบบละเอียด เก็บทุกดีเทล ฟังแล้วน้วย ปั่นป่วนมวนท้อง ท่อน "I love the way you kiss me with that little red rose lips" แล้วโหนเสียงเนี่ย พ่ออออออออออ กราฟฟิคสกรีนด้านหลังที่พอบวกกับความหมายและฟิลของเพลง มันยิ่งดูสวยแบบน่าขนลุก แต่โคตรจะเข้ากับเพลง เข้ากับวง ดูดีมีรสนิยมเหลือเกิน เป็นเพลงที่เปิดสเตจดีไซน์ให้เห็นครั้งแรก ว่าใช้เป็น LED ติดตั้งแต่ขอบเวทีด้านล่างโค้งเลื้อยไปสูงจนจดเพดานฮอล์ รวมถึงพื้นก็เป็น LED ทั้งแผง ทุกอย่างจะเล่นกับการดีไซน์ในแนวตั้ง แถมยังเป็นการเปิดตัว A to Z เวอร์ชั่น live ครั้งแรกที่สุดแสนจะประทับใจ และคงอยู่ในใจไปอีกนานนน ดีที่สุดเลย
ต่างจากคอนเสิร์ต NELL'S ROOM 2018 ปีที่แล้ว ที่สเตจเป็นเหมือนกล่องที่มี LED ล้อมด้านบนด้านข้างหมด และยาวออกไปจนสุดเป็นแนวนอนทั้งแผง ปีนี้เลยเป็นแนวตั้ง ยันพื้นสูงจรดฝ้าไปเลย
치유 (Cure) / Dear Genovesere
พออินโทรซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น แจวอน (มือกลอง) ก็ส่งสัญญาณให้คนดูลุกขึ้นยืน ทุกคนในโซน Floor ด้านล่างลุกพรึบพร้อมกันอย่างกระตือรือร้น ส่งเสียงเชียร์ดังขึ้นมาทันที ซึ่งตั้งแต่เพลงนี้เป็นต้นไป คนดูด้านล่างจะยืนดูคอนเสิร์ตยาวไปจนจบ
치유 (Cure) เป็นเพลงที่เราชอบมาก ฟังบ่อย ทั้งเวอร์ชั่น original และ re-arrange คือเลิฟหมด ดีใจมากที่มีเพลงนี้อยู่ใน setlist ของปีนี้ โดยวงเล่นเวอร์ชั่น original ในอัลบั้ม Healing Process (2006) ซึ่งก็ถือว่าเป็นเพลง B-side ในระดับหนึ่ง มีจังหวะเพลงที่ทำให้คนดูเริ่มโยกตาม จอด้านหลังจะแบ่งช่องฉายเมมเบอร์ทั้งสี่คน และแน่นอนว่าเป็นฟิลเตอร์โมโนโครม คูลจัด ฟังสดแล้วรู้สึกใจดีดดิ้น ใจเต้นแรง โดยเฉพาะตอนท่อน "พูทักเค (부탁해 부탁해 부디 부서진 내)" พลังทำลายล้างสูงมาก เข้าทุกโน๊ต พีคทุกคำ
แล้วมูฟเม้นต์
จงวานตอนร้องเพลงนี้เป็นอะไรที่แบบ หลับตาร้อง ท่าทางการวางมือไม้ ส่ายหัวตามจังหวะเพลง ปรบมือ มองฟ้า มองดิน หันหลังไปเต้นคนเดียว เฮ้ยย นี่มันโคตรมีเสน่ห์ เป็นเพลงที่ทำให้บรรยากาศในฮอล์ครึกครื้นขึ้นมาก หลังจากที่ปาดน้ำหูน้ำตากันไป
มีพาร์ทกีตาร์โซโล่ของแจคยองกลางเพลงเพิ่มเข้ามาด้วย เป็นไลน์ลีดกีตาร์ที่ผู้ดีมากๆ สุขุม นุ่มนวล ดีงาม ซึ่งถ้า live official ออกเมื่อไร เพลงนี้จะต้องท๊อปฟอร์มมากชัวร์ๆ (NELL : Cure / Dreamy Sounds)
2019.12.22 NELL : 치유 (Cure) @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
Dear Genovesere พออินโทรเพลงนี้เริ่มขึ้น แฟนเพลงก็ฮือฮามากเช่นกัน เพราะมันคือเวอร์ชั่นออริจินอลในอัลบั้ม Newton's Apple (2014) ที่ช่วงหลังๆวงไม่ค่อยได้เล่นเวอร์ชั่นนี้เท่าไร เพราะจะหันไปเลยเวอร์ re-arrange ตลอด เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ที่ทำให้คนดูโยกตัวตามเพลงน้อยๆ เป็นเพลงที่ติดหู เท่ไปหมด ทั้งเมโลดี้และทำนอง โดยเฉพาะซาวด์ดนตรีกับเสียงร้อง ที่ท่อนเริ่มจะร้องแบบยวนๆหน่อย และใช้โทนเสียงสูงที่ถนัดในท่อนฮุค จังหวะที่เพลงพุ่งทะยานไปพร้อมกับไลน์กีตาร์และงานกราฟฟิคด้านหลัง บวกกับความหมายดีๆที่แฝงไว้ในเพลงนี้ มันรับส่งกันไปหมด มีพาร์ทที่คนดูปรบมือตามช่วงท้ายเพลง พร้อมกับเอฟเฟคที่เป็นเหมือนดอกไม้ไฟจุดลงมาจากด้านบน ส่งไปถึงจังหวะที่ปล่อยเอฟเฟคพลุในท่อนที่เป็นคีย์เวิร์ดของเพลง เวิร์คมาก ซึ่งมีแต่ในคอนเสิร์ตรอบแรกเท่านั้นด้วยที่มีพลุแดงจุดในช่วงท้าย พอคอนรอบที่สองกับสามเราเล็งจังหวะนี้ไว้ ผลปรากฎคือ อ่าว ไม่มีเฉย ฮ่าาาาาาาาาาาาา
(NELL : Dear Genovese / Genovese Syndrome)
무홍 (Fogbow)
2019.12.21 NELL : 무홍 (Fogbow) @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
무홍 เป็นเพลงในอัลบั้ม Colors In black ที่พอเทียบกับเพลงอื่นๆ เราว่ามันโดนกลืนไปนิด นิดเดียวนะ ย้ำว่านิด เพราะอัลบั้มนี้แต่ละเพลงล้วนเป็นเพลงที่มีคาแรกเตอร์แรงๆทั้งนั้น แต่พอได้มาดู live มันกลับเป็นเพลงต้นๆ ที่โดดเด่นและมีชีวิตชีวาเหลือเกิน ยิ่งทำให้ชอบเพลงนี้ขึ้นไปอีกเยอะๆๆๆ
หนึ่งเลยคือเพลงมันสนุกมาก พอเล่นสดแล้วมันยิ่งสนุกแรง คนดูเริ่มขยับไม้ขยับมือแบบจริงจังในเพลงนี้ ยิ่งคอนเสิร์ตรอบสุดท้ายนี่มันมาก กระโดษกันยับ และคนดูเกาหลีนะ สังเกตหลายทีละ กับการชูมือตามไปตลอดทั้งเพลงเนี่ย คือถ้าเป็นที่อื่นเต้นก็คือเต้น อาจมียกมือยกไม้บ้าง แต่มันก็ไม่ต้องตลอดเวลาไง เพราะบางทีเรารู้สึกว่าบางเพลงมันไม่เข้า แล้วมันก็คร่อมจังหวะ ฮ่าาา นึกออกป่ะ แต่นี่คือช่วงเพลงเร็วชาวโคเรียยกมือกันตลอดทั้งเพลงเลยค่ะ ถ้านี่เต้นอย่างเดียวไม่ยกมือก็จะดูเหมือนไม่สนุกเลย ทั้งที่ความจริงสนุกมาก แต่อ่ะ ได้ๆๆ ยกก็ยก มันก็สนุกแบบแปลกดีเว่ย ฮ่าา แต่ปวดแขน กลับมานี่คือล้าเลย ไม่รู้คนอื่นเขาจะเป็นกันไหม 5555555
สองคือ lighting เพลงนี้ดีงามมาก ดีไซน์กราฟฟิกน้อยๆ แต่โคตรบิวท์ ตอนที่พื้นมันกระพริบๆช่วงแรกนี่ชอบมาก แล้วกล้องมันแพลนมุมบนให้เห็นด้วย ชอบ NELL เวลาที่วงทำงานดีไซน์แบบนี้ คือน้อยๆเรียบๆ อย่างสเตจของ Cliché คือพื้นขาวเฉยๆ จบ แต่พอรวมกันกับเพลงแล้วมันให้ความรู้สึกที่มาก 무홍 มีเล่นเลเซอร์ในช่วงท้ายด้วย กับพาร์ทที่ซาวด์เพลงมันพุ่งขึ้นไป รอบแรกวิวชั้นสองคือเราประทับใจช๊อตนี้มาก พอมองลงไปที่บรรยากาศคนดูด้านล่างคือเอนจอยเต็มที่มาก พอรอบที่อยู่ Floor นี่ยิ่งสนุก งานไฟสาดมาแบบตาจะบอด 5555 แต่โคตรพีค และพลุที่แดงที่หายไปจาก Dear Genovesere ของรอบที่สองกับสาม มันถูกใส่ในเพลงนี้แทนในรอบที่สองกับสามนี้เลย เพราะเล่นรอบแรกเพลงนี้ไม่มีพลุ เราจำได้ เพราะ first impression ของเพลงนี้สำหรับเรามันแจ่มชัดรุนแรงมาก
สามคือมีช่วงท้ายที่ให้คนดูร้อง โอ โอ้ โอ โอ้ เป็นคอรัสตาม เป็นบรรยากาศของมวลมหาแฟนเพลงที่พร้อมใจเป็นเสียงเดียวกัน มันยิ่งให้ความรู้สึกเป็นอิสระ ดนตรีก็พุ่งมาก เล่นสดโคตรมัน เพราะเป็นเพลงซาวด์แรงๆ เพลงแรกๆ ในคอนเสิร์ตนี้ด้วย ยิ่งตอกย้ำได้ว่าระบบเสียงมันดีมากจริงๆ ตอนนี้ 무홍 เลยขยับมาเป็นเพลงอันดับต้นๆของอัลบั้มที่เราชอบ ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่ได้รับความพีคอย่างสุดขีดจากการไปดูสดนั่นเอง
All This Fxxking Time
2019.12.22 NELL : All this fxxking time @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
