1919 words
#เนี่ยวอ๋งกับกิ้ม
note : คุณ ตอนแรกเราคิดไม่ออกว่าจะแต่งอะไรค่ะ ฮา
แต่อยากลองแต่ง AU บ้าง เลยประเดิมด้วยตอนสั้นๆ
ถ้ามันออกทะเล จนเอ๊ะไป ก็ตำหนิติเตียนกันได้เต็มที่เลยนะคะ
*with love*
เด็กเรเวนคลอเป็นพวกประหลาด
ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งแต่ทั้งหมดนั่น สมองของเด็กพวกนั้นทำงานไม่หยุดหย่อน คิดค้นบางอย่างตลอดเวลา เหมือนนักวิจัย
เขานับถือความคิดของนักปรัชญาหรือพวกรัฐมนตรีในกระทรวงเวทมนตร์ที่แปะป้ายเรเวนคลอไว้ตรงหน้าผาก
แต่กับใครบางคนก็ดูประหลาดเกินกว่าจะน่ายกย่อง
คังดาเนียลมองตามเด็กเรเวนคลอคนหนึ่งที่หอบหนังสือห้าเล่มไว้ในอ้อมแขน แล้ววิ่งทุลักทุเลเข้ามาในห้องอาหาร
“ฉันกลัวหมอนั่นจะสะดุดผ้าคลุมตัวเองเข้าสักวัน” อูจินกระซิบบอกเขา
“พวกนั้นมันพวกประหลาด” มินฮยอนเสริม
“ฉันเห็นด้วย โดยเฉพาะเด็กนั่น” ซูจองบอกทั้งที่เคี้ยวทาร์ตอยู่เต็มปาก
“เขาชื่ออะไร” ดาเนียลถามขึ้นบ้าง สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เด็กประหลาดคนนั้น
“เคราเมอร์ลิน— ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหม” มินฮยอนตาโต “นายไม่รู้จักหมอนั่น ทั้งที่เราพูดเรื่องนี้มาสองรอบ— หรือบางทีอาจจะสาม”
เขายักไหล่ ซูจองส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ ส่วนอูจินอ้าปากหวอจนน่าเกลียด
“ฉันว่าวันหลังหมอนี่ไม่ควรอยู่ในวงสนทนา”
“เฮ้ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าพวกนายพูดถึงใคร”
“ใช่ นายก็แค่รู้ว่าพวกเรานินทาเด็กแว่นเรเวนคลอคนนั้น”
“องซองอู” อูจินเฉลยในที่สุด
“หมอนั่นไม่มีเพื่อนคบหรือไง” มินฮยอนเลิกคิ้ว เขาเอี้ยวตัวไปมองซองอู แล้วหัวเราะ
“ไม่มีเพื่อนคบแบบไหน แบบที่นั่งกินพายอยู่คนเดียวกับกองหนังสือน่ะหรือ” ซูจองหัวเราะจนทาร์ตติดคอ ทำเหมือนเหตุการณ์ที่ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก
“นายอยู่ฮอกวอร์ตมาจนป่านนี้ได้ยังไง”
“มองสิ เด็กเรเวนคลอจะคุยกันแค่ตอนสมองแล่น นายเห็นไหม” มินฮยอนแอบชี้นิ้วไปทางซ้าย ที่มีเด็กผู้หญิงสองสามคนจับกลุ่มคุยกัน
“องซองอูก็เป็นแบบนั้น เพียงแต่เขามีช่วงเวลานั้นไม่บ่อยเท่าไหร่” ซูจองหัวเราะ
“ฉันหมายถึงเด็กเรเวนคลอคนอื่นสมองแล่นไม่ทันเขา”
ดาเนียลพยักหน้าอย่างเข้าใจ“หมายถึง เขาฉลาดจนพูดไม่รู้เรื่อง —ใช่ไหม”
“ถูกเผง”
ดาเนียลลงเรียนวิชามักเกิ้ลศึกษากับอูจิน ส่วนมินฮยอนกับซูจองลงเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์กับศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์
ในห้องเรียนวิชามักเกิ้ลศึกษามีเด็กกริฟฟินดอร์เกินครึ่ง เหมือนจะมีทุกบ้าน เว้นแต่สลิธีริน อ้อ – ดูเหมือนเรเวนคลอก็ด้วย
ปัง!
