บทที่ 5
บทลงโทษ
เซลีน่า เกรซ เบนเน็ตต์
2กันยายน เวลา 00:45 น. ถนนฟลัชชิงตัดกับบรอดเวย์, บรูคลิน ชนแล้วหนี
ตำแหน่งปัจจุบัน: สะพานวิลเลียมส์เบิร์ก
ภาพของถนนฟลัชชิงแวบเข้ามาในสมอง ฉันเห็นสี่แยกใต้สะพาน ป้ายร้านสักทางด้านหน้า และป้ายร้านขายเครื่องกีฬาอยู่อีกฝั่ง ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังข้ามถนนขณะที่รถยนต์สีน้ำเงินวิ่งฝ่าไฟแดงมาชนเธอ เสียงล้อรถเบียดถนนดังก้องในหู ร่างกายของเธอลอยไปเป็นเมตร เธอพยายามขยับตัว ขาของเธอกระตุก และปากของเธอเผยอหาอากาศ
ฉันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองสั่นไม่หยุด ฉันเพิ่งเห็นเหตุการณ์รถชนคนตาย ก่อนจะนึกได้ว่ามันอยู่ในหัวของฉัน และยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“ออกัส ฉันได้รับชื่อ” เสียงของฉันแหบแห้งจนแทบจำไม่ได้ “ออกัส”
ออกัสได้ยินจึงเดินกลับมาหาฉัน เขาอ่านข้อความบนเศษกระดาษ
“เธอรู้ไหมว่ามันอยู่ไหน”
“สถานที่นั้นมันโผล่เข้ามาในหัว แต่ฉันไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน แล้วฉันเห็นผู้หญิงคนนี้โดนรถชน คุณเห็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอเวลาได้รับชื่อ”
“เดี๋ยวก็ชิน”
ฉันอยากรู้ว่าเขาเห็นอะไรตอนที่ชื่อของฉันปรากฏขึ้นมา เขามีปฏิกิริยาอย่างไร ความรู้สึกแบบไหน เขานิ่งเฉยได้อย่างไรหลังจากได้เห็นเหตุการณ์พวกนั้น ขณะที่ฉันสั่นประหนึ่งเป็นฝ่ายโดนชนด้วยตัวเอง
“ถ้าเธอไม่แน่ใจว่าต้องไปที่ไหน เธอสามารถมาดูที่นี่ได้”
อีกฝั่งของบอร์ดไม้เป็นแผนที่โลกพร้อมไอคอนแว่นขยายที่มุมขวาล่าง
“เดี๋ยวนะ!นี่มันทัชสกรีนเหรอ”
ออกัสมองตาขวางก่อนจะหันไปหาถนนฟลัชชิงตัดกับบรอดเวย์ ภาพสี่แยกที่ฉันเห็นในหัวปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“นี่ใช่ไหมที่เธอเห็น” ฉันพยักหน้า ออกัสจึงพูดต่อ “ไปกัน”
เขาพาฉันไปยังตำแหน่งที่ฉันเห็นการตายของเซลีน่า เบนเน็ตต์ ถนนตอนนี้โล่ง ร้านค้าต่างก็ปิดไปหมดแล้วเนื่องจากเป็นเวลาหลังเที่ยงคืน
“เราคงต้องรอ”
ระหว่างที่รอฉันก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ตอนที่มีคนพบศพของฉัน
สายสืบคาร์ฮาร์ตจะเจออะไรบนศพของฉันบ้าง มีร่องรอยอะไรที่ชายคนนั้นทิ้งไว้เพื่อพาตำรวจไปเจอเขาบ้าง พวกเขาจะจับคนร้ายได้ไหม เขาจะโดนลงโทษหรือเปล่า มีคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบมากมายที่ฉันอยากรู้ แต่ไม่อาจหาคำตอบได้ ฉันอยากไปจากที่นี่แล้วติดตามการสืบสวน ฉันอยากจะมีความสามารถอะไรสักอย่างที่จะช่วยให้ตามหาคนชั่วคนนั้นได้ทันที ฉันจำรถของเขาได้ และเห็นทะเบียนรถชัดเจน ถ้าฉันนำข้อมูลพวกนี้ไปแจ้งสายสืบได้ เขาก็จะถูกจับ อันที่จริง เขาควรโดนจับไปแล้วถ้าออกัสไม่มาขวางไว้เสียก่อน งานของยมทูตจะคอยขัดขวางฉัน ฉันต้องหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อตามหาคนร้ายไปพร้อมกับการรับดวงวิญญาณ เพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ฉันจะมาที่โลกคนเป็นได้