มาถึงเพลงไม้ตายที่เฝ้ารอคอย คิมจงวานเปลี่ยนกีตาร์อีกครั้ง เสียงตะโกนเชียร์อันยาวนานจากเพลงที่แล้วเริ่มเงียบลง ไฟบนเวทีเฟดจนมืด และเสียงแผดกีตาร์ของจงวานก็นำขึ้นมา วินาทีนั้นคือเฮียยยยยยยยยยย!!!! กูจะบ้าาาาาาา ตามมาด้วยเสียงรัวกลองของแจวอน ซึ่งปลุกเร้ามาก ใจนี่เต้นแรงไปหมด เพลงโปรด ซาวด์กลองอย่างดี และสกรีนพื้นหลังก็โคตรส่ง รักมาก รักงานกราฟฟิคของเพลงนี้มาก คือแบ่งช่องกันสี่คน ตอนแรกเป็นกราฟฟิคแบบขาวดำ ใล่ขึ้นไปเรื่อยๆ และกลายเป็นสีสันสลับไปมากับตัวหนังสือที่เป็นเนื้อเพลง ที่สุดของความเท่ ดูดีอินเตอร์ไปหมดเลย เป็นเพอร์ฟอร์มที่สุดมากกก สุดในสุดดดด แฟนเพลงก็คลั่งกับเพลงนี้มากด้วย
เพลงนี้เป็นเพลงที่เสียงร้องใช้เอฟเฟคไมค์ ร้องแบบเมาๆหน่อย โคตรกริ๊ดด ถ้าฟังจากคลิปที่มีคนถ่ายมาอาจจะรู้สึกว่าเสียงร้องมันโดดออกมาจากเสียงดนตรีหรือเปล่า แต่ในฮอล์คือไม่เลย ซาวด์มันพอดี เพอร์เฟค ไร้ที่ติมาก โวคอล กีตาร์ เบส กลอง แน่นเปรี๊ยะ หนึบหนับเข้ากันไปหมด ซึ่งคลิปที่ถ่ายกันมาไม่มีทางที่จะเก็บเสียงในฮอล์มาได้หมด ต่อให้เป็น DVD ที่ออฟฟิเชียลกำลังจะทำออกมาก็เถอะ ฟังแล้วให้คูณล้านเผื่อไปเลย ซาวด์ในฮอล์มันสุดมากจริงๆ สัมผัสได้ทุกเม็ดของเสียงเครื่องดนตรีที่เล่น เบสชัด กลองชัด กีตาร์ชัด เพอร์เฟคไปหมด และไลน์เบสลีจองฮุนคือสุดยอดดดด เด่นนำ อยู่มือมาก
สำหรับเพลงนี้ทั้งสี่คนคือเท่เบอร์แรง ทั้งเพลง ทั้งลุค ทั้งท่าทางการเพอร์ฟอร์ม รวมกันแล้วพลังทำลายรุนแรงมาก จงวานนี่เหมือนองค์ลง จังหวะร้องท่อน verse เอามือไขว้หลัง ยืนร้องนิ่งๆ เท่มาก กับมูฟเม้นต์ความเกรี้ยวกราดในท่อนฮุค ตอนสะบัดหัวร้องเพลง ดีดกีตาร์ นี่แบบ พ่ออออออออออออ คนคูลที่สุดในโลก แล้วคอนเฟิร์มได้เลยว่าคำว่า 'Fxxk' จากปากคิมจงวาน คือที่สุด ฟังแล้วสะใจ เป็น 'Fxxk' ที่ถึงใจถึงอารมณ์ทุกคำ พีคทุกรอบ เป็นเพลงที่ทำให้อะดรีนาลีนพุ่งพล่านทะลุปรอทแตก พอนึกถึงความรู้สึกยังกรุ่นอยู่ในหัวอยู่เลย พอเพลงจบทุกคนคือส่งเสียงเชียร์แบบ crazy อื้ออึงมาก ใจนี่อยากจะคลานเข่าลงไปกราบงามๆ NELL เวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดนี่มันสุดดดดด
จนเรารู้สึกเหมือนว่าพวกนี้มันไม่ใช่คนอ่ะ เหมือนเราไม่ใช่สปีชีส์เดียวกัน 55555 จะว่าเว่อร์ก็ได้ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ พลังของศิลปินมันเฉิดฉายเจิดจ้ามาก แต่ละคนเหมือนหลุดออกมาจากคาแรคเตอร์ในหนังสือการ์ตูน ความจริง NELL นี่ถ้าดูไปแล้วเป็นศูนย์รวมของคนบุคลิกชัดมากทั้ง 4 คน และแตกต่างกันอีกต่างหาก เหมือนวงที่ตั้งใจฟอร์มมาแล้ววางลุคไว้ แต่ไม่ใช่ โลกทำดีมากที่เหวี่ยงคนแบบนี้มารวมกันได้ เลิฟฟฟ
일기오보 (Noise of Silence) / 오분 뒤에 봐 (See U In Five)
9 เพลงแรกที่ผ่านมา NELL เล่นติดกันแบบไม่หยุด ไม่คุย ไม่เบรคใดๆทั้ังนั้น พอจบเพลงคิมจงวานพูด Thank you เว้นจังหวะให้คนปรบมือสรรเสริญและก็ขึ้นเพลงใหม่ทันที ซึ่งดีนะ มันทำให้คอนเสิร์ตกระชับ เข้มข้น และอารมณ์ไม่สะดุดเลย ซึ่งพอจบ All This Fxxking Time ก็เป็นเหมือนการเบรคดาวน์ Setlist ในช่วงแรก มี ment คั่นนิดหน่อย เป็นจงวานกับจองฮุน ที่คุยทักทายแฟนเพลงแปบๆ
จากนั้นก็เข้าเพลงต่อไป
일기오보 (Noise of Silence) หลังจากที่วงพูดคุยทักทายไปแล้ว คอนเสิร์ตเหมือนเข้าสู่การแสดงองก์ที่สอง และใช้เพลงนี้เป็นตัวเชื่อม Setlist จากการแลนด์ดิ่งในพาร์ทแรก ส่งเข้าสู่พาร์ทต่อไปอย่างนิ่มนวล เพลงจังหวะกลาง ฟังสบาย แต่หม่นเทา สกรีนด้านหลังเป็นภาพที่ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในป่าที่อึมครึม ยิ่งเป็นมุมมองจากโซน Floor ด้านล่างมองช้อนขึ้นไป เหมือนเราเข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ พอรวมกับดนตรีและความหมายของเพลงนี้ มันยิ่งบ่งบอกความเป็น NELL ที่ชัดเจน หม่นหมองแต่งดงาม ช่วงท้ายของเพลงมีภาพฝนปรอยลงมาเบาๆ ในรอบแรกที่เรานั่งชั้นสอง จะมองเห็นงาน LED ที่พื้นเวทีเป็นภาพเหมือนหยดฝนตกลงบนพื้นน้ำ พร้อมกับท่อนร้อง "Just forget about the rain" น่ารักมาก
การแสดงสดทำให้เพลงมีความละมุนละไมเพิ่มขึ้น แฟนเพลงก็จะปรบมือคลอ โยกตัวตามไปด้วย ท่อนกีตาร์โซโล่ของแจคยองทำให้เพลงมันดูสุขุมนุ่มนวลไปอีก ดีเหลือเกิน และน้ำเสียงอันปลอบโยนของคิมจงวานก็ยิ่งแทรกซึมเข้าไปในใจทุกๆประโยค เหมือนมันรีดทิ้งความคิดหนักๆออกจากหัวจนหมด ฟังแล้วผ่อนคลาย สบายใจมาก และท่อน "They always peak above that zero" ก็เป็นพาร์ทที่มีเสน่ห์ไม่เปลี่ยนแปลง
오분 뒤에 봐 (See U In Five) ภาพกราฟฟิคใต้น้ำเหมือนกับใน MV จะฉายขึ้นมาก่อนเงียบๆ สักสองสามวินาทีโน๊ตแรกของเพลงนี้ก็ดังตามขึ้นมา เป็นจังหวะที่ดีงามมาก คือคิดได้ไงว่าจะต้องขึ้นภาพก่อนแล้วตามด้วยเสียง สกรีนก็จะค่อยๆไหลไปเป็นฉากๆ คล้ายกับใน MV ซึ่งมันเข้ากับเพลงมากจริงๆ เพลงที่มีความเป็นแฟนตาซีทั้งงานดนตรีและงานภาพ กับตอนที่มีฉากวาฬโผล่ขึ้นมาคือสวยสะพรึงมากเลย เป็นอีกหนึ่งเพลงที่พอได้ฟังสด ยิ่งชอบเพลงนี้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากเสียงร้องแล้ว เสียงกีตาร์ของเพลงนี้ก็เด่นมากๆ ชอบดนตรีช่วงท้ายที่ทิ้งยาวก่อนจะจบเพลง แล้วงานภาพมันจะแพลนออกมาเรื่อยๆ ดูสามมิติ จนเหมือนเรากำลังจะออกจากดินแดนนั้นจริงๆ
Home
2019.12.22 NELL : Home @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
home เป็นหนึ่งในเพลงของอัลบั้ม C (2016) ที่ตรงไทป์ที่เราชอบมาก จนทุกวันนี้ยังจำความรู้สึกตอนที่ฟังครั้งแรกได้อยู่เลย ทึ่งกับดนตรีตรงช่วงท่อนฮุค เพราะเพลงมันนิ่งๆมาก่อน พอถึงจังหวะที่ท่อนฮุคมันปะทะออกมาแบบนั้นเลยเซอร์ไพร์สมากๆ เป็นเพลงที่เรียบเรียงออกมาอย่างเทพ เป็น setlist ของคอนเสิร์ตปีนี้ที่ใช้บิ้วท์ก่อนเข้าช่วงพีคในองก์สอง งานวิชวลจะน้อยๆ ดูมินิมอลหน่อย สเตจจะมืดๆ แต่พอเข้าท่อนฮุคและรวมกับ lighting แล้วมันช่างเจิดจ้า ทรงพลังเหลือเกิน เป็นความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ที่แท้จริง แกรนด์ไปหมดทั้งงานดีไซน์และงานดนตรี ซาวด์ตรงท่อนฮุคคือดีจัดชัดจริง ทั้งเสียงกีตาร์ เสียงเบส กลมกล่อมมาก แน่นปั่กๆ พอกลับมาฟัง audio ที่บ้านคือแอบจืดไปเลย โดยเฉพาะเสียงกลองซึ่งโดดเด่นมากๆในเพลงนี้ เราชอบจังหวะกลองของเพลงนี้มากๆด้วย แล้วเสียงกลองของแจวอนคือดังเข้าไปในโสตประสาทแบบฮึกเหิมสุดๆ เป็นเพลงนึงที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าไลน์กลองของ NELL นี่มันพิเศษแค่ไหน
Cliff Parade /환생의 밤 (Night of Rebirth)/소멸탈출 (The Great Escape)
ช่วง Rock พีคขององก์สอง เซตเพลงเร็วในยุคโพสเนล โพส Separation Anxiety
