บทที่ 7
นักแกะสลัก
สองเดือนผ่านไปนับจากวันที่ตำรวจพบศพของฉัน การสืบสวนยังคงไร้ความคืบหน้า สิ่งที่พวกเขารู้คือเป็นผลงานของฆาตกรต่อเนื่องที่เริ่มก่อคดีเมื่อปลายปีที่แล้ว เท่าที่รู้คือฆาตกรฆ่าคนไปแล้วสองคนก่อนหน้าฉัน และทิ้งศพในอีสต์ รีเวอร์ ตำรวจเคยมีผู้ต้องสงสัย แต่พวกเขามีหลักฐานที่อยู่แน่นหนาถึงต้องปล่อยไป คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย เขาเตรียมตัวมาดี เขารอบคอบ ตำรวจไม่อยากตั้งฉายาให้เพราะเขาเป็นแค่ฆาตกรที่ต้องจับตัวให้ได้ แต่นักข่าวเรียกเขาว่า ‘นักแกะสลัก’ เพราะเขามักสลักข้อความทิ้งไว้บนตัวของเหยื่อด้วยมีดพก
บนร่างกายของฉันสลักคำว่าจับฉันสิ
เขาท้าทายกฎหมาย เขาบ้าบิ่นและฉลาดเป็นกรด ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่มีใครรู้นอกจากฉัน
สามสัปดาห์ก่อน ฉันพยายามติดต่อสายสืบคาร์ฮาร์ต ตอนที่ออกัสและฉันต้องไปรับดวงวิญญาณของเด็กชายที่โดนรถชนตอนขี่จักรยาน ปรากฏว่ามันอยู่ในย่านเดียวกันกับบ้านของสายสืบ
คาร์ฮาร์ตอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้นกับแฟนสาว เธอน่าจะอ่อนกว่าเขาและคงรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน เธอเป็นคนเห็นเหตุการณ์และโทรเรียกรถพยาบาล เด็กชายเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยมีออกัสอยู่กับเขา
ฉันอยู่ที่เกิดเหตุต่อ รับปากกับออกัสว่าจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น สายสืบคาร์ฮาร์ตคุยกับคนขับรถ เขาไม่ได้หนีและหยุดรถเพื่อดูเด็กชาย เขาตกใจ แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตำรวจนำตัวเขาไปที่โรงพัก คาร์ฮาร์ตไม่ได้ตามไปเพราะอยู่นอกเวลางาน
ฉันเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน เขากำลังกินมื้อเย็นกับแฟนสาว ฉันไม่อยากรบกวนพวกเขาในห้องอาหารจึงเดินดูรอบ ๆ แทน ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังได้ยินบทสนทนา แฟนสาวเป็นห่วงเรื่องงานของเขา แต่เขาอยากเปลี่ยนเรื่องซึ่งฉันอดไม่ได้ที่จะมอง
“ผมจะไม่พูดเรื่องคดีกับคุณนะ แคโรไลน์ เราจะไม่คุยเรื่องงานในบ้านหลังนี้”
“แต่คุณพางานกลับมาที่บ้านนะเอียน ตลอดเวลาเลย คุณใช้เวลาทั้งเช้า ทั้งค่ำ หรือตอนไหนก็ตามที่คุณอยู่ในบ้านในห้องทำงานนั่น แถมคุณยังล็อคห้อง”
“คุณไม่ควรเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น”
“ฉันรู้ว่าคุณพยายามปกป้องฉันจากคดีสยดสยองพวกนั้น” เธอยื่นมือไปลูบหลังมือของเขาบนโต๊ะอาหาร “แต่คุณต้องพัก ต้องใช้เวลากับอย่างอื่นบ้าง ฉันไม่ได้ขอให้คุณหยุดทำงาน คุณต้องการความยุติธรรมให้ผู้หญิงเหล่านั้น และคุณจะไม่หยุดจนกว่าคุณจะหาคนร้ายพบ ฉันเข้าใจ และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรักคุณ แต่ฉันไม่อยากเสียคุณไป”