“คิดว่าตัวเองเป็นอมตะหรือไง คิดว่าพวกนั้นทำร้ายเธอไม่ได้เหรอ”
ออกัสหมายความว่ายังไง พวกนั้นคือใคร
“ตั้งสติหน่อย นั่นใช่เธอไหม”
ผู้หญิงผมสีบรูเน็ตมีไฮไลต์สีบลอนด์ถึงกลางผม สวมจั๊มสูทสีดำ กำลังเดินมาตามถนนฟลัชชิง เธอกำลังคุยโทรศัพท์ ดูจากการจับสมาร์ทโฟนและการโบกมือให้กล้องแล้วก็น่าจะเป็นวิดีโอ คอลล์
ฉันเดินตามเพราะอุบัติเหตุกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“ไงคะ แม่ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้รับสาย ตอนนี้กำลังกลับบ้านค่ะ”
ใบหน้าแม่ของเธออยู่บนจอ ดูเหมือนว่าเธอจะอายุพอ ๆ กันกับแม่ของฉัน
“ลูกกลับบ้านดึกตลอดเลย ต้องดูแลตัวเองดี ๆ รู้ไหม ไม่ลองซื้อรถหรือย้ายบ้านล่ะ”
“มันต้องใช้เงินเยอะนี่คะ ตอนนี้หนูซื้อรถ ซื้อบ้านไม่ไหวหรอก ไม่ต้องห่วงนะแม่ เดี๋ยวหนูโทรหาทุกคืนเลย”
เซลีน่าทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง แม่ของเธอเป็นห่วง แต่เซลีน่าก็ยิ้มเพราะถูกอย่างปกติที เธอไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ บทสนทนาของพวกเธอทำให้ฉันนึกถึงครอบครัว
ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ฉันจำไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนั้นลงไป ทันทีที่ฉันเห็นรถยนต์กำลังจะมาชนเธอตรงทางข้าม ฉันก็วิ่งไประหว่างพวกเขาแล้วผลักร่างผู้หญิงคนนั้น รถยนต์เปลี่ยนทิศทาง สะกิดขอบข้างทางก่อนพุ่งชนตอม่อ
เซลีน่านั่งอยู่บนทางเท้า เธอกำลังตกใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จากมุมมองของเธอ เธอถูกผลักด้วยอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น จากมุมมองของฉัน ฉันรู้ตัวว่าสามารถสัมผัสมนุษย์ได้ ขณะที่ฉันเฝ้ามองมือทั้งสองของตัวเอง ออกัสก็โมโหแล้วจับมือฉัน
“ทำอะไรลงไป นี่รู้ไหมว่ามันร้ายแรงขนาดไหน”
ริมฝีปากของฉันสั่นระริกขณะพยายามหาคำตอบที่ใช่
“เธอยุ่งกับผู้คุม เธอจะต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ออกัสปล่อยฉันแล้วเดินไปยังรถยนต์คันดังกล่าว สองเงาปรากฏขึ้นเคียงข้างกัน เซลีน่ายังมีชีวิตอยู่ แต่คนขับกับผู้โดยสารเสียชีวิตคาที่ ผู้โดยสารกำลังท้องแก่
