บทที่ 11
บทเรียน
ฉันบลิงก์กลับมาที่เจอริโก้ตามลำพัง ความครื้นเครงในสวนสนุกขัดกับความรู้สึกของฉันในตอนนี้มาก ที่ซุ้มเกมมียมทูตกำลังปาเป้าอยู่ ฉันหวังจะได้เห็นออกัสยืนยิงปืนอยู่แถวนั้น แต่กลับไม่เห็นร่างของยมทูตตัวสูงคนนั้นเลย
ปากพล่อยจริง ๆ เลย ลิลิเบธ !
ฉันไม่พอใจที่เขาโมโหใส่ฉัน แต่ตัวเองกลับทำแบบนั้นด้วยเสียอย่างนั้น
ไม่ว่าจะเดินหาตามเครื่องเล่นตัวไหนก็ไม่เจอออกัส ฉันเลยลองไปที่ห้องสมุด นอกจากยมทูตสามคนที่นั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือด้วยกันแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก ขณะที่เขาสามารถตามหาตัวฉันเจอทุกครั้งที่มีงาน ฉันกลับไม่รู้ว่าจะไปหาเขาได้จากที่ไหน ตัวช่วยสุดท้ายของฉันคือแมนดี้ และเธอก็มักนั่งริมทะเลสาบเสมอ เพียงแต่ตอนนี้มีเด็กซ์นั่งเป็นเพื่อนด้วย
บรรยากาศหวานแหววทำเอาฉันลังเลที่จะเข้าไปขัด แต่ถ้าไม่รีบปรับความเข้าใจกับออกัสตอนนี้ ฉันกลัวว่าเราจะเข้าหน้ากันไม่ติดไปตลอดกาล ใครจะรู้ว่าฉันยังต้องเป็นยมทูตไปอีกนานเท่าไร
“พวกเธอเห็นออกัสบ้างไหม”
ทั้งคู่หันมาทางฉันก่อนจะส่ายศีรษะ
“ฉันยังไม่เห็นเขาเลย”
“เธอรู้ไหมว่าเขาชอบไปที่ไหน”
แมนดี้ขมวดคิ้วพร้อมยกมือจับปลายคาง
“ฉันมักเห็นเขาที่บูธยิงปืน สวน ไม่ก็ถีบเรือเป็ด”
“ฉันดูทั่วแล้ว”
“ถ้างั้นก็คงเป็นเขตรกร้าง”
ฉันยังไม่ได้ออกตามหานอกเจอริโก้ เป็นไปได้ว่าเขาจะอยู่ที่นั่น
“ขอบใจนะ แมนดี้” ฉันหันไปยิ้มให้เด็กซ์ แต่ก่อนที่จะออกตามหาออกัสต่อ ฉันก็ถามแมนดี้อีกคำถามหนึ่ง “เธอรู้ไหมว่าเขาชอบอ่านหนังสืออะไร”
“หนังสือเหรอ” เธอทำหน้างง “ฉันไม่แน่ใจเรื่องชื่อเรื่องนะ แต่เหมือนคนแต่งจะชื่อ นีเวค N-I-V-E-K ที่จำได้เพราะมันมาจากเควินแบบสะกดย้อนหลัง มีอะไรเหรอ”
“เปล่า ขอบใจนะ”
คราวนี้ฉันเดินจากมาจริง ๆ ถ้าฉันรู้ว่าหนังสือที่ออกัสเห็นในร้านคือเรื่องอะไร ก็น่าจะช่วยอธิบายท่าทางแปลก ๆ ของเขาได้ แต่ก่อนอื่นฉันต้องไปขอโทษเขาก่อน
ฉันเคยมาที่เขตรกร้างแค่ตอนเจอเจด หนึ่งในผู้คุมเท่านั้น ที่นี่แห้งแล้งเหมือนทะเลทราย โล่งกว้างเหมือนความว่างเปล่าเพียงแต่มีแสงสว่าง ฉันไม่รู้เลยว่าออกัสอยู่ที่ใดในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เหมือนไม่มีใครอยู่
ทั้งที่ไม่มีพระอาทิตย์แต่ที่นี่ก็สว่างจ้าเหมือนตอนตะวันตรงหัว แถมยังให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าวราวกับอยู่ในเตาผิง ยมทูตเป็นมนุษย์ที่ตายไปแล้วแท้ ๆ แต่กลับรับรู้ความรู้สึกได้เหมือนตอนยังมีชีวิตอยู่เสียอย่างนั้น ฉันมองว่ามันเป็นคำสาปที่พวกเรายังมีความรู้สึก แต่ออกัส...ออกัสกลับ...
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยกิ่งก้านยื่นยาวแต่ไร้ซึ่งใบไม้สักใบ มันช่างแห้งแล้งยิ่งนัก แต่การมีต้นไม้เจริญเติบโตในเขตรกร้างแบบนี้เป็นเรื่องประหลาดใจนัก ฉันเดินไปยืนข้าง ๆ ผู้ชายคนนั้นที่ยังคงนั่งกอดเข่า จ้องมองความว่างเปล่า
“ขอนั่งด้วยได้ไหม”
ออกัสไม่ได้ตอบ และถ้าเป็นยามปกติฉันคงเดินจากไป แต่คราวนี้ฉันไม่ทำอย่างนั้น ฉันถือวิสาสะนั่งลงข้าง ๆ เขา
เรานั่งมองความว่างเปล่ากันอย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เห็นแต่ดินแห้งแตกระแหงไร้ความมีชีวิตชีวา ตอนนี้ไม่มีกระทั่งสายลมพัดผ่าน
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงพูดของออกัส
“ฉัน...” พอเอาเข้าจริง ฉันกลับไม่กล้าพูดคำขอโทษ มือของฉันขยุ้มชายเสื้อผ้าของตัวเอง
สมัยทะเลาะกับเจมี่ เวลาที่ฉันจะไปขอโทษ เขาจะมีออร่าน่าเข้าใกล้ ออร่าที่บ่งบอกว่ายินดีให้อภัย หรืออย่างน้อยก็เป็นบรรยากาศที่บอกว่าจะรับฟัง แต่ออกัสไม่เป็นแบบนั้น ออกัสทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด หวาดกลัว ทั้งที่เขาแค่นั่งเฉย ๆ
ถ้าฉันยังไม่พูดอะไรอีก เราคงได้นั่งแบบนี้ไปทั้งวัน
กล้า ๆ เข้าไว้ ลิลิเบธ !