เสียงประตูดังลั่นสะกดทุกสายตาเอาไว้มีนักเรียนเข้ามาเพิ่ม เด็กเรเวนคลอคนนั้น
ซองอูหอบจนหน้าแดงไปหมด หมอนั่นเลือกจะนั่งโต๊ะทางด้านซ้ายมือของพวกเขา – ที่อยู่ด้านหลังสุดของห้อง
ระหว่างเรียนซองอูจดตามไปด้วยเหมือนเป็นการสรุปตลอดทั้งคาบ
“หมอนั่นตั้งใจเรียนจนฉันกลัวไปหมด” อูจินทำหน้าประหลาดเหมือนตอนที่เขาเล่าเรื่องขี้มูกของโทรลล์
“จับกลุ่มสามคน อภิปรายการดำเนินชีวิตของมักเกิ้ลในคาบต่อไป เท่านี้ ขอบคุณ” ศาสตราจารย์กล่าวเป็นครั้งสุดท้าย
เด็กกริฟฟินดอร์มีเพื่อนอยู่เป็นฝูง พวกเขาเข้ากลุ่มกันอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะ เธอมีกลุ่มหรือยัง” อูจินสะกิดคนข้างหน้า
“ฉันมีแล้ว ตรงนั้น” เธอชี้ไปที่ผู้หญิงผมหยิกกับผู้หญิงผมทองที่กำลังเก็บของอยู่
“นี่ขอโทษนะ—”
“กลุ่มฉันคนครบแล้วดาเนียล”
“ให้ตายเถอะ” อูจินสบถอย่างหัวเสีย ในห้องเรียนเหลือกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ที่พวกเธอเล็งกันไว้ตั้งแต่ศาสตราจารย์ขยับปากสั่งงาน และเขา อูจิน กับเด็กเรเวนคลอด้านซ้ายมือที่กำลังเดินตรงมา
“ขอโทษนะ กลุ่มพวกนายครบหรือยัง” อูจินกระแทกไหล่เขาเหมือนผลักความรับผิดชอบให้ตอบไป
“ยัง ยังไม่ครบ ขาดอีกคน” เขาบอก
“ถ้าอย่างนั้น ฉันอยู่ด้วยได้ไหม” อูจินฝืนยิ้มให้แต่เขาพยักหน้าตกลง
สิ้นธุระ ซองอูก็เดินหายลับไป
“นี่คังดาเนียล!”
“ฉันไม่รู้ว่านายกลัวอะไร แต่หมอนั่นก็แค่เด็กคนหนึ่ง”
“หมอนั่นประหลาด พวกเราพูดกรอกหูนายทุกวัน” อูจินชี้หน้าเขา
“ประหลาดตรงไหน แค่หนอนหนังสือน่ะ” เขายักไหล่
อูจินหมดคำจะพูดเขาเดินนำออกจากห้อง ทิ้งดาเนียลไว้กับสาวๆ อีกสามคน
“ประหลาดตรงไหนกัน ตอนเรียนก็แทบจะหลับเหมือนพวกเราทั้งนั้น”
เขาเห็นองซองอูเท้าแขนไว้บนโต๊ะ ตาปรือเหมือนกับคนอดหลับอดนอน ตอนต้นคาบเพียงแต่คงมีแค่เขาที่สังเกตเห็น
“พวกนายอยู่กลุ่มเดียวกับหมอนั่น” ซูจองอุดปาก
“ฉันไม่ได้อยากยุ่ง แต่ดาเนียลดึงมา” อูจินโยนความผิดมาให้เขา
“เขาก็ไม่ได้ประหลาดจนไม่น่าเข้าใกล้”
“พวกนายคิดไปเอง”
“เดินมานั่นแล้ว” มินฮยอนกระซิบบอก
ซองอูหอบหนังสือมาเช่นเคยแต่ครั้งนี้น้อยกว่า เขาไม่ได้เดินไปที่โต๊ะอาหารของเรเวนคลอในทันทีแต่เดินตรงมาทางพวกเขา
ซูจองจิกมืออูจินไว้แน่นจนเป็นรอย
“ขอฉันร่วมโต๊ะสักห้านาที” มินฮยอนยิ้มแหยๆแล้วเชิญซองอูนั่งที่ข้างเขา
“ฉันไปยืมหนังสือจากห้องสมุดมาให้ เกี่ยวกับมักเกิ้ล” ซองอูยื่นหนังสือให้เขาและอูจิน
“เรื่องที่นายถืออยู่เกี่ยวกับอาชีพในโลกมักเกิ้ล” ซองอูชี้หนังสือในมือของเขา