พวกเขาจับมือกัน ปลายนิ้วประสานกันแน่น มันถึงคิวที่ฉันต้องปล่อยให้พวกเขาอยู่ตามลำพัง ฉันเดินไปห้องทำงานที่แคโรไลน์พูดถึง เป็นห้องเดียวที่ประตูปิดสนิท ฉันไม่จำเป็นต้องเปิดประตูเพื่อเข้าไปด้านใน ฉันแค่เดินทะลุประตูไปเท่านั้น
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมแฟนสาวถึงต้องเป็นห่วง และคาร์ฮาร์ตต้องล็อคประตู ภายในห้องเต็มไปด้วยกล่องและไฟล์ สิ่งหนึ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือ บอร์ดขนาดใหญ่บนผนัง ปิดทับไปด้วยภาพจากสถานที่เกิดเหตุ โน้ตที่เขียนด้วยมือของเขา ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วยด้ายแดง
ภาพหน้าตรงของฉันอยู่บนนั้น มันเป็นภาพติดแฟ้มประวัติงานของฉัน ภาพเดียวบนบอร์ดที่ฉันยังดูเหมือนฉัน ภาพอื่น ๆ มาจากการชันสูตร ภาพผ้าขาวและเชือก จุดศูนย์กลางเป็นกระดาษโน้ตพร้อมเครื่องหมายคำถาม
ผู้หญิงสองคนก่อนหน้าฉันก็อยู่บนบอร์ดด้วย พวกเขาคล้ายฉันมาก ทั้งผมยาวสีบรูเน็ต ทั้งส่วนสูง และอายุที่ไล่เลี่ยกัน ถึงมันจะเป็นแค่สองวันที่ฉันย้ายมาที่นิวยอร์ก ฉันก็ไม่ได้โดนสุ่ม ฉันตรงกับโปรไฟล์ของเขา คาร์ฮาร์ตเองก็รู้ และเขียนจุดร่วมทั้งสามที่ฉันเห็นติดไว้บนบอร์ด เขาเชื่อว่าชายคนนี้อาศัยอยู่ในเมือง หรือไม่ก็ทำงานใกล้อีสต์ รีเวอร์
ภาพถ่ายหน้าท้องของฉันติดอยู่บนบอร์ดจับฉันสิ ถูกสลักไว้ด้วยมีด ฉันสงสัยว่าเขาทิ้งข้อความอะไรไว้บนศพของผู้หญิงก่อนหน้า เจสซี่และเคธ
คาร์ฮาร์ตเชื่อว่าเจสซี่เป็นเหยื่อรายแรก เธอถูกพบเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว ข้อความบนตัวเธอเขียนว่า ‘ของฉัน’ ตัวอักษรที่สลักลงบนร่างกายยังไม่ประณีตเท่าของฉันหรือของเคธ เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศและโดนรัดคอ ลายมือของคาร์ฮาร์ตระบุว่าต่างหูของเธอหายไป
เคธถูกพบเมื่อ 30 กรกฎาคม ปีนี้ รูปแบบนั้นเหมือนกันแต่พวกเขาหาที่เกิดเหตุไม่พบ สิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นคนเดียวกันคือข้อความบนท้องที่สลักว่า‘ฉันกลับมาแล้ว’ สร้อยคอของเธอหายไป
ตอนนั้นฉันมั่นใจเลยว่า ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องลงมืออีก เขาท้าทายตำรวจ เขาอยากเป็นที่รู้จัก ฉันเป็นหนึ่งในชุดสะสมของเขา เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
ฉันมองไปรอบห้อง เห็นโพสต์อิทและปากกาอยู่บนโต๊ะ ฉันยังจำทะเบียนรถของเขาได้ราวกับเป็นวันเกิดของตัวเอง ฉันควรทิ้งโน้ตให้สายสืบเพื่อพาเขาไปหาฆาตกร มันไม่ใช่ว่าฉันช่วยฉัน หรือทำอะไรร้ายแรงโดยตรง
มันคงไม่เป็นไร แต่ออกัสไม่คิดแบบนั้น เขาปรากฏตัวจังหวะเดียวกันกับที่ฉันกำลังจะหยิบปากกา
“เธอทำได้ดีแล้ว อย่าทำให้มันแย่ลงสิ”
“ฉันแค่...”
