บทที่ 2
ชีวิตหลังความตาย
ชีวิตหลังความตาย
ฉันเคยดูรายการโทรทัศน์มานักต่อนักที่พูดถึงเรื่องหลังความตาย โดยมีคนที่อ้างว่าเคยมีประสบการณ์มาก่อน พวกเขาเห็นอะไรก่อนตาย มีอะไรรอคอยพวกเขาอยู่ บางคนอ้างว่าเห็นแสงสีขาว เป็นแสงที่สว่างที่สุด สวยที่สุดที่พวกเขาเคยเห็น
คุณอยากรู้ความจริงไหม
ระวังสปอยล์นะ!
มันช่างมืดมิดและน่าหวาดกลัว
คุณอาจไม่เชื่อสิ่งที่ฉันเห็นหลังจากได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของฉันนอนอยู่บนพื้น กำลังโดนชำแหละโดยคนชั่วคนนี้ ฉันคิดว่าฉันฝันไป ฉันคิดว่าระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงเกินจนทำให้เห็นภาพพวกนี้
ฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ถ้าร่างกายฉันอยู่ตรงนั้น
แล้วทำไมฉันถึงได้ฝันว่ามีคนฆ่าฉัน ทรมานฉันแบบนี้ด้วย จู่ ๆ ฉันก็นึกออก และจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
ฉันกำลังเดินทางกลับบ้านตอนที่ผู้ชายคนนั้นเข้ามาทำร้ายฉัน ย่ำยีฉัน และบีบคอฉันจนตาย
มือของฉันควานหาลำคอของตัวเองเมื่อจำความได้ ฉันจ้องมองแผ่นหลังของชายคนที่กำลังเชือดเชือนร่างกายของฉัน เขาสนุกกับมัน พึงพอใจกับผลงานตัวเอง
“หยุดนะ!” ฉันร้องขึ้น “หยุด!”
“เขาไม่ได้ยินเสียงเธอหรอกนะ รู้ไหม”
ฉันหันกลับไปทางต้นเสียง และพบชายในชุดดำเดินตรงเข้ามาหา เขามองร่างของฉันบนพื้น สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาราวกับเห็นจนชิน
“ลิลิเบธ แมรี่ แลงดอน เธอต้องไปแล้ว ฉันจะนำทางเธอไป”
“คุณรู้จักฉันได้ยังไง แล้วทำไมฉันต้องไปกับคุณ”
“เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ” สีหน้าของเขาหงุดหงิดอย่างกับต้องเผชิญเหตุการณ์แบบนี้มานักต่อนัก
“ผู้ชายคนนี้ฆ่าฉัน! ทำไมคุณไม่ทำอะไรสักอย่างล่ะ เรียกตำรวจสิ! ตามคนมาช่วย!”