เซลีน่าโทรเรียก 911 เธอยังคงนั่งบนทางเท้า พยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าที่จะทำได้ เธอเอาแต่พูดว่า ‘ฉันไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง’และ ‘ได้โปรด มาเร็ว ๆ’
ฉันยืนนิ่งกลางถนน ขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ ฉันช่วยหนึ่งชีวิต สอง...ไม่สิ สามชีวิตได้จากไป
ออกัสพาฉันกลับมาที่เจอริโก้ เขาไม่พูดอะไรเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น
“ยินดีด้วย ผู้คุมจะมาที่นี่” นั่นเป็นน้ำเสียงประชดประชัดที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินจากปากของเขา “สังเกตอะไรไหม”
ฉันมองไปรอบ ๆ และเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่มีแสงไฟ LED อีกต่อไป ไม่มีเสียงหัวเราะ เสียงกรีดร้องจากเครื่องเล่น ทุกอย่างปิดราวกับที่นี่ถูกทิ้งร้าง
“ลิลิเบธ แมรี่ แลงดอน” ร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า มันยากที่จะเห็นใบหน้าภายใต้เสื้อคลุมสีดำ “กรุณามากับฉัน”
“โชคดี” ออกัสทิ้งฉันไว้อย่างนั้น
ฉันตามชายลึกลับคนนั้นไป เดินผ่านม้าหมุนแล้วเลี้ยวไปทางซ้าย ฉันไม่เคยเดินมาทางนี้มาก่อน ตลอดทางเต็มไปด้วยยมทูตที่จ้องมองมาทางฉัน ความสนุกเลือนหายไปจากใบหน้าของพวกเขา พวกเขาหวาดกลัวชายในเสื้อคลุมสีดำ
“เราจะไปที่ไหนเหรอคะ”
“เธอรู้ไหมว่าทำไมเราถึงต้องมียมทูต” เขาเหมือนนักปราชญ์ที่กำลังสั่งสอนลูกศิษย์ “หากปราศจากยมทูตแล้ว วิญญาณของมนุษย์จะหลงทางอยู่ในโลกคนเป็น เมื่อพวกเขาถูกทิ้งไว้นานเข้า ก็จะกลายเป็นวิญญาณอาฆาต และทำลายสมดุลระหว่างคนเป็นกับคนตาย”
เราเดินมาจนถึงเขตรกร้างอันไร้ที่สิ้นสุด ภายใต้ท้องฟ้ายามโพล้เพล้โดยมีสวนสนุกอยู่เบื้องหลังพวกเรา
“รู้ไหมว่าทำไมเราถึงได้รับชื่อจากเดธ” ไม่ว่าจะตอบคำถามหรือไม่ เขาก็จะอธิบายให้ฟังอยู่ดี ฉันจึงปิดปากเงียบ “เพราะมันถึงเวลาที่พวกเขาต้องลาจากโลกคนเป็น”
“ทีนี้” เขาหยุด แล้วมองมาที่ฉัน แม้ว่าฉันจะไม่เห็นดวงตาของเขาภายใต้ฮู้ดก็ตาม “รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมีคนแทรกแซงเรื่องนั้น”
ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว
“คนขับรถ กับภรรยาของเขา แล้วก็...” ฉันไม่อาจจบประโยคตัวเองได้
“เธออยู่กับออกัสตอนที่เขารับวิญญาณพวกนั้น คุณรู้คำตอบดี” เขาพูด “ภรรยากำลังจะให้กำเนิดเด็กชายที่จะมีอายุไปจนถึงวัยห้าสิบ”
สิ่งที่ได้ยินทำเอาอึ้งมากกว่าเดิม
“...แล้วเซลีน่า”
“เธอรอด”
คำตอบช่างง่ายดาย ทว่ามันสร้างความหนักใจให้ฉัน
“ฉันไม่ได้มาเพื่อลงโทษคุณ คุณแลงดอน แม้ว่าคนอื่นจะคิดแบบนั้นก็ตาม”
คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ฉันรู้ว่ามันย่อมมีผลพวงจากการกระทำ เดธเคยเตือนเรื่องกฎกับบทลงโทษแล้ว
“ถ้างั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“ไม่มี ฉันมาที่นี่เพื่อส่งสาร” ฉันไม่ถามต่อเพราะรู้ว่ามาจากเดธ “ลิลิเบธ แมรี่ แลงดอน เจ้าจะไม่ถูกลงโทษ ผลพวงคือบทลงโทษในตัวมันเอง”
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันไม่รู้ คุณแลงดอน ฉันเป็นแค่ผู้ส่งสาร”
ฉันมองเขาแต่กลับไม่สามารถเห็นส่วนไหนของใบหน้าได้เลย เขาทำให้ฉันนึกถึงพ่อมดยุคกลางในหนัง
“ออกัสพูดถึงผู้คุม คุณคือผู้คุม”
‘พวกนั้น’ที่ออกัสพูดถึง
“หนึ่งในนั้น” เขาหยุดเดิน “เธอจำทางกลับเจอริโก้ได้ใช่ไหม”
ฉันหันกลับไปทางเดิมและพบว่าเจอริโก้อยู่ห่างไกลนัก
“หวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีก คุณแลงดอน แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเราจะยังได้เจอกัน ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ระวังตัวด้วย”
เขาหายตัวไปต่อหน้าต่อหน้า ก่อนที่ฉันจะทันได้ถามชื่อหรือคำอธิบายใด ๆ
พอฉันกลับมาถึงสวนสนุก แสงไฟ LED ก็สว่างไสวอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับเครื่องเล่นมากมายที่เปิดใช้งานตามปกติ ความมีชีวิตชีวาได้กลับคืนสู่เจอริโก้อีกครั้ง
ฉันเจอแมนดี้ใกล้ ๆ ทะเลสาบ เธอได้ข่าวของผู้มาเยือนแล้ว
“พี่เจอเจด”
“เจดเหรอ”
“ใช่ เจด ย่อมาจาก เจไดดาห์ เขาใจดีสุดแล้วในบรรดาพวกนั้น”
“พวกนั้นมีกันกี่คน”
“สี่มั้ง พวกเขาทำงานให้เดธเหมือนเรา แต่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า พวกเขาตรวจสอบยมทูตทุกคนว่าเราทำตามกฎ พี่ไม่ใช่คนแรกที่ละเมิดกฎหรอกนะ ส่วนมากก็เคยพยายามช่วยชีวิตคนกันทั้งนั้น”
ฉันยิ้ม เพราะแมนดี้พยายามให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แม้มันไม่ได้ช่วยเท่าไรนัก
“บทลงโทษคืออะไร แล้วมีอะไรบ้าง”
เธอตาโตเมื่อได้ยินคำถามของฉัน
“ไม่ใช่ว่าพี่เพิ่งรับโทษมาเหรอ ไม่สินะ ในเมื่อมันเร็วเกินไป โทษขั้นต่ำก็ 24 ชั่วโมง” เธอพูด “เขามีหลายวิธีที่จะลงโทษเราแหละ ที่ใช้บ่อยสุดก็ความว่างเปล่า สถานที่ที่เวลาและพื้นที่มีอยู่จริง มันเป็นสะพานระหว่างคนเป็นกับคนตาย”
ยิ่งฟังประโยคนั้นก็ยิ่งเหมือนเป็นสโลแกน เพราะเธอพูดประโยคเดียวกันกับออกัสเป๊ะ