“ฉันไม่ควรพูดแบบนั้น” เสียงที่เปล่งออกไปเบากว่าที่คิด “แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องเย็นชาขนาดนั้นด้วย ทำไมคุณถึงไม่คิดบ้างว่าพวกเขาก็แค่อยากมีชีวิตอยู่ พวกเขายังยึดติดกับการมีชีวิต”
“นี่เธอมาขอโทษหรือมาหาเรื่องกันแน่”
“มาขอโทษสิ” ฉันรีบตอบพร้อมหันไปมองหน้าเขา ออกัสยังคงทอดสายตาไปยังความว่างเปล่า “ฉันขอโทษ แต่ที่คุณทำมันก็ไม่ถูก”
นี่ฉันมาหาเรื่องเขาชัด ๆ
เขาเสยผมด้วยมือทั้งสองข้าง ฉันเคยเห็นท่าทางแบบนั้นมาก่อนจากเจมี่ ตอนที่เขามีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียน เขาเอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ตอนนั้นฉันทำให้เขาเล่าให้ฉันฟังได้ยังไงนะ การเข้าหาเจมี่ มันง่ายกว่าการเข้าหาออกัสหลายร้อยเท่า
“เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็ใจกว้างพอที่จะยกโทษให้เธอ แต่เลิกทำผิดแบบเดิมซ้ำ ๆ เสียที มันน่ารำคาญ”
“หมายถึงอะไร”
ออกัสจ้องตา ไม่ว่าเขาจะเห็นอะไร มันก็ทำให้เขาเอือมระอาจนต้องกลอกตาไปด้านบน
“เดธคิดยังไงถึงให้คนแบบเธอเป็นยมทูต” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน ต้นไม้ใหญ่หายไปต่อหน้าต่อตา
“ทำได้ยังไงน่ะ”
ออกัสยกยิ้ม
“ยังมีอะไรอีกมากที่เธอต้องเรียนรู้”
“แต่ถ้าคุณไม่สอนแล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ”
เขายักไหล่ แล้วเดินกลับไปทางเจอริโก้ ฉันเร่งฝีเท้าเพื่อตามให้ทัน
“แล้วที่พูดมามันหมายความว่าไง ทำไมฉันถึงเป็นยมทูตไม่ได้”
ออกัสทำหูทวนลม ฉันล่ะอยากกระชากคอเสื้อเขาให้หยุดเดินจริง ๆ แต่บรรยากาศตอนนี้มันดีขึ้นแล้ว ฉันไม่ควรทำมันพังอีกรอบ ก็เลยไม่มีโอกาสถามถึงหนังสือเล่มนั้น หรือคนเขียนคนนั้น หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ฉันมองเห็นด้านที่เป็นมนุษย์ของเขา
พอกลับถึงเจอริโก้ ออกัสก็หันมาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็ก ๆ
“ยังจะตามไปถึงไหนน่ะ”
“ก็...คุณรู้ตลอดว่าฉันอยู่ที่ไหน แต่ฉันกลับใช้เวลานานมากกว่าจะตามหาคุณเจอ ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าคุณต้องดูแลฉันไปถึงเมื่อไร ฉันก็อยากรู้จักคุณมากขึ้น”
ได้ยินอย่างนั้นออกัสก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ชอบฉันเข้าแล้วหรือไง”
ฉันเบ้ปาก ออกัสแตกต่างจากแกรี่อย่างสิ้นเชิง ว่าแต่ทำไมฉันยังต้องนึกถึงแกรี่ด้วย ในเมื่อเขามีแฟนแล้ว
“จะว่าไป เพื่อนร่วมงานคนนั้นน่ะ เธอชอบเขาเหรอ” ออกัสถามอย่างกับเขาไม่รู้มาก่อน ฉันถึงกับชักสีหน้า
“ไม่เกี่ยวกับคุณซะหน่อย”
“ก็จริง” เขายักไหล่ ก่อนจะโบกมือไล่ให้ฉันไปที่อื่นแล้วเดินจากไป
เมื่ออยู่ตามลำพัง ฉันก็นึกถึงแกรี่ขึ้นมา ความใจดีของเขาที่มีให้ผู้หญิงคนนั้น ทำให้ฉันหวนนึกถึงตอนที่เราเดินกลับบ้านด้วยกัน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันก็อยากเปลี่ยนการตัดสินใจของตัวเอง
คนตายก็คือคนตาย ไม่ว่าจะตายแบบไหน สุดท้ายก็แก้ไขอะไรไม่ได้ !
ออกัสไม่ได้พูดผิดเสียทีเดียว ว่าแต่เขา เคยคิดอยากแก้ไขอะไรหรือเปล่านะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in