เป็นเพลงเร็วที่มีความเดือดดาล แต่เป็นโทนเย็น มีความสีน้ำเงิน ความเสียงอิเล็คทรอนิกส์
จะเรียกว่าเป็นความโมเดิร์นในยุคหลังที่มาเต็มแบบนั้นก็ได้ เป็นพาร์ทเพลงเร็วในคอนเสิร์ตที่เราชอบ
ความ NELL กับความเป็น Rock band ที่เรารัก
Cliff Parade เป็นเพลงที่วงเคยบอกไว้ว่าทำมาเพื่อเล่น live โดยเฉพาะ ซึ่งก็พิเศษแบบนั้นจริงๆ แค่อินโทรขึ้นมาก็รู้สึกดีดพล่านไปหมด เล่นสดแล้วสนุกมาก เป็นเพลงที่ทำให้คนดูปรบมือในช่วงต้นอย่างคึกคัก กระโดดไปในท่อนฮุคกับดนตรีที่พลุ่งพล่าน ซาวด์ช่วงท่อนฮุคคือสุด มันมาก พลังงานของเพลงมันกระจายไปทั่วทั้งฮอล์ เล่นสดโคตรดี เท่านี้ยังไม่พอ งานกราฟฟิคกับ Lighting ก็ฟาดรัวมาแบบไม่หยุดยั้ง เล่นกับโทนสีเขียวแดง คือลำพังแค่เพลงก็สนุกจะตายอยู่แล้ว งานไฟกับงานภาพก็โคตรบิวท์ กระโดดกันจนยับเยินกันไปข้าง
환생의 밤 (Night of Rebirth) เพลงที่เป็นที่สุดเพลงหนึ่งของการขึ้นอินโทร ประทับใจตั้งแต่ฟังครั้งแรกเลย พลังของอินโทรมันเป็นแบบนี้นี่เอง เป็นการขึ้นเปิดที่ให้ความรู้สึกค่อยๆฟูขึ้นมา แถมยังหรูหรา มีความแกรนด์โอเพนนิ่งมากๆ เป็นเพลงที่พอเป็น live version แล้วให้ความรู้สึกแตกต่างจากการฟังไฟล์ audio อยู่เยอะ เพราะเพลงมันให้ความรู้สึกสดใหม่อยู่ตลอด ทั้งๆที่เคยฟังมาแล้วไม่รู้กี่รอบ ขนาดเราเข้าดูคอนทั้งสามรอบ ยังรู้สึกใหม่กับมันทุกครั้ง ซาวด์กีตาร์จะชัดมาก งานเสียงทรงคุณค่าเหลือเกิน และยังเป็นเพลงที่มีลูกเล่นเยอะ มีท่อนช้า ท่อนบิวท์ ท่อนพีค ทำให้เพลงนี้เป็น performance ที่มีสีสัน มีซาวด์ยุบยิบยุบยับเต็มไปหมด รายละเอียดของดนตรีดีมากๆ
กับท่อนปรบมือกลางเพลงในตำนาน ที่วินาทีนั้นไม่รู้จะเลือกจ้องไปที่ใครเลย จองฮุน แจคยอง แจวอน จะปรบมือไปพร้อมกับคนดูหมด เป็นโมเมนต์ที่คูลจัด ยกเว้นจงวานที่จะเล่นกีตาร์แทนไลน์ปรบมือของท่อนนี้ ทำให้มันกลายเป็นท่อนที่มีเสน่ห์มากขึ้นมากๆ ซึ่งใน audio ไม่มีไลน์ส่วนนี้ด้วย บวกไลน์กีตาร์ช่วงที่ส่งให้ดนตรีพีคท้ายเพลง โคตรเร้าใจ แต่จงวานเล่นแบบเฉยๆมาก 5555 เฉียบ ชอบ yes you make me stronger
2019.12.22 NELL : 환생의 밤 (Night of Rebirth) @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
소멸탈출 (The Great Escape) ความจริงในอัลบั้ม Newton's Apple (2014) เพลงนี้จะเป็นแทร็คที่ต่อจาก 환생의 밤 (Night of Rebirth) อยู่แล้ว พอท่อนที่อินโทรดังขึ้นมาต่อกัน มันเลยเนียนหู เพลงจังหวะเร็วหนักๆ ที่ถึงใจถึงอารมณ์มากๆอีกเพลงหนึ่ง แฟนเพลงปรบมือตามกันกึกก้องไปทั่วทั้งฮอล์ ช่วงปะทุในท่อนฮุคคือชูมือตามจังหวะกันแขนแทบหลุด แค่งาน Lighting เพลงนี้ก็กินขาด ใส่มาเต็มข้อแบบไม่ยั้ง เอาแบบเน้นๆฟาดๆ ซาวด์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มาเจอเพลงหนักๆแบบนี้ยิ่งโคตรแน่น พุ่งทะลุทะลวงมาก เล่นดีเหลือเกิน ชอบโทนเสียงของจงวานในเพลงนี้ด้วย ร้องเสียงเต็มแบบฮิตทุกโน๊ต จังหวะพุ่งสูงก็ไม่มีตก มีช่วงคำรามเกรี้ยวนิดๆ ชอบอ่ะ ชอบให้โมโห 555555 จองฮุนก็ทำหน้าที่คอรัสได้เลิศเลอ ความจริงเพลงนี้อย่าเรียกว่าร้องคอรัสเลย เรียกว่าช่วยร้องดีกว่า เพราะมันจะมีท่อน "Lift me up" ในจังหวะที่ท่อนร้องมันทับซ้อนกันอยู่ในท่อนฮุค เป็น"Lift me up" ที่ดีมากก บอสร้องเนียนจนแทบจะแยกไม่ออกเลย ไหนจะพาร์ทกรีดกีตาร์อีก เท่แบบตายไปเลย พ่ออออออออออ
Ocean of Light
2019.12.24 NELL : Ocean of Light @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
ตั้งแต่เพลงนี้ถูกปล่อยออกมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่วงจะเอามันออกจาก Setlist บางคอนเสิร์ตไม่มี 기억을 걷는 시간 ก็ได้ แต่จะไม่มี Ocean of Light ไม่ได้!! เรียกว่าเป็นเพลงไฮไลท์ในคอนเสิร์ตของวง NELL ก็คงไม่ผิด เพราะไปเล่นที่ไหนก็ต้องเล่นเพลงนี้แบบล้านเปอร์เซ็นต์แน่นอน และเป็นเพลงที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ก็จะเป็นหนึ่งในไคลแมกซ์เสมอ มีสีสัน เติมความหวัง มีความสว่างสไวเจิดจ้า และให้ความสนุกสดชื่น ตื่นตาตื่นใจกับแสงสี ที่เหมือนอยู่ใน Ocean of Light ตามในเพลง
พออินโทรเพลงดังขึ้น แจวอนเริ่มโบกไม้โบกมือเพื่อนำการบิ้วท์คนดู และเหมือนทุกคนพร้อมปลดเปลื้องและทิ้งทุกสิ่งอย่าง เพื่อเตรียมเข้าไปอยู่ในเพลง ส่งเสียงเชียร์แบบบ้าคลั่ง และปรบมือไปตามจังหวะ วินาทีที่เราอยู่ในนั้น เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชน นี่มันเหมือนฝันเลยจริงๆ นอกจากความสนุกสุดเหวี่ยงที่ได้รับจากเพลงแล้ว มันยังรู้สึกดีต่อจิตใจมากๆ ไม่เคยเข้าถึงคำร้องท่อน "Just breathe in and breathe out your dreams with me" ได้ลึกซึ้งเท่านี้มาก่อน การได้เป็นส่วนหนึ่งของฝูงชนที่ได้ร้อง O A E O ด้วยกัน หลังจากที่เคยดูคลิป live ผ่านยูทูปมาเป็นร้อยๆครั้ง เห้ย มันน่าเหลือเชื่อมาก รู้สึกชีวิตถูกเติมเต็มหมดแล้ว และนอกจากจะเป็นเพลงที่งานสเตจโปรดักชั่นจัดเต็มแบบสุดๆ แสงสีแบบตาจะบอด บรรยากาศคนดูในฮอล์ของเพลงนี้ก็ทำให้ขนลุกอยู่ตลอดเวลา เพราะมันคือไฮไลท์ที่แท้จริง ทุกคนปรบมือ และร่วมกันร้องแบบดังกระหึ่ม กระโดดโลดเต้นไปด้วยกันท่ามกลางแสงสี เหมือนท่อนร้องในเพลง "I'm in the ocean of light" การได้ไปอยู่ตรงนั้นมันดีมากๆ เต็มตื้นสุดๆ รักกกกกกกกกกกกกกก
기억을 걷는 시간 (Time Spent Walking Through Memories)
ถึงเวลาที่เพลงชาติต้องมา ซึ่งจะก่อนขึ้นเพลงนี้ก็จะเป็น ment รอบที่สอง จงวานกับจองฮุนจะพูดคุยกับแฟนเพลงคั่นนิดหน่อย ซึ่งเป็นรอบไหนเราก็จำไม่ค่อยได้ แต่เหมือนจับใจความที่จงวานพูดได้ว่า เพลงนี้เนี่ย เป็นเพลงของ NELL ที่ทุกคนรอฟัง แต่ตอนซ้อมคือพวกเขาข้ามเพลงนี้ไปเลย 555555 (ฟิลแบบเล่นมาเป็นล้านๆรอบแล้วว้อย)
พอท่อนแรก อาจิกโด~ ดังขึ้นก็จะมีเสียงฮือฮาแบบอ๋อยยขึ้นมาตามระเบียบ ฮ่าๆๆ เป็นเพลงที่ทุกคนพร้อมใจกันเปิดแสงแฟลชมือถือโดยอัตโนมัติ ซึ่งเข้ากันกับเพลงมาก พอใครพูดถึงวง NELL ก็ต้องพูดถึงเพลงนี้ เพลงแมสตลอดกาลของวง จนบางทีเราก็จะข้ามไป เพราะอะไรๆก็ 기억을 걷는 시간 ตลอด ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ ไม่ใช่ว่าไม่เพราะนะ มันเพราะมาก แต่เพลง NELL มันยังมีแง่มุมที่ดีงามมากๆอยู่เยอะแยะ และเพลงนี้มันก็ออกมานานแล้ว คือฟังกันมาจนชินชากันไปข้าง แต่พอได้มาฟังสดวันนี้แล้ว ก็เออเนอะ เพลงดีนี่มันจะอยู่เหนือกาลเวลาจริงๆ มันเพราะและสร้างมวลบรรยากาศที่ดี ยิ่งกับคนดูในฮอล์ที่ช่วยกันร้องทั้งเนื้อเพลง ทั้งท่อนคอรัส โบกแสงแฟลชมือถือในมือ มันทำให้เพลงเหงาๆกลายเป็นความอบอุ่น กินใจขึ้นมาได้