ออกัสปิดปากฉันด้วยสายตาคมกล้า
เขาเห็นบอร์ดด้านหลังฉัน และมีบางอย่างในตาของเขาที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งในใจฉันอยากกระตุ้นเขา บอกเขาว่านั่นแหละเป็นเหตุผลที่ฉันต้องหาฆาตกร แต่ฉันรู้ว่ามันจะไม่ได้ผล เขาไม่ชอบให้ใครมาสั่ง ออกัสต้องตระหนักได้เองว่าจะต้องหยุดฆาตกร ฉันรู้ว่ามันกลายเป็นเรื่องส่วนตัวสำหรับเขา ทันทีที่สายตาของเขาจ้องมองภาพถ่ายของฉันบนบอร์ด
ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อยคล้ายต้องการพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ
“ไปเถอะ”
เราเดินทางกลับเจอริโก้ และนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นสายสืบคาร์ฮาร์ต
ฉันฆ่าเวลาด้วยการขี่ม้าจำลองของม้าหมุน ถีบเรือเป็ดบนทะเลสาบ ยิงปืนกับออกัส หรือไม่ก็คุยกับแมนดี้ เธอกับฉันลองขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาครั้งหนึ่ง และครั้งเดียวก็เพียงพอสำหรับเราทั้งคู่
“มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกบ้างไหม”
“เบื่อแล้วเหรอ พี่อยู่มาไม่ถึงสามเดือนก็เบื่อแล้วเหรอ นี่พี่จะรอดไหมเนี่ย”
เธอบ่นเหมือนคนแก่ทั้งที่อายุน้อยกว่าฉันเยอะ
“เรามีโทรทัศน์ไหม หรือดีวีดี หรืออะไรก็ได้”
“อืม...เรามีอะไรก็ได้”
“อะไรล่ะ”
“หนังสือ ที่นี่มีห้องสมุด” เธอเบาเสียงลงราวกับจะมีใครได้ยิน “จริง ๆ แล้วเราไม่ควรนำสิ่งของจากฝั่งนั้นกลับมาที่เจอริโก้ แต่สหายผู้กล้าของเรา ขอสรรเสริญพวกเขาและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่แอบลักลอบนำหนังสือทีละเล่มสองเล่ม กลับมาที่ห้องสมุดขณะออกไปรับดวงวิญญาณ หนังสือพวกนั้นเป็นของผู้ตาย
“ห้องสมุดอยู่ไหนเหรอ”
“ในที่ ๆ ไม่มีใครอยากเข้าไป”
“บ้านผีสิง”
เธอฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่ใช่ยมทูตทุกคนจะรู้เรื่องห้องสมุดนะ พี่โชคดีมากที่เป็นเพื่อนกับฉัน แล้วฉันก็ชอบพี่ด้วย เพราะงั้นฉันจะพาพี่ไปเอง”
“แต่มันมีผู้ชายเฝ้าอยู่ด้านนอก เขาเอาแต่ถามว่า อยากเห็นเพื่อนผมไหม น่ากลัวออก”
“อ้อ นั่นอเล็กซ์ เขาเป็นผู้เฝ้าประตูของเรา เขาเป็นคนดีนะ เขาแค่...”
