เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม การดูแลตัวเองpairwara.kit
ตรวจ STD ครั้งแรก ต้องรู้อะไรบ้าง ? เปิดคู่มือเตรียมตัวฉบับสมบูรณ์
  • การตรวจ STD หรือการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นการตรวจสุขภาพที่ช่วยยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ ทั้งโรคที่มีอาการชัดเจนและโรคที่อาจแฝงอยู่โดยไม่แสดงอาการ การตรวจแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้รักษาได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

    ทำไมการ ตรวจ STD ถึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือ HIV อาจไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก หากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพและการเจริญพันธุ์ การตรวจ STD จึงเป็นการป้องกันเชิงรุกที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ไม่เฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงเท่านั้น

    ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจ STD ?

    • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

    • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะสุขภาพ

    • คู่รักที่วางแผนมีบุตร

    • ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น แสบขณะปัสสาวะ มีตกขาวผิดปกติ หรือแผลที่อวัยวะเพศ

    กลุ่มเสี่ยงควรตรวจ STD บ่อยแค่ไหน ?

    สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน ควรตรวจ STD อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง ในขณะที่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย หรือผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีด อาจต้องตรวจทุก 3–6 เดือนตามคำแนะนำแพทย์

    การเตรียมตัวก่อนไป ตรวจ STD ต้องทำอย่างไรบ้างให้ผลแม่นยำ

    • งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจอย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง

    • หากจะตรวจปัสสาวะ ควรงดปัสสาวะก่อนเก็บตัวอย่าง 1–2 ชั่วโมง

    • ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะก่อนตรวจ เพราะอาจกระทบผลการตรวจ

    • เตรียมข้อมูลสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อให้แพทย์ประเมินได้ถูกต้อง

    วิธีการ ตรวจ STD มีกี่แบบ ? และแต่ละแบบเหมาะกับใคร

    การตรวจจากเลือด (Blood Test)

    ใช้ตรวจหาโรคที่เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด เช่น HIV, ซิฟิลิส หรือไวรัสตับอักเสบบีและซี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเชิงลึก

    การตรวจจากปัสสาวะ (Urine Test)

    เหมาะสำหรับการตรวจหนองในแท้ หนองในเทียม โดยไม่ต้องใช้วิธีเก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ จึงสะดวกและเจ็บตัวน้อย

    การเก็บตัวอย่างจากสารคัดหลั่ง (Swab Test)

    แพทย์จะเก็บตัวอย่างจากปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก เหมาะสำหรับการตรวจโรคที่เกิดการติดเชื้อเฉพาะที่ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือ HPV

    ขั้นตอนการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นอย่างไร ?

    เมื่อไปถึงสถานพยาบาล แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น แล้วเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสมตามอาการและความเสี่ยง หลังจากส่งตัวอย่างตรวจในห้องแล็บ ผลตรวจจะใช้เวลาตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทโรคและวิธีการตรวจ

    ตรวจ STD สามารถตรวจหาโรคอะไรได้บ้าง ?

    การตรวจ STD สามารถครอบคลุมหลายโรค เช่น

    • HIV

    • ซิฟิลิส

    • หนองในแท้ และหนองในเทียม

    • HPV (เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่และมะเร็งปากมดลูก)

    • ไวรัสตับอักเสบบี และซี

    • เริมอวัยวะเพศ

    สรุปเรื่อง ตรวจ STD

    การตรวจ STD ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่เป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่ช่วยป้องกันโรคและลดการแพร่เชื้อ การตรวจเป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เป็นสิ่งที่ควรทำ หากพบความผิดปกติ แพทย์จะสามารถให้การรักษาได้ทันท่วงที


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in