และทันใดนั้นเอง เหมือนที่ได้เล็งที่ทางเอาไว้ ท่านผู้นำได้เดินลงเวทีฝั่งซ้ายของคนดูลงมา ท่ามกลางเสียงฮือฮาตื่นเต้นของแฟนๆ ค่อยๆลัดเลาะ ไปยืนร้องตรงทางขึ้นบันไดให้ใกล้ชิดกับคนดูในโซนซ้าย ตัวเล็กปุ๊กปิ๊กมาก คอนเสิร์ตรอบแรกก็เดินต่อลงมาหยุดร้องเพลงที่ฝั่งเรา หยุดตรงหน้าเลย สบตาชั้นแน่ๆ ชั้นมั่นใจ 55555555 มโน วินาทีนั้นเบลอไปหมด เจิดจ้าเหลือเกิน 5555555 นานประมาณนึงเหมือนกันนะ หรือว่าเป็นเราเองที่รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าก็ไม่รู้ โอ๊ยยยย เขินทำไมมม ความรู้สึกตอนนั้นคือเหมือนมายืนร้องให้เราฟังคนเดียว เปรมมม สักพักท่านก็เดินแทรกทางเดินตรงกลางฝั่งขวากลับขึ้นเวทีไป
DAY 1 : 2019.12.21 รูปนี้ซูมเข้านิดหน่อย
DAY 1 : 2019.12.21 อย่าจ้อง เขิน
ส่วนคอนเสิร์ตรอบวันที่สองกับสาม จงวานก็เดินรูททางเดินเดิมเหมือนกันกับวันแรก ซึ่งรอบสองเรานั่งริมทางเดินฝั่งในของรูททางเดินที่จะผ่านพอดี ตอนที่จงวานค่อยๆเดินใกล้เข้ามา เสียงข้างในหัวนี่ตีกันปั่นป่วนไปหมด ทำไงดีๆๆๆๆ คือลนลานในใจทำไมก็ไม่รู้ 5555555 ภายนอกอาจดูปกติ แต่ในใจคือเป็นบ้าไปแล้ว แฟนบอยข้างหลังเราคือเลิ่กลั่ก ตื่นเต้นนำแบบไม่เก็บอาการด้วย ฮ่าาๆๆ คิดแล้วก็ตลกดี
เราก็เปิดกล้องมือถือเตรียมถ่ายวีดีโอไว้ แต่ไม่ได้จ้องจอโทรศัพท์หรอก จ้องหน้าคิมจงวานอย่างเดียว คือติดไม่ติดก็เป็นไร แต่ก็ถ่ายเผื่อๆไว้ พอจงวานเดินมาจะเลี้ยวเข้าตรงช่องทางเดินแถวที่นั่งฝั่งเรา ก็มีแอบแวะยื่นไมค์ให้แฟนเพลงร้องตามนิดหน่อย น่ารักกกก งุ๊งงิ๊ง จากนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมความเร่งเฉย เดินผ่านหน้าเราไปอย่างเร็ว ผ่านฉิวไปเลย แต่ในความรู้สึกตอนนั้นอย่างกับภาพสโลโมชั่น เหมือนถ่ายรูปแล้วปรับสปีดชัตเตอร์แบบช้าสุด แช่กล้องค้างไว้นานๆ เหมือนโลกหยุดหมุน แฟนบอยข้างหลังนี่คือเสียอาการมาก ในขณะที่เราจะช็อคอยู่หน่อยๆ 55555 คือ blank ไปแล้วตอนนั้น เหมือนหลุดไปเลย เพราะมาดูคอนเสิร์ตก็ไม่ได้คาดหวังระยะประชิดแบบนี้ ใกล้แบบใกล้มาก เห็นผิวแบบชัดเลย ขาวตี๋ แล้วก็น่าจะสูงประมาณ 165 เซนบวกลบนิดหน่อย เป็นคนที่เห็นในรูปแบบไหน ตัวจริงก็แบบนั้นแหละ แต่ออร่าบารมีของนักดนตรีมันคูณล้าน เจิดจรัสเหลือเกิน พ่อออออออออออออออ
DAY 2 : 2019.12.22 รูปแคปจากวีดีโอที่ถ่าย
ส่วนคอนเสิร์ตรอบสุดท้าย เรานั่งตรง Floor โซนกลางที่ถัดจากริมที่นั่งด้านขวาเข้ามา 3 ที่นั่ง ซึ่งก็ถือว่าใกล้ทางเดินที่ท่านเดินผ่านอยู่ดี หลังจากที่ช็อคไปกับรอบเมื่อวานแล้ว รอบนี้ก็สติมากขึ้น ฮ่าาา ไม่ได้ถ่ายรูปถ่ายอะไรเลย กะเก็บด้วยสายตาแบบเต็มที่ ซึ่งคอนเสิร์ตรอบสุดท้ายนี้จงวานเดินผ่านแบบช้ามากด้วย ตอนเดินผ่านแถวที่นั่งเราก็เดินช้า มีจับมือแฟนเพลงไปเกือบตลอดทาง นิ่มนุ่มนวลมาก สงสัยเพราะเป็นรอบที่อัด DVD เลยเดินละเมียดหน่อย 555555 ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ มีความใกล้ชิด อบอุ่น คนก็ไม่ได้กรูกันวุ่นวายเลยทั้งสามรอบ เหมือนแฟนๆเขาก็จะเคารพนบนอบ เพราะวงเขาก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนก็จะยื่นมือให้จับแบบสุภาพๆ จงวานก็พบปะประชาชนแบบจับมือค้างไปด้วย ร้องเพลงไปด้วย แงงง ทำไมดีอย่างนี้ ปลื้มใจ มีจังหวะที่แฟนเพลงโปรยกระดาษใส่อีก แล้วรีแอคชั่นคือน่าร๊าาาาก รู้งี้เตรียมช่อผักชีไปให้ดีกว่า 55555 รู้สึกเหมือนแต้มบุญที่ทำมาทั้งชีวิต ถูกใช้ไปหมดแล้วในคราวนี้ ทุกๆอย่างเลย มันพอดิบพอดีไปหมด มีความสุขจนเหมือนจะลอยได้เลย
มีอยู่รอบนึงที่หลังจากจงวานร้องเพลงนี้จบ และขึ้นไปบนเวทีแล้ว จองฮุนก็ได้พูดถึงเพลงนี้ ซึ่งเรามารู้คำแปลเอาทีหลัง ตอนนั้นคนก็หัวเราะกันรึ่ม แต่อีนี่ไม่เข้าใจ 555555 ประมาณว่า "เสือตายมันยังทิ้งหนังเอาไว้ คนตายก็ทิ้งชื่อเอาไว้ ถ้าเป็น NELL ก็คงทิ้ง 기억을 걷는 시간 เอาไว้" โคตรจะจริง (NELL : 기억을 걷는 시간 / Time Spent Walking Through Memories)
Love It When It Rains
2019.12.22 NELL : Love It When It Rain @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
เพลงในอัลบั้ม Colors In Black ที่มีบรรยากาศของความลั้นลาอย่างที่สุด เป็นเพลงที่สนุก สดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวา เซ้นท์ป๊อบดีมาก ชอบไลน์กีตาร์แจคยองช่วงท่อน Verse มากด้วย มีความน่ารักลั่นล้า งานสกรีนด้านหลังก็จะเหมือนเป็นแสงๆหลากสี วิ่งลงมาจนถึงขอบพื้นด้านล่างเลย สวย ดูเพลิน เข้ากับเพลง
Love It When It Rains เป็นเพลงที่วงตั้งหน้าตั้งรอการเพอร์ฟอร์มบนเวที เคยพูดเปรยๆเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า "ถ้าได้เล่นเพลงนี้ตอนฝนตกคงเป็นอะไรที่ดีมากๆ" และต่อเมื่ออยู่ในฮอล์คอนเสิร์ตอินดอร์ NELL ก็ยังไม่วาย สามารถที่จะเสกให้มีฝนตกลงมาในช่วงท้ายได้ ซึ่งสำหรับกิมมิคอันนี้ ก่อนมาดูก็คิดไว้แล้วว่าวงต้องทำเอฟเฟคน้ำแน่ๆ แต่พอมาเจอจริงๆ ก็เซอร์ไพรส์และว้าวมากๆอยู่ดี ปล่อยลงมาในจังหวะที่ดีมากๆด้วย ถือเป็นไฮไลท์ของเพลงเลย แล้วก็มาคิดได้ทีหลังว่า อ๋อ สงสัยบัตรคอนเสิร์ตปีนี้ที่แพงขึ้นอีกหมื่นกว่าวอนเนี่ย เพราะงานเสกฝนแน่ๆ 5555 เล่นสดแล้วบรรยากาศดีมากๆๆ มันให้ความสดชื่นแบบที่สุด เหมือนได้ออกไปวิ่งเล่นท่ามกลางสายฝน แล้ววงตอนที่เล่นเพลงนี้ก็ดูเอนจอย มีความสุขมาก เห็นแล้วชื่นใจ
Dream Catcher / Grey Zone
Dream Catcher เป็นอีกเพลงที่สร้างสีสรรในคอนเสิร์ตมากๆ ทั้งบรรยากาศของคนดูและธีมเพลง ฟิลธีมของเวทีจะคล้ายกับเพลง Tokyo ที่มีความคัลเลอร์ฟูล เป็นเพลงที่ฟังแล้วฮึกเหิมไปด้วยพลังบวก แล้วสกรีนกราฟฟิคไอเจ้าพลุสีๆเนี่ย วงก็ใช้มาตั้งแต่งานคอนเสิร์ต NELL'S ROOM 2017 แล้ว ไปเล่นงานเทศกาลดนตรี ก็จะใช้กราฟฟิคนี้ตลอด แม้จะเคยเห็นงานภาพแบบนี้มาหลายรอบแล้วก็ตาม แต่มันก็ทำงานได้ผลทุกครั้ง เป็นดีไซน์ที่ช่วยขับเคลื่อนเพลงให้เหนือชั้นขึ้นไปอีก แล้วความเป็นสีสรรแบบนี้มันก็เข้ากับวงมากๆ เพลงนี้เลยจัดเป็น fighting song อันดับต้นๆของ NELL ที่ฟังกี่ครั้งก็รู้สึกฮึกเหิมทุกครั้ง ยิ่งได้มาอยู่ในบรรยากาศที่ฝูงชนร่วมกันตะโกน Hey! Hey! นี่มันโคตรจะมีพลัง แล้วท่อนท้ายของเพลงนี้ จงวานร้องโหนเสียงขึ้นไปด้วย (เป็นไลน์ที่ร้องใน re-arrange version) เป็นไลน์ร้องที่เราชอบมาก รู้สึกโชคดีที่ได้มาฟังสดแล้วเจอท่อนนี้
DAY 1 : 2019.12.21