เธอพูดทิ้งไว้อย่างนั้น แล้วก็ไม่ยอมอธิบายอะไรต่อ
อเล็กซ์ส่งยิ้มให้ทันทีที่เห็นแมนดี้กับฉันเดินมาถึงบ้านผีสิง
“แมนดี้! อยากเห็นเพื่อนผมไหม”
“ไม่ อเล็กซ์ ฉันมานี่เพื่อโชว์ เธอก็รู้ว่าฉันพูดถึงอะไร ให้เพื่อนฉันเห็น”
“โอ้! เยี่ยมเลย! คุณต้องชอบมันแน่” อเล็กซ์หันมาส่งยิ้มให้ฉัน
พอได้เห็นใบหน้าของเขาใกล้ ๆ ฉันถึงได้เห็นรอยแผลเป็นที่ขมับซ้าย เป็นรอยบากลึกที่เกิดจากมีด เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นด้วยฝีมือของเขาเอง
“เข้ามาเร็ว ลิลิธ”
ฉันพยักหน้าให้อเล็กซ์ แล้วตามแมนดี้เข้าไปด้านในปากของแดรกคูล่า
การตกแต่งภายในน่าทึ่งมาก แตกต่างจากภายนอกลิบลับ ฉันรู้สึกเหมือนเดินเข้ามาในปราสาทที่เต็มไปด้วยเครื่องทองส่องแสงระยิบระยับ โคมระย้าหรูหราที่ทางเข้าทำจากคริสตัล เงาสะท้อนของมันยิ่งใหญ่อลังการณ์ บันไดแยกออกเป็นสองทางตรงกลาง ราวจับเป็นทองและบันไดปูด้วยพรมแดง
เราไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนหรอกนะ แมนดี้พาฉันไปยังประตูด้านหลังบันได มุ่งหน้าสู่ห้องสมุด มันไม่เชิงว่าเป็นห้องสมุดเสียทีเดียว เหมือนเป็นกรีนเฮ้าส์ขนาดใหญ่มากกว่า เราสามารถชมดอกไม้และพืชพันธุ์นานาชนิดพร้อมไปกับการอ่านหนังสือ มียมทูตสามคนอยู่ที่นั่น หนึ่งในนั้นคือออกัส นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นหนอนหนังสือ
“เรามีหนังสือแบบไหนบ้างเหรอ”
“เรามีทั้งนิยาย หนังสือสารคดี หนังสือการ์ตูน หนังสือเรียน เรามีหนังสือเด็กที่เป็นแบบภาพสีด้วยนะ พี่อาจจะเจออะไรน่าสนใจก็ได้” แมนดี้หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้น มันเป็นสมุดภาพเด็กที่มีสิงโตและหนูอยู่บนปก “หนังสือเด็กพวกนี้สนุกและน่ารักดี พี่ต้องการเรื่องแบบนี้แหละเวลาอยู่ที่นี่ ฉันว่ามันมียีราฟอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันยากที่จะหาหนังสือเจอเพราะยมทูตไม่ยอมเก็บหนังสือกลับที่เดิม พี่จะหยิบกี่เล่มก็ได้นะ แต่เอาติดตัวไปไม่ได้ หนังสือต้องอยู่ในนี้เท่านั้น ไม่งั้นที่นี่จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป”
“ตกลง”
“ดีมาก อ่านให้สนุกนะ ลิลิธ ฉันต้องไปทำงานละ”
ระหว่างขาออก แมนดี้โบกมือให้หนึ่งในยมทูตที่นั่งข้างประตู
ฉันเดินไปรอบ ๆ ชั้นวางหนังสือ ห้องสมุดคงเป็นที่ฆ่าเวลาในเจอริโก้ได้เป็นอย่างดีระหว่างรอรายชื่อจากเดธ ถ้ารู้ว่ามีที่แบบนี้ ฉันคงหยิบหนังสือจากที่บ้านมาด้วย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฉันยังอ่านไม่จบ
ในเมื่อตามชั้นไม่มีป้ายบอกประเภทหนังสือ ฉันเลยหยิบดูมั่ว ๆ โดยเลือกจากสัน แล้วถ้าหน้าปกหรือชื่อเรื่องน่าสนใจก็จะเก็บ ถ้าไม่ก็วางกลับที่เก่า พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองเดินนานเกินไปแล้ว ฉันมีหนังสือเด็กสองเล่มและการ์ตูนหนึ่งเล่ม ฉันควรหาที่นั่งแล้วเริ่มอ่าน
โต๊ะไม้ยาวกับม้านั่งตรงกลางห้องไม่มีใครจับจอง ออกัสนั่งบนเก้าอี้สวนสีครีมข้างหน้าต่าง เขาจดจ่อกับหนังสือในมือที่อ่านจนไม่ทันสังเกตเห็นฉัน มันน่ายินดีที่ได้เห็นเขาสงบและผ่อนคลาย ที่สำคัญคือได้เห็นเขาแสดงความสนใจกับอะไรบางอย่าง ฉันอยากรู้ว่าเขาชอบหนังสือแบบไหน เรื่องราวแบบไหนที่กะเทาะหัวใจเย็นชาของเขาได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in