เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ขอเพียงใจไม่สิ้นไร้ซึ่งศรัทธา (At least your heart doesn’t lose hope)Tonliew Suparat
เพียงใครสักคนที่เคียงข้างกัน
  • “ยังหาคู่ของตัวเองไม่เจออีกเหรอ” เสียงของป้าเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารในงานเลี้ยงฉลองสมรสของญาติผู้น้องคนหนึ่ง

    “ยังเลยจ้ะ” แม่กุญแจสาวสีเขียวไข่กาเอ่ยตอบป้าของตนด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ เมื่อนั้นแม่กุญแจทรงโบราณทำจากทองเหลืองก็พลันถอนหายใจ

    “ถ้าไม่รีบหาตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วนะว่าจะหาเจอได้เมื่อไหร่ อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วด้วย”

    “จ้ะ”


    ในโลกที่ทุกสิ่งอย่างเกิดมามีคู่เป็นของตนเอง ยังมีแม่กุญแจตัวหนึ่งที่ยังตามหาลูกกุญแจที่เข้ากันได้ดีกับตนเองไม่เจอ แม่กุญแจสีเขียวไข่กาตัวนี้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว พ่อของเธอเป็นลูกกุญแจทำจากเหล็กแข็งแรง ส่วนแม่เป็นแม่กุญแจทำจากเหล็กแข็งแรงเช่นกันกับพ่อ ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดเท่าที่แม่กุญแจสีเขียวไข่กาจะนึกออก


    ตั้งแต่เล็กจนโตทุกคนรอบข้างมักบอกเธอว่า ‘ทุกชีวิตเกิดมามีคู่เป็นของตัวเอง เราต้องตามหาคู่ของเราให้พบ แล้วจะพบพานความสุขชั่วนิรันดร์’ แม่กุญแจสีเขียวไข่กาในวัยเด็กเชื่อคำกล่าวนั้นสุดหัวใจและใฝ่ฝันถึงวันที่จะได้พบกับคู่ของตนมาตลอด เขาหรือเธอคนนั้นจะเป็นลูกกุญแจแบบไหนกันนะ จะใจดีหรือเปล่า จะชอบอ่านหนังสือเหมือนกันไหม  แล้วมันจะอบอุ่นเพียงใดเมื่อมีใครสักคนอยู่เคียงข้างกัน เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเธอจึงออกตามหาคู่ของตนด้วยใจที่มุ่งมั่น วันแล้ววันเล่าเธอก็ยังไม่พบคู่ รู้ตัวอีกทีปีนี้เธออายุย่าง 25ปี และพบว่าญาติผู้น้อง หรือคนที่อายุน้อยกว่าตนเจอคู่แห่งชีวิตและเเต่งงานกันไปหมดแล้ว


    ช้อนคู่ส้อม เกลือคู่พริกไทย ปลั๊กไฟคู่กับเต้าเสียบ แล้วทำไมตัวเธอยังไม่เจอลูกกุญแจที่เข้ากันเสียที 


    ในโลกที่การไร้คู่ถือเป็นความแปลกประหลาด แม่กุญแจสีเขียวไข่การู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งยามเมื่อพบปะเพื่อนฝูงและญาติผู้ใหญ่ ไม่ว่าใคร ๆ ก็ทำเป็นรู้ดีเรื่องการมีคู่แล้วเข้ามาจุ้นจ้านกับเธอไม่หยุดหย่อน 

    ‘รีบหาคู่เสียที’

    ‘ฉันแนะนำคนดี ๆ ให้เธอได้นะ’

    ‘พยายามทำตัวให้น่ามองหน่อยสิจะได้มีคนเข้าหา’


    หากทุกอย่างง่ายดายปานนั้น เธอคงหาคู่ของตนพบไปแล้ว ยิ่งนานวันเข้าความกดดันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที แม้พ่อกับแม่จะไม่เคยพูดออกมาตรง ๆ แต่แม่กุญแจสีเขียวไข่กาก็รับรู้ได้ถึงความตึงเครียดและกดดันบางอย่างจากสายตาของพวกเขาที่มองมายามนั่งกินอาหารเย็นด้วยกันทุกวัน และในทุก ๆ คืน เมื่อปิดไฟและล้มตัวลงนอนบนเตียง เธอมักเฝ้าถามว่าตนผิดปกติที่ตรงไหน เธอต่างจากคนอื่นอย่างไร แต่สุดท้ายคำถามเหล่านั้นก็ไม่เคยได้รับคำตอบ