คั่นด้วย ment ก่อนที่จะเข้าเพลงสุดท้าย ที่ให้สมาชิกแต่ละคนพูดขอบคุณแฟนเพลง แจคยองก็จะพูดกลางๆ สาวก็จะกริ๊ดๆๆ แจวอนจะพูดสั้นๆ สนุกไหมอะไรประมาณนี้ จองฮุนจะพูดแบบมีเนื้อหาสาระหน่อย ระหว่างนี้ก็จะเป็นภาพที่คุ้นๆกันดี ก็คือ คิมจงวานจะนั่งรอจนกว่าเพื่อนจะพูดเสร็จ จุ่มปุ๊ก คิ้วท์ๆ รู้ตัวไหมเนี่ยว่าความจริงตัวเองเป็นคนน่ารักมากโดยธรรมชาติอ่ะ งืออออ
ทุกรอบก็จะพูดคุยขอบคุณกันปกติ
แล้ว
จงวานจะชอบพูดแซว
แจคยองทุกรอบเลยก็ว่าได้ ชอบความสัมพันธ์ของสองคนนี้มาก คือถ้าตามปกติจะไม่มีทางเห็นสองคนนี้ยืนใกล้กันเลยนะ ทั้งตำแหน่งยืนตอนถ่ายรูป ตอนโปรโมท ตอนเล่นดนตรีก็จะเล่นใครเล่นมันชัดเจน ตอนโค้งขอบคุณ ทุกอย่างจะไม่ยืนอยู่ข้างกันเลย เหตุผลก็คงไม่ต้องพูดเยอะ (เธอไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นหรอก แต่เพื่อนในวงเธอสูงเกินไปไง โอ๋ๆนะ) แล้วเวลาเห็นสองคนนี้อยู่ใกล้กันอย่างตอน vlive หรือ youtube live 2103 เนี่ย
( Youtube official : SPACEBOHEMIAN NELL) เป็นอะไรที่บันเทิงมาก เวลาเขาแตะๆตัวกันนะ กับรูปถ่ายเก่าๆ ที่แฟนเพลงเคยถ่ายมาเป็นแบบยืนคุยกัน เดินกอดคอกันงี้ (
จงวานกอดเอวนะ กอดคอไม่ถึง โอ๋ๆๆ) โคตรจะหายาก เลยรู้สึกน่ารักเป็นพิเศษ ซึ่งเวลาถึงช่วง ment ทีไร
จงวานก็ชอบพูดเล่นแกล้ง
แจคยองตลอด บ่นบ้าง แฉเพื่อนบ้าง โคตรน่ารัก เป็นความสัมพันธ์แบบทอมแอนด์เจอรี่อ่ะ
แจคยองก็จะพูดไฟท์ตอบโต้บ้าง แต่ส่วนมากสู้ไม่ค่อยได้ เพราะ
จงวานเป็นคนพูดอะไรแล้วมันมีน้ำหนักไปหมด แล้วมันก็ตลกดีด้วย 55555 แฟนๆก็จะหัวเราะชอบใจกันใหญ่ ขนาดเพื่อนในวงเองยังขำสนุก
และ ment รอบที่พิเศษมากๆ ก็คงเป็นรอบสุดท้าย (2019.12.24) ที่ตรงกับวันเกิดของคิมจงวาน ที่มีการร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับท่านผู้นำ ซึ่งก็ร้องกันทุกปี เป็นบรรยากาศที่ดี๊ดี อบอุ่นม๊ากมาก แจคยองเป็นคนเล่นกีตาร์นำให้ แฟนเพลงก็ช่วยกันร้อง แจวอนก็จะร้องคลอไปด้วยความร่าเริง จองฮุนปรบมือยืนยิ้มอย่างเดียว (ชอบเจ้าพวกนี้ว่ะ โคตรหลายคาแรกเตอร์ ฮ่าาา) จงวานก็นั่งฟังแบบน่ารักมั่ก อธิบายไม่ถูก มีคลิปออกมาหลายเจ้าอยู่ ขนาดแฟนเพลงร้องเพลงอวยพรจบปุ๊บ ซึ่งจงวานก็โค้งขอบคุณเรียบร้อย ยังมาแซวเพื่อนเรื่องไลน์กีตาร์อะไรสักอย่าง ตา ต่า ตา ต่า ต้า ตย่าวววววว 555555 อารมณ์แบบแค่เล่นเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ยังต้องสั่นสาย 555555555 ก็ guitarist ไงเล่าาา
Grey Zone เพลงปิดของคอนเสิร์ตก่อนช่วง encore เอาจริงๆ ที่คิดเอาเองไว้ตอนแรกคือ จะต้องได้ Setlist เพลงดับ ดิ่ง เงียบ เป็นเพลงปิดก่อน encore และใช้ 꿈을 꾸는 꿈 (Lullaby) เป็นเพลงปิดสุดท้ายของสุดท้ายตอน encore อีกที แต่ผิด ปีนี้หวยออกที่ Grey Zone ซึ่งเราก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะชอบเพลงนี้มากๆอยู่แล้ว เพลงที่มีซาวด์ดนตรีโดดเด่น มีท่อนร้องย้ำๆเพียงไม่กี่คำ แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ความฝันที่วิ่งไล่ตามไม่ทัน (NELL : Grey Zone / much better, not together) ดีใจมากที่จะมี live official ของเพลงนี้ ออกสู่สายตาประชาชนสักที
2019.12.21 NELL : Grey Zone @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
เพลงนี้จัดเป็นเพลงท๊อปฟอร์มเพลงหนึ่งของ NELL ที่ควรค่ากับการฟัง live version มากๆ เล่นดีกันแบบน้ำตาจะไหล ยิ่งตอนท่อนดนตรีช่วงท้ายที่ปะทุขึ้นมาพร้อมกับภาพของสมาชิกทั้งสี่คนที่ขึ้นบนสกรีนด้านหลังบวกกับพลุกระดาษ เป็นเมเมนต์ที่สุดยอดจนอยากจะหยุดเวลาไว้เลย มันดู unity ซาวด์ก็พุ่งมากๆ ย้ำอีกครั้ง ระบบเสียงโคตรดี ซึ่งช่วงท้ายเพลงมันใช้แค่ดนตรีสี่ชิ้นจริงๆ กีตาร์ 1 กีตาร์ 2 กลอง เบส ผสมกันหนึบหนับ แนบแน่นไปหมด แล้วเสียงดนตรีชัดทุกชิ้น กับท่อนเสียงว๊ากของจงวานช่วงท้ายเพลงนั่นอีก ดี ดีมาก ดีดีดีดี ปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยความรู้สึกบวก มีพลัง และอบอุ่นไปกับท่อนร้องที่ว่า
"We are so much better when we are all together"
หลังจบ Grey Zone วงก็โค้งขอบคุณเล็กน้อยพอเป็นพิธี โบกไม้โบกมือนิดหน่อยและเดินลงเวทีไป นี่ก็มาคิดอีกว่า ถ้าปีนี้ได้เซทเพลงดิ่งลงเหวเป็นเพลงปิดนะ ก็จะได้เห็นโมเมนต์การเดินออกเวที แบบเดินทิ้งออกไปเลยแน่ๆ ปล่อยให้คนดูยืนอึนค้างอยู่อย่างนั้น แล้วปรบมือตามหลัง นี่ก็อยากได้รับความซาดิส เย็นชาแบบนั้นบ้าง
- encore -
คอนเสิร์ต NELL จะมี encore เป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งแฟนเพลงก็คงรู้กันหมด แถมยังขาดเพลงที่สำคัญมากๆ ของอัลบั้มนี้ที่ยังไม่ได้เล่นอีก แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันตะโกน encore กันมาอย่างไม่หยุดยั้ง แถวด้านล่างคือไม่มีใครนั่งเลย สักพักไม่นานสมาชิกวงก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงเชียร์เกรียวกราวของแฟนๆ
침묵의 역사 (History of Silence)
2019.12.21 NELL : 침묵의 역사 (History of Silence) @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
ตอนเพลงนี้ดังขึ้น คือจิตใจอ่อนปวกเปียกไปเลย ดีใจมาก เพราะเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเราอีกแล้ว (ก็มันชอบทุกเพลงให้ทำไง ;) เพลงที่เป็นเหมือนกับเรื่องเล่า ตอนฟังสดรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในวงล้อมของการพูดคุยบำบัดจิต คิมจงวานที่กำลังเล่าเรื่องของตัวเอง พร้อมเสียงของเครื่องดนตรีทุกชิ้นก็เล่าเรื่องราวของมัน เสียงเบส เสียงกลองชัดๆ เสียงกีตาร์บาดจิต ยิ่งน้ำเสียงของจงวานก็เล่นทำเอาเราน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว โคตรดึงอารมณ์ ร้องดีจนแบบไม่รู้จะพูดยังไง คือมันไม่ใช่แค่ความเพราะอย่างเดียว แต่เขาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาแบบโคตรจริง ทั้งความอัดอั้น หมดสิ้นหนทาง เสียงลมหายใจที่ตั้งใจหายใจลึกๆใส่ไมค์นั้นอีก มันระทมไปหมด และเพลงนี้เนื้อร้องมันเหมือนจะน้ำใสไหลเย็น แต่ลึกๆมีแต่ความเจ็บปวดทรมาน เหมือนคนที่อยากตะโกนสิ่งที่อยู่ในใจออกไปดังๆ แต่ก็ไม่ทำ กลับกดมันไว้ การเล่าความดังให้เงียบ โคตรเศร้า ชีวิตบัดซบมาก เป็นเพลงที่ฟังกี่ครั้งก็อิน โดยเฉพาะพาร์ทสะกดลมหายใจในท่อนสุดท้ายของเพลง ที่จงวานร้องแล้วถอนหายใจ ผ่อนจนเป็นเสียงกระซิบ เล่นเอาถึงตายได้เลย น้ำตาไหลพราก บาดลึกมาก
"달라지긴 했을까
니가 아니면 안 된다고
너무 흔한 말이라 조금
그렇긴 해도
머물러 주길 바란다고
말해 볼 걸 그랬지 "
"มันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า?
ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ
เพียงคำพูดง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้น
"ผมอยากให้คุณอยู่"
ผมควรจะพูดมันออกไป "
2019.12.21 NELL : Slow Motion @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
จมทั้งทีก็ต้องเอาให้สุด บาดกันอย่างต่อเนื่องกับเพลงที่เรียกได้ว่าดำมืดที่สุดในอัลบั้ม Colors In black ทุกวินาทีที่เพลงนี้ถูกเล่นออกไป รู้สึกได้ว่ามวลของบรรยากาศในฮอล์มันหนักอึ้งไปหมด ทั้งอารมณ์ของเพลง และเมสเสจที่อยู่ในเนื้อร้อง ความอ้างว้าง มืดหม่นมันแผ่ซ่าน เคลือบคนฟังให้ยืนนิ่งค้างเหมือนถูกมนต์สะกด
"ความเจ็บปวดจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น"
คำพูดที่ออกมาจากความไม่รู้อะไรเลย
ความเป็นจริงแล้วมันยิ่งทำให้คุณอ่อนแอ
เรามองว่าเพลงนี้เป็นเพลง coming of age เช่นเดียวกับ 꿈을 꾸는 꿈 (Lullaby) และอีกหลายต่อหลายเพลงของ NELL ที่พูดถึงการก้าวข้ามผ่านช่วงวัย บางสิ่งบางอย่าง โตมาถึงจะรู้ ผ่านมาถึงจะเข้าใจ และหลุมพรางในชีวิตมันก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งหมดนี้ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลงอย่างลึกซึ้ง และแทงจิตใจลงไปถึงกระดูก ไม่ถึงขั้นกวดขันสั่งสอน แต่เหมือนเป็นการบอกเล่าความลับอันดำมืดในโลกของความเป็นผู้ใหญ่
และการได้ฟังเพลงนี้สดๆ ก็เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก เรารู้สึกว่าเพลงมันจี๊ดแทงใจดำ ดาร์คแต่เรียล ซึ่งก็เข้าใจเมสเสจที่คนแต่งอยากจะบอก แต่พอได้มาฟังวงเล่นสดในครั้งนี้ มันบียอนด์ไปอีกขั้น คือ ณ ตอนนั้นเราเชื่อมันทั้งหมดเลย คิมจงวานถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างเหนือคำบรรยาย ทุกๆคำที่เปล่งออกมามันคือมวลของอารมณ์ทั้งนั้น มันสัมผัสได้หมด เป็นคนที่ร้องอะไรแล้ว คนฟังพร้อมที่จะเชื่อมันอย่างหมดใจ ถ้าเพลง NELL บอกเราว่ามันจะดีขึ้น ทุกอย่างมันก็เหมือนจะดีจริงๆ แต่ถ้าเมื่อไรที่เพลง NELL บอกว่าไม่ รู้สึกได้ทันทีว่ามันก็คงจะเป็นอย่างนั้นแน่ๆ
บรรยากาศในฮอล์เลยเหมือนโดนสะกด ทุกคนเงียบฟังอย่างตั้งใจ เพราะทั้งเสียงร้อง ความหมาย ดนตรี มันปะทะคนดูจนจุก เสียงกีตาร์เพราะแล้วก็เศร้ามาก พาร์ทกลองยิ่งดีงาม นอกจากจังหวะแล้วเราชอบโทนเสียงกลองของเพลงนี้มากๆ พอได้มาฟังสดแล้ว มันดีมากถึงมากที่สุด เสียงเพราะใสกังวาน บวกกับงานภาพบนจอด้านหลัง ที่เห็นเป็นเพียงแสงที่ส่องลงมาใต้น้ำในทีแรก จากนั้นจะพบว่าภายใต้แสงนั้น มีร่างๆหนึ่งกำลังจมน้ำลึกลงไปเรื่อยๆ จนมืดมิดในที่สุด เป็นสตอรี่ที่เรียบง่ายแต่ขับเคลื่อนเพลงไปสุดทาง
และน่าจะรอบสุดท้ายมั้ง ที่จงวานพูดก่อนเข้าเพลงว่า เพลงนี้เป็น fighting song เพลงหนึ่งของ NELL เหมือน Dream catcher ค่ะะะะ!! fighting song แล้วทำสกรีนเป็นคนจมน้ำทำไม คนดูก็ได้แต่หัวเราะแห้ง หลังเล่นเพลงนี้จบแบบเฉาๆ ยังมาถามตบท้ายอีก ว่าได้รับพลังพวกนั้นไหม เกลียยยยดดดดดด
꿈을 꾸는 꿈 (Lullaby)
2019.12.22 NELL : 꿈을 꾸는 꿈(lullaby) @CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
คิมจงวานได้พูดเข้าเพลงนี้ไว้ โดยมีใจความประมาณว่า ในช่วงสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาเอาแต่ซ้อมกีตาร์ทุกวันๆ พูดถึงความรัก ความฝันที่มีให้กับดนตรี การอยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง ที่ตอนนั้นดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ดูโกหกเพ้อฝัน ที่คงคล้ายกับเนื้อหาของเพลงนี้
꿈을 꾸는 꿈 เป็นเพลงที่จะอยู่ตรงไหนไม่ได้เลย นอกจากจะเป็นเพลงสุดท้ายเท่านั้น เพลงที่มีการเรียบเรียงดนตรีหลายชั้นและพีคขึ้นเรื่อยๆ จนระเบิดพลังแห่งความสนุกออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด จากเพลงก่อนหน้าจนตอนนี้สามารถดีดลอยตัวขึ้นมาจากน้ำได้เลย สุดมากกกกก สมกับเป็น live ที่รอคอยและคาดหวัง มันดีมากกกจริงๆ งานสเตจดีไซน์ทุกๆอย่างมันขับเพลงให้ทำงานกับคนดูอย่างที่สุด ทั้ง lighting กราฟฟิค เลเซอร์ สีสัน เอฟเฟคพลุ กระดาษโปรย ทำให้โชว์มันออกมาน่าตื่นตาตื่นใจ เล่นสดได้สนุกมากกกกๆๆๆ กับซาวด์ดนตรีที่ขอย้ำเป็นร้อบที่ล้านๆว่า ดี -ิบหาย โคตรถึง ความตึ๊ดๆ แบบ NELL นี่มันเหนือกฏธรรมชาติจริงๆ พอมาคิดได้ว่ามันก็คือ edm แหละใช่ไหม ถึงจะไม่ EDM จัดมาก แต่ก็เข้าข่าย (มีแซวแจวอนด้วยว่าเพิ่งหนีไปคลับ EDM มา 55555) ซึ่งเราชอบเฉยเลย โกงป่ะเนี่ย ทำให้คนไม่อิน EDM ชอบได้ไง 55555
ส่วนเนื้อเพลง ที่มีความรู้สึกว่านอกจากความหมายจะดีแล้ว การออกเสียงคำในภาษาเกาหลีของเพลงนี้มันเพราะจัง บอกไม่ถูก หรือจงวานร้องดีก็ไม่รู้ ฮ่าาา แต่ที่สำคัญคือเมสเสจของเพลงและดนตรีมันช่างเปี่ยมไปด้วยพลังงานของวัยรุ่นอย่างเหลือล้น รู้สึกถึงพลังแห่งความหวัง ความฝัน กระจายไปทั่วทั้งฮอล์ งานกลองดีอีกแล้ว ชอบจังหวะรัวฉาบของแจวอนช่วงท้ายเพลงด้วย ไลน์เบสเพลงนี้ก็เด่น และรู้สึกว่ารอบสุดท้ายจงวานจะขึ้นท่อนร้องผิดตอนช่วงกลางเพลงก่อนเข้าพีคด้วย คือร้องขึ้นนำไปก่อนหนึ่งห้อง แล้วดูจะรู้ตัวนิดๆด้วย แต่พอร้องไปแล้วก็ต้องร้องต่อเนียนๆไปให้จบ ซึ่งก็เนียนใช้ได้อยู่ แต่ถ้าเธอตั้งใจว่าอยากจะขึ้นร้องห้องนี้อยู่แล้ว ก็ต้องกราบขออภัยที่เข้าใจผิดและเอามาเม้าท์ 555555
สำหรับไคลแมกซ์ในท่อนท้าย จงกล้าที่จะมีความฝัน แม้โลกจะเย้ยหยันและมองข้าม ก็ชูนิ้วกลางไปม่างเลย แล้วสมาชิกวงก็ชูนิ้วขึ้นมาพร้อมกับคนดู อิสเดอะเบสสสสส นำโดยบอส ลีจองฮุนที่ถึงแม้จะยกค้างนาน แต่ดูไม่หยาบเลยแม้แต่น้อย ฮ่าาา คิมจงวานก็ชูแบบคูลๆ ยกแปบๆไม่ค้างนาน เพราะทำบ่อยแล้ว จองแจวอนจะยกแบบซ่าๆหน่อย ลีแจคยองจะแปบๆมากๆ บางรอบก็ไม่ทำด้วย ปรบมือเฉยๆ (เห็นหรือยังว่าเจ้าพวกนี้มันสี่คนสี่บุคลิก) แล้วคนดูก็ชูนิ้วกลางกันขึ้นมาเต็มฮอล์ เฮ้ยมันได้อ่ะ โดยเฉพาะคนดูรอบสุดท้ายที่ดีดมากเป็นพิเศษ รู้สึกได้ถึงความช่างม่าง 555555555 โคตรฮึกเหิม รู้สึกได้รับพลังงานพลังใจแบบทะลุเพดาน