“พี่จะถูกขังในความว่างเปล่า” แมนดี้อธิบายต่อ “ขั้นต่ำสุดคือ 24ชั่วโมงสำหรับการช่วยชีวิตมนุษย์ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ฉันไม่รู้ว่าขั้นสูงสุดคือเท่าไร แต่ได้ยินว่าก่อนหน้าที่ฉันจะอยู่ที่นี่ เคยมียมทูตรับโทษอยู่ในความว่างเปล่าเป็นสัปดาห์ มันกัดกินเขา เปลี่ยนเขา เขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ส่วนการพักงานสำหรับข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างไปไม่ทันเวลารับวิญญาณก็จะโดนแบนไม่ได้เข้าเจอริโก้ พี่ต้องอยู่ในเขตรกร้างที่ทั้งน่าเบื่อและหงุดหงิดเพราะพี่จะได้ยินเสียงความสนุกของคนในเจอริโก้
“อันหลังก็ดูดีอยู่”
“ทุกอย่างดูดีหมดแหละถ้าเทียบกับบทลงโทษสูงสุด”
“บทลงโทษสูงสุดเหรอ”
“บทลงโทษสำหรับการฆ่ามนุษย์”
จู่ ๆ ทุกส่วนในร่างกายของฉันก็ตึงเครียด ฉันกำมือแน่น พยายามไม่แสดงอารมณ์
“อย่างที่รู้ พวกเราคือยมทูต มีหน้าที่รับดวงวิญญาณ แต่เราไม่ใช่สาเหตุการตายของพวกเขา เราทำร้ายมนุษย์ไม่ได้ เราฆ่าพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด ถ้าพี่ทำ พี่จะดับสูญ”
“ดับสูญ? แต่เราตายแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มันหมายความว่าพี่จะถูกปลดจากตำแหน่ง ถูกขังอยู่ในความว่างเปล่าตลอดกาล และทุกคนในโลกคนเป็นจะลืมว่าเคยมีพี่อยู่ เหมือนกับพี่ไม่เคยเกิดมาก่อน”
“พวกเขาจะลืมฉัน” คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหัว
“น่าเศร้าใช่ไหมล่ะ” แมนดี้แหงนหน้ามองท้องฟ้า “ถ้าเป็นที่ฉันก็ไม่เท่าไร แต่การที่ทุกคนลืมฉันมันเป็นเรื่องรับไม่ได้ เราจะยังมีชีวิตอยู่ไปทำไมถ้าไม่มีใครรู้ว่าเรามีตัวตน หรือมีความทรงจำร่วมกัน”
ครอบครัวคือทุกอย่างสำหรับฉัน เพียงแค่คิดว่าพวกเขาจะลืมฉันมันก็เจ็บปวดแล้ว ร่างกายของฉันชาไปทุกส่วน
“สิ่งที่ยากที่สุดของงานนี้คือการที่เป้าหมายของเราถูกฆ่า เราเห็นทุกอย่างก่อนที่มันจะเกิดขึ้น แต่เราทำอะไรเพื่อช่วยเหลือไม่ได้ ต่อให้อยากทำอะไรสักอย่าง ต่อให้อยากฆ่าฆาตกรด้วยตัวเองก็ทำไม่ได้ ผลพวงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ถูกขังในความว่างเปล่าก็เรื่องหนึ่ง ถูกลืมว่าเคยมีชีวิตอยู่...นั่น...นั่นเป็นบทลงโทษที่โหดร้ายที่สุดที่พวกเขาทำกับเราได้”
แมนดี้ลุกขึ้นยืน แบมือออกและพบกับเศษกระดาษลอยอยู่เหนือฝ่ามือ
“แหม พูดถึงเรื่องฆาตกรรม เดธก็รู้จังหวะดีจริง ๆ ไว้เจอกันนะ ลิลิธ” แมนดี้หายตัวไป
ฉันนั่งจมปลักอยู่กับความคิด ภายใต้แสงสนธยา ในสถานที่ที่มนุษย์ไม่รู้ว่ามีอยู่
---------------------------------
สวัสดีค่า
ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามมาก ๆ ค่ะตอนนี้ออยล์ลงเวอร์ชันภาษาอังกฤษไว้แล้วนะคะ หากใครสนใจลองตามไปอ่านได้ที่ Minimore ค่ะ โดยจะอัปเดตทุกวันศุกร์ เวลา 1 ทุ่มตรง
พบกันใหม่ตอนหน้า วันพฤหัสฯ นี้ค่า
ขอบคุณค่ะAki_Kaze
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in