“ใจเย็นน่า ตะโกนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เราทำอะไรเขาไม่ได้เหมือนกัน เธอตายแล้ว”
“ฉัน...อะไรนะ”
ฉันหันไปทางฆาตกรที่ดึงสร้อยไปจากคอของฉันแล้วเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ของตัวเอง ฉันจับล็อกเกอร์ที่คอและพบว่ามันไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
“ฉัน...ฉันเป็นผี”
“เปล่า ยังไม่ใช่ แต่ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน เธอก็จะเป็นผี”
“ฉันไม่เข้าใจ”
ตอนที่เรากำลังถกเถียงกัน เจ้าสัตว์เดรฉานนั่นก็คลุมร่างของฉันด้วยผ้าที่เขาหยิบออกมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอกของซอยนี้ เขาเตรียมตัวมาดี เขารู้จักฉันอย่างนั้นเหรอ เขาสะกดรอยตามฉันเหรอ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน
“เธอตายแล้ว ฉันเป็นยมทูตที่มารับดวงวิญญาณของเธอเพื่อพาเธอไปในที่ ๆ ควรอยู่” ชายในชุดดำอธิบาย
“สถานที่ที่ว่านั่นมันคือที่ไหนล่ะ แล้วทำไมคุณไม่ทำอะไรสักอย่างกับผู้ชายคนนั้น เขาเป็นฆาตกร ไม่เห็นเหรอไง”
“มันไม่ใช่คราวของเขา มันเป็นของเธอ” อีกครั้งที่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมา
ฆาตกรสำรวจไปรอบ ๆ เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีใครเห็น สายตาของเขาปะทะกับฉัน และบางอย่างในตัวฉันกำลังเดือดพล่าน เขาไม่รู้สำนึก ดวงตาสีฟ้าของเขาสงบ สีหน้าของเขาก็สงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับฉันไม่ได้สำคัญอะไร เขาลากศพฉันไปใส่ในรถราวกับลากขยะไปเตรียมทิ้ง
เขาเคยทำมาก่อน และถ้าเขารอดไปได้ เขาจะลงมืออีก
“ฉันไปไม่ได้” ฉันบอกชายในชุดดำ “ฉันจะไม่ตามคุณไป ผู้ชายคนนี้ต้องได้รับโทษ และฉันนี่แหละที่จะทำให้มันเกิดขึ้น”
“เธอไม่มีทางเลือก เธอตายแล้ว เธอไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
“แล้วทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
“เพราะฉันคือยมทูต มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องอยู่ที่นี่”
“ถ้างั้นฉันก็จะเป็นยมทูต หากมันทำให้ฉันได้อยู่ที่นี่ต่อ”
“เธอเป็นยมทูตไม่ได้” เขาถึงกับประหลาดใจ “มันไม่ใช่การตัดสินใจของเธอ”
“แล้วมันของใคร”
“ความตาย (เดธ)”
น่าประหลาดที่คำ ๆ นั้นจะทำให้ฉันอึ้งจนเหมือนเป็นเหน็บชา ฉันหาคำพูดใด ๆ มาตอบโต้ไม่ได้
“ฉันเสียใจ” เขาพูด “มันคือเวลาของเธอ”
ฉันไม่อยากไป พ่อแม่ฉันจะเป็นอย่างไร แล้วไหนจะน้องชาย เพื่อนร่วมงาน ฉันเพิ่งได้รู้จักพวกเขาเอง ชีวิตของฉันเพิ่งจะเริ่มต้นด้วยซ้ำ ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน ทำไมเขาถึงทำลายชีวิตของฉันแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีทาง ฉันไม่ยอม เขาต้องชดใช้ เขาต้องมีชีวิตที่น่าสังเวช ฉันต้องตามหาเขา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
“ฉันจะเป็นยมทูตให้คุณ ได้ยินไหม” ฉันแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วตะโกน ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น “ให้ฉันเป็นยมทูตของคุณ!ช่วยฉันแก้แค้น!”
“นั่นมันไม่ช่วยอะไรหรอกนะ เขาไม่คุยกับเธอ หรือใครก็ตาม” ยมทูตเอ่ย “เธอไม่อยากลงเอยแบบนี้หรอก”
ความโศกเศร้าเป็นความรู้สึกแรกที่ฉันได้เห็นบนหน้าของเขา แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ฉันตัดสินใจแล้ว
“ฉันจะทำงานให้คุณ ตราบเท่าที่คุณจะให้ฉันเป็นคนรับดวงวิญญาณของชายคนนั้น”
ทองฟ้ายามดึกทำให้ฉันรู้สึกหลงทางและสิ้นหวัง เหมือนกำลังจ้องไปในหลุมดำขนาดใหญ่
“เจ้าจะเชื่อฟังหรือไม่”
“คุณได้ยินไหม”
ฉันมองไปรอบ ๆ แต่มันก็ไม่มีใครอื่นนอกจากยมทูตคนนั้น เขามองมาอย่างกับฉันเป็นคนบ้า
“เจ้าจะเชื่อฟังหรือไม่ เด็กน้อย”
“เสียงนั่น...มันเหมือนกับ...อยู่ในหัวของฉัน”
ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าไปจริง ๆ ยมทูตคนนั้นมีสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าฉันได้ยินเสียง
“เขาคุยกับเธอ”
“ตอบข้ามา เจ้าจะทำตามกฎหรือไม่ หากข้าทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง”
“ค่ะ!”