จบเพลงสุดท้ายไปแบบใจเต้นรัวๆ มีความสุข ประทับใจมาก เป็นสองชั่วโมงกว่าๆที่รู้สึกว่าเร็วเหลือเกิน เพลงทั้งหมดยังโลดแล่นอยู่ในหัวอยู่เลย ทุกฉากทุกตอนมันโคตรจะตราตรึง ขนาดจบรอบแรกก็ยังดีดได้ทั้งๆที่นอนน้อย แฟนเพลงต่างส่งเสียงเชียร์แบบดังสนั่น ปรบมือเถลิงเกียรติให้อย่างเกรียวกราว รับรู้ถึงมวลความรู้สึกได้ว่าทุกคนคงอิ่มเอมมากๆไม่ต่างจากเรา
สมาชิกวงโค้งขอบคุณ และถ่ายรูปกับคนดูทุกรอบการแสดงเลย ซึ่งก่อนหน้านี้เราลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลย ว่าวงจะถ่ายรูปร่วมกับคนดูหลังคอนเสิร์ตจบด้วย มาคิดได้แล้วก็หัวใจพองโตขึ้นมา แม้จะมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ แต่เราก็ปริ่มอยู่ในใจ ที่ได้ป็นหนึ่งในผู้ชมของคอนเสิร์ต NELL'S ROOM ในปีนี้ ที่เราว่าเป็นปีที่พีคมากๆปีนึงนะ ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข สุดท้ายก็โบกมือให้แฟนๆ เป็นการร่ำลา และ NELL ทั้งสี่คนก็หายเข้าไปหลังเวที เป็นอันจบคอนเสิร์ตอย่างสมบูรณ์แบบ
THANK YOU
CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black'
Setlist
01 Cliché
02 Onetime Bestseller
03 Go
04 Beautiful Stranger
05 A to Z
06 치유 (Cure)
07 Dear Genovese
08 무홍 (Fogbow)
09 All this Fxxking Time
10 일기오보 (Noise of Silence)
11 오분 뒤에 봐 (See U in Five)
12 Home
13 Cliff Parade
14 환생의 밤 (Night of Rebirth)
15 소멸탈출 (The Great Escape)
16 Ocean of Light
17 기억을 걷는 시간 (Time Spent Walking Through Memories)
18 Love it when it rains
19 Dream Catcher
20 Grey Zone
-encore-
21 침묵의 역사 (History of Silence)
22 Slow Motion
23 꿈을 꾸는 꿈 (Lullaby)
NELL'S ROOM ปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมันควบคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม Colors In Black ไปในตัวมันเองด้วย ซึ่งปกติวงจะจัดแยก แต่ด้วยทามไลน์ของปีนี้คงไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เลยเดาได้อยู่แล้วว่า Setlist จะมีเพลงในอัลบั้มครบทั้ง 9 เพลงแน่นอน ซึ่งเป็นการแสดงสดเพลงในอัลบั้มใหม่ครั้งแรกด้วย ทีนี่ก็จะเหลือที่ให้เพลงอื่นๆอีกสิบกว่าเพลงเท่านั้น ในขณะที่เพลงเก่าๆที่เราอยากฟังสดนั้นมากมายมหาศาลไปหมด แล้วก็อยู่ในคอนปี 2018 ซะเยอะเชียว ก็เลยแอบเผื่อใจมานิดๆ ว่ามันอาจจะไม่ใช่ Setlist ในฝันขนาดนั้น
แต่พอมองรวมกับงานเพลงในอัลบั้ม Colors In Black งานสเตจดีไซน์ รวมถึงงานกลิ่นในฮอล์ ก็จะเข้าใจได้ ว่าเซทเพลงนี้มันเข้ากันไปหมด ถึงแม้จะได้เพลงที่อยากดูไม่ครบ (ซึ่งมันจะครบได้ยังไง ไม่มีทาง คิดอะไรอยู่วะตัวเรา) ซึ่งเราก็โอเคกับมันมากๆ ถือเป็น Setlist ที่ดีปีนึงเลย เป็นเพลงที่มีซาวด์เย็นๆเกือบหมด เป็นเซตเพลงช่วงยุคโพส Separation Anxiety (2008) เลือกใช้เซทที่เป็นอิเล็คทรอนิกส์เยอะ เต็มไปด้วยเพลงคูลๆ กับความโมเดิร์นในช่วงหลังที่มีอยู่ในเพลง NELL ที่เขาพูดกัน แทร็คในอัลบั้ม Newton's Appls (2014) เลยเยอะเป็นพิเศษ เพลงโซนร้อนแทบไม่ปรากฎ เพลงโซนเก่าที่คลาสสิคก็ไม่ปรากฎเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ได้เพลงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ฟังเพิ่มมาด้วย
เอาเข้าจริงๆ พอถึงเวลาที่อยู่ในฮอล์คอนเสิร์ตแล้ว มันเหมือนกับเป็นการนั่งรถไฟเหาะแล้วปล่อยให้วงพาไป จะตีลังกา ทิ้งดิ่ง ห้อยหัว ขึ้นสวรรค์ ลงนรก ทุกอย่างมันอยู่ในกำมือของวงหมด ซึ่งเราก็ยิมยอมพร้อมใจ และลืมเรื่อง setlist ในฝันไปเลย 5555555 วินาทีนั้น ต่อให้ร้อง 기억을 걷는 시간 สักสิบรอบ หรือ stay สักยี่สิบรอบ ก็จะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น เพราะพลังของดนตรีสดมันพิเศษเสมอ ต่อให้เคยฟังเพลงพวกนี้มาเป็นพันๆรอบแล้วก็ตาม
ส่วนสิ่งที่แตกต่างกันในแต่ละรอบการแสดงอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือบรรยากาศของผู้คน รอบแรกคึกคัก รอบสองคึกคักมาก รอบสามคึกคักสุดๆ ซึ่งปีนี้วงเล่นเพลงเหมือนกันทุกรอบ ไม่มีของแถมอะไรทั้งนั้น และในความรู้สึกของเราในแง่การแสดงคอนเสิร์ตปีนี้ รอบแรกเพอร์เฟคที่สุด หรืออาจเพราะเป็น first impression ด้วย แต่รู้สึกว่าเป๊ะไปหมดทุกอย่าง ช่วงพูดคุยแทรกน้อย ทำให้เวลากระชับมาก ในขณะที่รอบสุดท้ายจะเดอะเบสในแง่ความรู้สึก บรรยากาศจะผ่อนคลาย เป็นกันเองกว่า ทั้งคนเล่นและคนดู ช่วง ment จะแทรกมากกว่ารอบแรกๆ ด้วยซ้ำ ส่วนรอบที่สองจะบาลานซ์กันระหว่างสองตรงนี้ ซึ่งช่วง ment เนี่ยจะเป็นอะไรที่แฟนเพลงบันเทิงมาก เวลาวงพูดอะไร ก็จะมีเสียงหัวเราะเฮฮาตลอด เป็นอารมณ์ขันของสมาชิกแต่ละคนที่โคตรจะเป็นธรรมชาติ
ที่ต่างอีกอย่างคือ ตำแหน่งที่นั่งของการดูคอนเสิร์ต รอบแรกที่อยู่ชั้นสองแม้จะไกลไปหน่อย แต่มองเห็นทั้งสี่คน เห็นภาพโดยรวมของสเตจ เรียกว่างานดีไซน์ LED แสงสี ความสวยงามมันได้เต็มๆตา คือเก็บได้หมด ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าสำหรับคอนเสิร์ต NELL แล้วสิ่งพวกนี้สำคัญมาก คือแต่ละเพลง แต่ละงานดีไซน์ รู้เลยว่าผ่านการคิดมาเยอะ โคตรจะดีเทล เราจึงคิดว่าควรดูเพื่อเก็บโปรดักชั่นเต็มๆตาสักหนึ่งรอบ ซึ่งมันเพลินมาก มันขับดนตรีให้บียอนด์ขึ้นไปอีก แถมได้เก็บบรรยากาศรีแอคชั่นของคนดูด้านล่าง เป็นอะไรที่สนุกไปอีกแบบ
