การตรวจ STD หรือการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นการตรวจสุขภาพที่ช่วยยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ ทั้งโรคที่มีอาการชัดเจนและโรคที่อาจแฝงอยู่โดยไม่แสดงอาการ การตรวจแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้รักษาได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น ซิฟิลิส หนองใน หรือ HIV อาจไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก หากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลรุนแรงต่อสุขภาพและการเจริญพันธุ์ การตรวจ STD จึงเป็นการป้องกันเชิงรุกที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ไม่เฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงเท่านั้น
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือคู่นอนที่ไม่ทราบสถานะสุขภาพ
คู่รักที่วางแผนมีบุตร
ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น แสบขณะปัสสาวะ มีตกขาวผิดปกติ หรือแผลที่อวัยวะเพศ
สำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือมีคู่นอนหลายคน ควรตรวจ STD อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง ในขณะที่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย หรือผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีด อาจต้องตรวจทุก 3–6 เดือนตามคำแนะนำแพทย์
งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจอย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง
หากจะตรวจปัสสาวะ ควรงดปัสสาวะก่อนเก็บตัวอย่าง 1–2 ชั่วโมง
ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะก่อนตรวจ เพราะอาจกระทบผลการตรวจ
เตรียมข้อมูลสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อให้แพทย์ประเมินได้ถูกต้อง
ใช้ตรวจหาโรคที่เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด เช่น HIV, ซิฟิลิส หรือไวรัสตับอักเสบบีและซี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเชิงลึก
เหมาะสำหรับการตรวจหนองในแท้ หนองในเทียม โดยไม่ต้องใช้วิธีเก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ จึงสะดวกและเจ็บตัวน้อย
แพทย์จะเก็บตัวอย่างจากปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก เหมาะสำหรับการตรวจโรคที่เกิดการติดเชื้อเฉพาะที่ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม หรือ HPV
เมื่อไปถึงสถานพยาบาล แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น แล้วเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสมตามอาการและความเสี่ยง หลังจากส่งตัวอย่างตรวจในห้องแล็บ ผลตรวจจะใช้เวลาตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทโรคและวิธีการตรวจ
การตรวจ STD สามารถครอบคลุมหลายโรค เช่น
HIV
ซิฟิลิส
หนองในแท้ และหนองในเทียม
HPV (เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่และมะเร็งปากมดลูก)
ไวรัสตับอักเสบบี และซี
เริมอวัยวะเพศ
การตรวจ STD ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แต่เป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่ช่วยป้องกันโรคและลดการแพร่เชื้อ การตรวจเป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เป็นสิ่งที่ควรทำ หากพบความผิดปกติ แพทย์จะสามารถให้การรักษาได้ทันท่วงที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in