“เจ้าจะรับเฉพาะดวงวิญญาณของชื่อที่ได้รับเท่านั้น และไม่แทรกแซงระหว่างคนเป็นและความตาย”
“ฉันจะทำ”
“คิดให้ดี ลิลิเบธ แมรี่ แลงดอน หากเจ้าได้รับความกรุณาจากข้า เจ้าจะถูกพัฒนาการด้วยสัญญาแห่งชีวิตและความตาย วิธีลงโทษคนที่ทำผิดกฎนั้นมีหลากหลาย บทลงโทษที่ใหญ่หลวงที่สุดคือการดับสูญ เจ้ายังอยากเป็นยมทูตหรือไม่”
ชีวิต ความตาย การลงโทษ ฉันแทบไม่เข้าใจเรื่องเหล่านั้น แต่ฉันมั่งมุ่น ไม่มีอะไรหยุดฉันได้ ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ ฉันก็จะตามหาเขาได้ เขาต่างหากที่ต้องโดนลงโทษ
“อยากค่ะ” ฉันตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องคิดทบทวน “คุณสัญญาได้ไหมว่าฉันจะเป็นคนรับดวงวิญญาณของผู้ชายคนนั้น”
“ได้ ลิลิเบธ แมรี่ แลงดอน ข้าขอแต่งตั้งเจ้าในฐานะผู้รวบรวมดวงวิญญาณ ออกัสจะคอยกำกับดูแลเจ้า”
ฉันรอให้เกิดแสงประหลาดเพื่อบอกว่าฉันได้กลายเป็นยมทูต แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายในชุดดำถอนหายใจ
“ฉันหวังว่าเธอจะได้ในสิ่งที่ต้องการนะ” เขาเหน็บ “เอาล่ะ มากับฉัน”
“คุณไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอ ฉันเป็นยมทูตแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องไปกับคุณ”
ฉันวิ่งไปที่ถนน หวังว่าจะยังเห็นรถคนนั้น ทว่าคนชั่วนั่นก็จากไปนานแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องทิ้งศพฉันไว้ที่ไหนสักแห่ง เขาคงไม่ขนศพฉันไปตลอดทางหรอก จริงไหม
“เผื่อว่าเธอจะพลาดส่วนสำคัญไปนะ” ยมทูตปรากฏกายตรงหน้า ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก “ออกัสจะคอยกำกับดูแลเจ้า”
เครื่องหมายคำพูดด้วยมือของเขาทำเอานึกถึงครูสอนบัญชีที่มหา’ลัย ไม่รู้ว่าหนึ่งในครูโปรดของฉันจะเป็นอย่างไรบ้าง
“กำกับดูแลฉันมันหมายความว่าไง ไม่ใช่ว่าฉันจะไปไหนก็ได้เหรอ”
เขาไม่สนใจคำถามของฉัน แล้วแบมือออก เศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น เขาหนีบมันด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง
“เรามีงานต้องทำ ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน ฉันควรตามหาผู้ชายคนนั้น ฉันทำแบบนั้นได้ใช่ไหม”
ออกัสพยายามไม่แสดงออกว่ากำลังโมโห แต่หมัดที่กำแน่นจนเห็นข้อขาวก็พูดออกมาหมดแล้ว
“ฟังฉันให้ดีนะ ตอนนี้เธอเป็นยมทูต เมื่อเธอได้รับชื่อ เธอก็ต้องไปหาพวกเขาเพื่อรับดวงวิญญาณ เธอจะไปไหนมาไหนตามใจชอบไม่ได้ และเธออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของฉัน เธอไปทุกที่ที่ฉันไป จนกว่าชื่อของคนที่ฆ่าเธอจะปรากฏขึ้น เธอต้องตัวติดกับฉัน เข้าใจยัง”