ในขณะที่โซน Floor ด้านล่าง หัวก็จะบังๆกันหน่อย ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา (นอกจากว่าจะได้ที่นั่งแถวหน้ามากๆ) มุมมองสายตาเราจะแคบเข้ามาด้วย เพราะฉะนั้นแสงสีงานดีไซน์ มันก็จะรับได้ไม่ครบมุม แต่เราจะได้สัมผัส และอยู่ท่ามกลางมัน อย่างพวกกระดาษโปรยเนี่ยจะได้รับอย่างหนาแน่น มีรอบสุดท้ายเพลงไหนจำไม่ได้แล้ว กระดาษโปรยพุ่งมาโดนหัวเราแบบติดมาเป็นปึกเล็กๆอ่ะ (สงสัยลอยมาด้วยพลังแห่งรัก 55555) อาจจะมองสมาชิกวงทั้งหมดได้ไม่ครบในคราวเดียว แต่โซนด้านล่างเนี่ย โคตรรรรรรสนุกกกกกกกกกก ไม่ใช่แค่การได้กระโดดโลดเต้นในเพลงเร็วอย่างเดียว กับเพลงช้า เพลงเศร้า มันก็ปะทะเราอย่างเต็มที่เหมือนกัน ซึ่งคนดูเป็นอะไรที่ดีมาก ช่วงเพลงเร็วก็จะสนุกเต็มที่ ส่วนช่วงเพลงช้า ก็จะตั้งใจฟังกันแบบเงียบสนิท นิ่งมาก สิ่งที่เคลื่อนไหวไปมีเพียงนักดนตรีทั้งสี่คน และเสียงเพลงเท่านั้น เป็นบรรยากาศคอนเสิร์ตในฝันเลย ชอบมาก โคตรดี คือคนมาดูคอนเสิร์ตเหมือนดูหนัง จดจ่อและซึมซับ ซึ่งเราก็คิดมาตลอดว่า NELL เวลาเรียง Setlist หรือเรียงเพลงในอัลบั้ม จะใช้หลักคิดคล้ายกับภาพยนต์เลย
ที่บรรยายมาทั้งหมด อาจจะดูอวยเว่อร์ก็จริง อันนี้ยอมรับ เราพูดคำว่าดีเป็นร้อยๆรอบได้มั้ง ในรีวิวตอนนี้ ซึ่งยาวเนอะ ทำไมยาวขนาดนี้ งง 555555 แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จากใจเลย ซึ่งต้องบอกก่อนว่าคอนเสิร์ตนี้เราไปด้วยความคาดหวังนะ คาดหวังกับวงไว้สูงมากด้วย ทั้งเรื่องเพลง การแสดงสด เรื่องซาวด์ สเตจ โปรดักชั่นทุกๆอย่าง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย ทั้งที่คาดหวังไว้สูงขนาดนั้น คะแนนกลับทะลุเกณฑ์ความดีงามทุกอย่างหมด แม้กระทั่งดีเทลเล็กๆน้อยๆ อย่างพวกกระดาษโปรยเนี่ย มันอัดกลิ่นน้ำหอมมาด้วย หอมมาก เก็บใส่ขวดโหลจนถึงตอนนี้เปิดทีไรกลิ่นยังคลุ้งอยู่เลย (อยากได้ room spray ว้อยยย) ซึ่งงานคอนเสิร์ต NELL กลิ่นในฮอล์ จะเป็นอะไรที่วงให้ความสำคัญเสมอ อย่าง NELL'S ROOM 2017 ที่สเตจดีไซน์เป็นกุหลาบ น้ำหอมที่ใช้อัดปีนั้นก็จะเป็นกลิ่นกุหลาบ ดูดิ ใส่ใจเนอะ
สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คงจะเป็นเพราะเพลงและดนตรีของ NELL ที่สามารถสร้างความมหัศจรรย์ได้มากมายขนาดนี้ พอยิ่งได้ดูการแสดงสดแล้วยิ่งรัก เทิดทูน บูชามากขึ้นไปอีก เล่นดีเหลือเกิน เอาอยู่ในทุกๆเพลง และเป็นวงดนตรีที่เล่นดนตรีก็คือเล่นจริงๆ แต่ละคนจะอยู่ประจำจุดของตัวเอง เล่นจบจงวาน Thank you คนดูปรบมือ เล่นเพลงต่อไป เล่นจบจงวาน Thank you คนดูปรบมือ เล่นเพลงต่อไป เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็น Rock Band ที่มีมูฟเม้นต์เล็กน้อยถึงพอปานกลาง ไม่โหวกเหวก ไม่เสียงดังโวยวาย ไม่วิ่งไปวิ่งมา ไม่ขอเสียงหน่อย ไม่ใดๆทั้งนั้น (อย่างมากก็แค่ยกมือ ชูไมค์ พยักหน้า อ่ะ ไหนร้องสิ) เพราะดนตรีของพวกเขามันพีคจนทำหน้าที่แทนไปหมดแล้ว
และคำว่าพลังของเวทีเนี่ย มันมีจริงๆ คิมจงวานเคยพูดถึงเรื่องนี้ในรายการวิทยุไว้ว่า ส่วนหนึ่งที่พวกเขาไม่จัด busking ก่อนหน้าก็เพราะเหตุนี้ เพราะ busking ไม่ใช้เวที ซึ่งเวทีจะเป็นเหมือนสถานที่อันเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ที่ทำให้นักดนตรีสามารถเซตอัพอารมณ์ให้ปะทุขึ้นมาได้เมื่อก้าวขึ้นไป รวมถึงลักษณะท่าทาง บุคลิก ความมั่นใจทุกอย่างจะปรากฎเมื่อยืนอยู่บนนั้น ซึ่งมันจริงมากๆ เพราะเมื่อพวกเขาทั้งสี่คนอยู่บนเวที ออร่าความเทพของศิลปินมันช่างรุนแรงเหนือคำบรรยาย
ลีจองฮุน
กับงานเบสเป็นอะไรที่ดีมากๆ และเซทเพลงครั้งนี้ ไลน์เบสเด่นเยอะเลย ดีสุดๆ บอสน่ารักอ่ะ ร่าเริง ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย ยิ้มทีนี่โลกสดใส ละมุนมาก นอกจากจะเป็นคอรัสชั้นดีแล้ว ยังเหมือนเป็นโฆษกของวงอีก เวลาที่เพื่อนเซตกีตาร์นู่นนี่ จองฮุนจะเป็นคนพูดกับคนดูถ่วงเวลาให้ตลอด ดีเนอะ
คิมจงวาน
เป็นคนที่มีรัศมีบารมีรุนแรงมาก นี่มันศาสดาโดยแท้ ตอนเพอร์ฟอร์มจะเหมือนเข้าโหมด หลับตาร้องเพลง แสดงออกไม่เยอะแต่มันดูขลัง มีอินเนอร์ต่อเพลงสูงมาก แต่พอเวลาอยู่เฉยๆ จะมีความนุ่มนิ่มนุ่มนวลหลุดออกมาจากไหนไม่รู้เฉย ส่วนผสมของพระเจ้าที่ให้มาคือแปลกมาก เป็นคนเทาๆ นิสัยโหด ดูเย็นชา แต่มีบุคลิกน่ารักซะงั้น
จองแจวอน
เป็นเหมือนผู้นำเชียร์ของวง ในขณะที่นักร้องนำไม่ทำหน้าที่บิ้วท์คนดูใดๆทั้งนั้น มือกลองของวงนี้จะทำแทนเอง ฮ่าาา ซึ่งมันเป็นบุคลิกที่สนุกสนานของแจวอนเองด้วย เป็นคนที่ทำให้บรรยากาศของแฟนเพลงครึกครื้นขึ้นไปอีก และเรารักไลน์กลองนายเหลือเกิน
ลีแจคยอง
เป็นคนเดียวในสี่คนนี้ที่เรารู้สึกว่าตัวจริงดูดีกว่าในรูป คือสามคนที่เหลือ เห็นในกล้องดูดีแบบไหน ตัวจริงอย่างก็ดูดีอย่างนั้นไง แต่ลีแจคยองคือดียยย์ สงสัยความสูงช่วยหนุนนำ ออร่าดารามันเลยจับ 5555 รู้สึกดีใจที่ได้มาเห็นลีลาท่าทางตอนเล่นกีตาร์ แล้วดูเป็นคนสุภาพ ใจดี ไนซ์กับแฟนเพลงมากๆ ตอนเดินออกเวทีแจคยองนี่แหละที่จะเดินช้า อ้อยอิ่งสุด ในขณะที่ฟรอนท์แมนเดินนำลิ่วๆๆเข้าไปแล้ว ฮ่าาาาาา
พูดได้เต็มปากเลยว่า CHISTMAS IN NELL'S ROOM 2019 'Colors In Black' เป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ที่เราได้ดูมาเลย การได้ดูวงดนตรีที่รักเล่นเพลงที่ชอบ ได้เป็นส่วนหนึ่งของมัน ได้ร้อง ได้ปรบมือ ได้กระโดดโลดเต้น ได้ร้องไห้ไปพร้อมๆกัน กับคนที่ชอบฟังเพลงแบบเดียวกัน ช่างน่ามหัศจรรย์เหนือคำบรรยาย มันสามารถเติมแรงพลัง เติมชีวิต เติมความหวัง สามารถเปลี่ยนสิ่งแย่ๆที่เจอมาทั้งปี ให้กลับดีขึ้นมาได้ รวมถึงความแย่ ความห่วย ความพังทุกอย่าง ที่อาจกำลังเรียงคิวกันเข้ามาในปีหน้า เพียงแค่คิดถึงความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ความอิ่มเอมใจก็คงจะสามารถต้านทานมันให้หมดไปได้
ขอบคุณ NELL ที่ได้มอบความทรงจำอันแสนมีค่า
ขอบคุณที่ยังคงผลิตงานเพลงดีๆ จัดงานคอนเสิร์ตดีๆ และอยู่ด้วยกันมายาวนานขนาดนี้
มันมีความหมายต่อเรามากๆ
ขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองไปดูสักที
ตัดสินใจแน่วแน่ เฉียบขาดมาก แกทำดีแล้ว ทำดีมากกกกกก
และก็ได้ค้นพบว่า
สำหรับวงดนตรีที่ชอบนั้น ประโยคที่ว่า
"ขอแค่ได้ดูสดสักครั้งหนึ่งในชีวิต"
มันคงไม่พอ
2019 นี่มันดีจริงๆ
;)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in