“ส่วนของนาย” – หมายถึงหนังสืออีกเล่มในมืออูจิน “เกี่ยวกับบันทึกของพ่อมดที่ไปแฝงตัวในหมู่มักเกิ้ล”
“แล้วของนายล่ะ” อูจินถาม
“ของฉันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มักเกิ้ล” ซองอูยิ้ม
“บางทีเราอาจจะมีเวลาคุยกันสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“อ้อใช่ เป็นตอนเย็น – หลังทานข้าว ที่นี่ ดีไหม” ดาเนียลเสนอ
“ตกลง”
“ฉันบอกแล้วว่าดาเนียลน่ะดึงมา”
“ฉันคิดว่าพวกนายจะไม่คิดว่าเขาเป็นพวกประหลาดแล้ว”
“ฉันสาบานว่าฉันไม่เคยเห็นหนังสือพวกนี้เลย แม้ว่าฉันจะสนใจพวกมักเกิ้ลอยู่ตลอดเวลา” มินฮยอนพูดขึ้น
“หมอนั่นอาจจะอ่านหนังสือทุกเล่มในฮอกวอร์ตแล้วก็ได้”
“นั่นแหละ เขาถึงได้ฉลาดจนน่ากลัวไงล่ะ”
“มักเกิ้ลมีการดำเนินชีวิตที่เป็นกิจจะลักษณะ” อูจินพูด
“เห็นด้วย” ซองอูเขียนลงไปในสมุดของตัวเอง
“อย่างเช่น มักเกิ้ลผู้ใหญ่จะออกไปทำงานตอนเก้าโมง หรือบางทีแปดโมง”
“ใช่ – ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่” ซองอูยิ้มให้กับคำพูดของอูจิน
อูจินสะกิดเขายิกๆ ดาเนียลเห็นเพื่อนของเขากลั้นยิ้ม
“ฉันว่าซองอูน่ารักกว่าที่คิดไว้” อูจินกระซิบบอก เขาพยักหน้าเห็นด้วย
“ดาเนียล” ซองอูเงยหน้ามามองเขา “อยากเสริมอะไรไหม”
“พวกมักเกิ้ลมีพื้นฐานการใช้ชีวิตบนกฎหมาย แต่บางคนก็เลือกที่จะแหกกฎ” ซองอูหัวเราะ – ส่วนอูจินหน้าแดงไปแล้ว
“ใช่ ไม่ผิดไปจากเราเลย พวกเราบางคนก็เป็นแบบนั้น”
ซองอูสรุปสิ่งที่ศาสตราจารย์บิ๊กวิกต้องการ ให้พวกเขาฟังจนในที่สุดก็ร้องอ๋อออกมา
“ศาสตราจารย์ต้องการให้เราเห็นว่า มักเกิ้ลกับพ่อมดแบบเรามีการดำเนินชีวิตไม่ต่างกัน ต้องมีกฎระเบียบ และต้องการอิสระเพียงแต่มักเกิ้ลไม่รับรู้การมีอยู่ของเราเท่านั้น”
“เว้นแต่พ่อมดแม่มดที่ถูกรับเลือกในครอบครัวมักเกิ้ล”
“บางทีมักเกิ้ลก็น่ากลัว” อูจินพูด ซองอูพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย
“มันสมองของพวกเขาน่ากลัว”
“แต่บางทีพวกเราบางคนก็น่ากลัวกว่ามักเกิ้ล ถึงแม้จะไม่มีสมอง” ดาเนียลหัวเราะเสียงดังลั่น จนอูจินต้องตบหลังเพื่อหยุดเขา
“คำพูดของนายฉลาด” ดาเนียลเอ่ยชม
“ขอบคุณ บางทีมันก็ติดมาจากหนังสือที่ฉันอ่าน”
“นายน่ารัก” อูจินพลั้งปาก ซองอูจ้องหน้าเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร เขาก็เหมือนกัน –
“อา หมายถึงว่านายดูเป็นมิตรน่ะ” อูจินหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดตัวเอง
“เป็นเกียรติมาก ไม่ค่อยจะมีคนชมฉันแบบนี้เท่าไหร่” ซองอูหัวเราะจนตาหยี