อดทนไว้ ฉันบอกกับตัวเอง ชื่อของเขาต้องปรากฏขึ้นเร็ว ๆ นี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะทำให้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเขาเป็นที่จดจำ วิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการฝึกฝน ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ออกัสปรากฏตัวตรงหน้าฉัน นั่นหมายถึงฉันเองก็จะทำแบบนั้นได้ การหายตัวเป็นหนึ่งในความสามารถของยมทูต ฉันต้องเข้าใจพวกเขาและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เพื่อที่จะทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริง
“ค่ะ เข้าใจแล้ว”
“ดี ทีนี้ก็ตามฉันมา ลิลิธเบธ”
“ลิลิธ” ฉันแก้ “ลิลิเบธเป็นมนุษย์ผู้ใสซื่อและอ่อนหวาน ฉันไม่ใช่คนนั้นแล้ว”
เขามองฉันเป็นครั้งแรก
“ตกลง ลิลิธ” ออกัสยื่นมือมาตรงหน้า ฉันมองมือของเขาแล้วเงยหน้ามองเขา เขาพูดต่อด้วยท่าทางรำคาญใจ “เธอไม่รู้วิธีการบลิงก์ฉันถึงต้องช่วยไง ทีนี้ก็ส่งมือมา”
ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่เขาบอก ทันทีที่มือของเราสัมผัสกัน ลมแรงก็ปะทะเข้าใบหน้าของฉันจนต้องปิดตา ฉันตายไปแล้วแท้ ๆ การหายใจไม่น่าเป็นสิ่งจำเป็นอีกต่อไป แต่อกของฉันก็เจ็บแสบเหมือนกับกำลังจมน้ำ ปากของฉันเผยอหาอากาศ ฉันบีบมือของเขาแน่น
ประสบการณ์พวกนั้นเกิดขึ้นแค่เพียบชั่วพริบตา นั่นอาจเป็นสาเหตุที่เขาเรียกมันว่าบลิงก์ก็เป็นได้ ตอนที่ฉันเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้รับการทักทายจากสวนสนุกขึ้นชื่อ เราเพิ่งเดินทางสิบเอ็ดไมล์ในเวลาน้อยกว่าห้าวินาที
“เราไปได้ไกลแค่ไหน”
“ไกลเท่าที่เรารู้จุดหมายปลายทาง เรามีความสามารถนี้เพื่อให้ไปรับดวงวิญญาณได้ตรงเวลา”
ออกัสเริ่มออกเดินไปตามทางไม้กระดาน ฉันต้องเร่งฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน
“คุณหมายถึงเราสามารถไปไหนก็ได้ที่เราต้องการ”
“ใช่” จู่ ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วหันมองด้วยสีหน้าตักเตือน “อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ ลิลิธ เราถูกติดตาม พวกเขารู้ว่าเราจะไปไหน”
“พวกเขาเหรอ ใครน่ะ”
“หมดเวลาคำถามแล้ว”
เขาไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ไม่ลดฝีเท้าลงด้วย ฉันเลยปิดปากเงียบแล้วเดินตามไปจนถึงโซนที่พักอาศัย
ฉันไม่เคยมาย่านนี้ของเมืองมาก่อน มันอยู่ในรายการต้องทำของฉัน แล้วฉันก็นึกได้ว่าหลินอาศัยอยู่ในบรูคลิน เธอบอกว่าถ้าฉันอยากไปเที่ยวก็โทรหาได้ตลอด ไม่อยากเชื่อเลยว่าบทสนทนานั่นจะเกิดขึ้นไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่แล้ว เข้าทำงานวันแรกคุณได้รู้จักเพื่อนร่วมงาน พอรู้ตัวอีกที คุณก็ตายเสียแล้ว
ฉันมองขึ้นไปบนฟ้า ได้แต่ตั้งคำถามว่าตัวเองทำอะไรผิดนักหนา ถึงต้องมาลงเอยแบบนี้ สายลมอุ่น ๆ ปะทะใบหน้าคล้ายจะปลอบประโลมฉัน ฉันไม่มั่นใจว่ายมทูตมีความรู้สึก หรือแค่ฉันยังจำสัมผัสของสายลมได้
เสียงวิ่งดังใกล้เข้ามา วัยรุ่นหนุ่มสวมฮู้ดสีเทากำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง เขาดูกังวลและมีท่าทีตื่นตระหนก ทั้งยังพยายามปกปิดใบหน้าของตัวเองขณะวิ่งอีกด้วย
ฉันเกือบตะโกนว่า ‘ระวัง’ ตอนที่ชายคนนั้นวิ่งทะลุผ่านร่างของออกัส ตอนนั้นเองที่เขาวิ่งทะลุร่างของฉันไปเช่นกัน มันเกิดขึ้นเร็วจนสมองประมวลผลไม่ทัน ฉันได้แต่หยุดนิ่ง มันเป็นความรู้สึกน่าอึดอัดคล้ายถูกบีบอยู่ในกระป๋อง ทำเอาฉันหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
“เดี๋ยวก็ชินเอง” ออกัสพูดขณะเดินต่อไปยังทางเดินแคบ ๆ ระหว่างอาคารสองหลัง
วัยรุ่นหนุ่มอีกคนนอนจมกองเลือดบนพื้น ตาของเขามีหยาดน้ำคลอหน่วง ริมฝีปากอ้ากว้างหาอากาศ มือของเขากุมไว้ที่ท้องอันเป็นต้นตอของเลือด
ออกัสสำรวจชายดังกล่าวโดยไร้ซึ่งความคิดที่จะช่วยเหลือแต่อย่างใด
“เขาถูกแทง” ฉันทำลายความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน “เป็นผู้ชายคนเมื่อกี้หรือเปล่า ไม่มีใครอยู่แถวนี้นอกจากเขา เราควร...”
“เราไม่ทำอะไรทั้งนั้น ถึงเวลาของเขาแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมมาอยู่ที่นี่”
หนุ่มคนนั้นปรากฏตัวด้านหลังเรา ฉันควรเรียกว่าเป็นวิญญาณเพราะร่างของเขายังอยู่บนพื้น
“เดเร็ค เปาโล แลมเบิร์ต นายตายแล้ว”
ฉันทึ่งกับความเถรตรงของออกัส เขาจี่ตรงจุดโดยไม่ปล่อยให้เดเร็คได้ทบทวนสถานการณ์
ผู้ดูแลของฉันเดินตรงไปหาเดเร็ค วาดแขนลงบนบ่าของอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นมิตร แต่ความจริงแล้วออกัสกำลังพยายามโน้มน้าวชายคนนี้ให้ตามเขาไปจะได้เสร็จสิ้นภารกิจ
“ไม่ เดี๋ยวก่อน นี่มันไม่เมคเซนส์เลย” เดเร็คประท้วง ผลักแขนของออกัสออก
“นายต้องมากับฉัน” ออกัสจับแขนวิญญาณตนนั้นแล้วลากเขาให้ออกห่างจากกายหยาบ
“ไม่ แล้วโจนาธานล่ะ เขาทำแบบนี้กับผม หมอนั่นมันฆ่าผม! ไอ้สารเลวนั่นมันฆ่าผม!”