“ซองอูน่ารักจริงๆ นั่นแหละ” อูจินกระซิบบอกเขาอีกรอบจนดาเนียลเบื่อจะฟัง
“นี่ตอนเขายิ้มน่ะน่ารักมาก”
“เขาดูดีมากตอนที่อ่านหนังสือ”
“เขาดูแปลกประหลาดไหม” ซูจองถาม
“ไม่ ปกติมากจนฉันไม่รู้ว่าเรานินทาเขาแบบนั้นได้ยังไง”
มินฮยอนทำหน้าไม่เชื่อ เหมือนกับอูจินโดนล้างสมองด้วยการปรุงยาผิดสูตร
“นั่นเรื่องจริงใช่ไหม” มินฮยอนถามเขา
“ซองอูดูฉลาดมากๆ ตอนที่เขาพูด”
“เหมือนกับนักปราชญ์ สายตาเฉียบแหลม เข้าใจประเด็นหลักของการทำงาน” อูจินตอบแทนเขาจนหมดด้วยสายตาชื่นชมอย่างเต็มเปี่ยม
“หมอนี่โดนน้ำยาลุ่มหลงหรือเปล่า” ซูจองกระซิบ
“อาจจะโดนความฉลาดของซองอูแทงสมอง” เขาว่า
ในวิชาคาถา องซองอูขึ้นอันดับหนึ่งในการร่ายมนตร์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับนักเรียน
ส่วนในวิชาปรุงยาเขาเป็นที่หนึ่งของการทดสอบการปรุงน้ำยาแห่งความตายโดยไม่ต้องใช้หนังสือของเจ้าชายเลือดผสม
ในวิชามักเกิ้ลศึกษาเขาถามตอบกับศาสตราจารย์บิ๊กวิกอย่างออกรสชาติและมีเหตุผลประกอบที่ฟังดูฉลาดหลักแหลม
“นายจะเก่งเกินไปแล้วซองอู” ซูจองเหน็บแนม แต่ซองอูทำเพียงแค่ยิ้มหวานส่งให้
เราสนิทกันมากขึ้นรวมถึงมินฮยอน กับซูจองด้วย หลังจากการทำงานกลุ่มร่วมกันคราวนั้น
“ฉันสงสัยจริงๆ ว่าทำไมพวกเรเวนคลอถึงไม่อยากยุ่งกับนาย”
“คนพวกนั้นกลัวว่าฉันจะแย่งที่หนึ่งจากพวกเขา ถ้ารวมหัวกันถกเถียงในแต่ละรายวิชา”
“ก้นบึ้งของเรเวนคลอ อะไรแบบนั้น”
“ไม่เชิง พวกเขาแค่อาจจะไม่รู้วิธีเข้าหาฉันก็ได้”
ซูจองย่นจมูกแล้วผลักซองอูไปอีกทาง “นายควรมองโลกให้เป็นสีเทาบ้าง”
“เห็นด้วย” อูจินพยักหน้าเสริม
ในปีนี้ควิดดิชของเรเวนคลอขึ้นมาเป็นที่สองรองจากพวกเขา – กริฟฟินดอร์ ด้วยการวางแผนอย่างฉลาดหลักแหลมขององซองอู
สุนทรพจน์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับมักเกิ้ลของเขาเป็นที่หนึ่ง และได้รับคำชื่นชมล้นหลามทั้งจากอาจารย์ใหญ่และศาสตราจารย์ประจำวิชามักเกิ้ลศึกษา
องซองอูแก้ปริศนาในฮอกวอร์ตได้อย่างไม่ยากลำบาก ที่แม้แต่เด็กปีสี่ก็ยังไขไม่ได้ แล้วบอกว่า “ฉันอ่านจากหนังสือเอาทั้งนั้น”
อีกอย่าง—ไม่กี่วันมานี้ องซองอูเพิ่งเปิดเผยความสามารถอีกหนึ่งให้เขารู้
เด็กเรเวนคลอคนนั้นจูบเก่งเป็นบ้า เหมือนกับจุมพิตของผู้คุมวิญญาณเพียง แต่เต็มไปด้วยความละมุนละไมในโพรงปากของพวกเขา
“อันนี้คงไม่ใช่อ่านมาจากหนังสือ”
ซองอูหัวเราะ “อาจจะเป็นความลับ”
อ้อ –ความสามารถในการหลีกเลี่ยงการพูดความจริงก็แทบจะเป็นที่หนึ่งด้วยเหมือนกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in