กลุ่มควันสีดำก่อตัวขึ้นเป็นวงกลมขนาดใหญ่ตรงหน้าพวกเรา โดยออกัสพยายามพาวิญญาณไปตรงนั้น
“ไม่มาเหรอ”
ฉันหันมองร่างของเดเร็คเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เขาตาย ตาของเขายังคงเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
เขาปิดตาฉันหรือเปล่านะ
คำถามฝังอยู่ในหัวของฉัน ขณะที่เดินตามผู้ดูแลเข้าไปในกลุ่มควันสีดำ
ฉันคิดว่าสวรรค์หรือสถานที่ใดก็ตามที่ยมทูตต้องพาวิญญาณไปจะน่าอัศจรรย์ใจ เต็มไปด้วยแสงสีขาวและดอกไม้หลากสี สถานที่ ๆ ทำให้คุณอยากอยู่ แต่ที่ไหนได้ มันกลับมืดมิด และมีเพียงประตูไม้หนึ่งบานตรงหน้าพวกเรา
พอออกัสเปิดประตู แสงสว่างสีขาวก็ทิ่มแทงตาของฉัน
“เข้าไปได้แล้ว” เขาบอกเดเร็คที่ดูสงบกว่าเดิมมาก ฉันอยากรู้ว่าออกัสทำได้ไง
“คุณไม่มากับผมเหรอ”
“เราไม่ได้รับอนุญาต”
เดเร็คเดินเข้าไปในห้อง เขาหันกลับมาทางออกัสและฉัน ก่อนที่จะเดินเข้าไป และประตูได้ปิดไล่หลัง
“จะเกิดอะไรขึ้นต่อเหรอ”
มุมปากของออกัสยกขึ้นเล็กน้อย เขาแหย่
“ถ้าสงสัยนัก ไม่ลองเข้าไปดูด้วยตัวเองล่ะ”
“คุณบอกเองว่าเราไม่ได้รับอนุญาต” เขาแกล้งฉัน! “คุณจะหลอกฉันใช่ไหม คุณอยากให้ฉันเข้าไปในนั้นเพราะคุณเก็บวิญญาณของฉันไม่ได้ในเมื่อฉันเป็นยมทูตเหมือนคุณ ฉันเป็นภารกิจค้างคาของคุณ”
“หึ” ออกัสหันไปทางอื่น เขาใช้น้ำเสียงที่ฉันขอเรียกว่า การออกคำสั่ง“เอาล่ะ ตามมา”
“ไปไหน”
“บ้าน”
ฉันไม่รู้ว่ายมทูตมีบ้านด้วย
ฉันไม่รู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับพวกเขา งานของพวกเขา กฎของพวกเขา ความสะเพร่านำฉันไปสู่ความตาย ความเห็นอกเห็นใจของฉันก่อให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก
-------------------------------------------
สวัสดีค่า
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ อย่างที่แจ้งไว้ว่าออยล์จะอัปเรื่องนี้ทุกวันจันทร์และพฤหัสฯแต่จันทร์หน้าออยล์อยู่ต่างจังหวัดเลยยังไม่รู้ว่าจะเปิดคอมได้ตรงเวลาไหม ใครที่ตามอ่านจากเว็บที่ตั้งเวลาอัปเดตได้ ตอน 3 จะลงตามเวลาเดิมนะคะ ส่วนเว็บไหนที่ยังตั้งเวลาไม่ได้อาจจะลงช้า ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
สามารถติดตามข่าวสาร ความคืบหน้า หรือพูดคุยได้ทั้งจาก Facebook Page และทวิตเตอร์นะคะ รวมทั้งฝากแท็ก #การตายของลิลิธ ด้วยค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
Aki_Kaze
ป.ล. ใครอยากลองอ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่ออยล์เขียนตอนลงจบปริญญาโทก็บอกได้นะคะ ถ้ามีคนสนใจจะอัปให้ค่ะ แต่จะไม่จบเรื่องเพราะโปรเจ็กต์จบเขียนได้ 8-9 ตอนก็ครบจำนวนคำที่กำหนดแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in