     วันเวลาล่วงเลยผ่านไป แม่กุญแจสีเขียวไข่กาก็เริ่มชินชากับความกดดันจากผู้คนรอบข้าง เธอยังคงทำงาน และใช้ชีวิตลำพังไร้คู่ของเธอดังเช่นที่ผ่านมา แต่ในจุดเล็ก ๆ ยังซอกหลืบของหัวใจแม่กุญแจตัวนี้รู้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


    เธอไม่ซึมเศร้าเหงาหงอยยามไปดูหนังลำพังอีกต่อไป 


    เธอเลิกมองหาความผิดพลาดในชีวิต


    เธอเลิกคิดว่าคนอื่นจะมองเธออย่างไรแล้วสนใจแค่ว่าเธอมีความสุขกับสิ่งไหนแทน


    ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเลิกมองว่าการไร้คู่ช่างแสนเศร้า แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้อยู่แก่ใจ นั่นคือเธอมีความสุขยิ่งกว่าเมื่อก่อนเป็นไหน ๆ และแล้วในวันเกิดอายุครบ 30 ปี แม่กุญแจสีเขียวไข่กาตัดสินใจซื้อบ้านเป็นของตนเองแล้วย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนในครอบครัวที่ห่วงเเสนห่วงว่าเธอไม่อาจอยู่ลำพังได้ แม่กุญเเจสีเขียวไข่กากลับตอบทุกคนด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจว่า


     “อย่าห่วงเลยจ้ะ อยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก”


    แล้วก็เป็นจริงดังที่เธอคิด การใช้ชีวิตลำพังไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่หลายคนหวาดกลัว ในทางกลับกันเธอกลับมีความสุขมากเสียด้วยซ้ำที่ได้ทำอะไรดั่งใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด แม่กุญแจสีเขียวไข่กาใช้ชีวิตของตนต่อไปอย่างแสนสุขสันต์ เหงาบ้าง เศร้าบ้างในบางวัน แต่เธอไม่รู้สึกเดียวดายเลยสักนิด เพราะในหัวใจของเธอรู้ว่าเธอยังมีเพื่อนและพ่อแม่ให้พูดคุยและไปหาในยามที่คิดถึง เมื่อใจไม่เหงา เธอก็จะไม่มีวันเปล่าเปลี่ยว


    ส่วนคู่ชีวิตนั้น เธอไม่คิดตามหาอีกแล้ว แต่ถ้าวันใดจะได้พบกันเดี๋ยวก็คงได้พบเอง


    วันหนึ่งในวันเกิดอายุครบ 64 ปี แม่กุญเเจสีเขียวไข่กาตัดสินใจออกไปฉลองวันเกิดของตนตามลำพังตามประสาของตน เธอเเวะร้านขนมแล้วซื้อเค้กชิ้นเล็ก ๆ หนึ่งชิ้น จากนั้นก็แวะร้านดอกไม้ซื้อดอกกุหลาบสีเหลืองช่อเล็กให้ตนเองเป็นของขวัญหนึ่งช่อ แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่สวนสาธารณะ นั่งลงที่ม้านั่งยังมุมโปรดของตนในสวนแล้วร้องเพลงวันเกิดให้ตนเองเบา ๆ ในตอนนั้นเองนั่นแหละที่เธอได้ยินเสียงของใครอีกคนดังขึ้นข้างกายและเมื่อหันไปมองเธอก็ต้องชะงักไป


    “ขอโทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะของคุณหรอกนะ” เสียงนั้นกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ฉันแค่เห็นคุณนั่งร้องเพลงวันเกิดอยู่คนเดียวก็เลยอยากร้องขึ้นมาด้วย ขอโทษจริง ๆ ”


    เจ้าของเสียงนั้นเป็นลูกกุญเเจทรงวินเทจเคลือบด้วยสีเขียวไข่กาที่ดูท่าทางคงมาเดินเล่นในสวนสาธารณะแห่งนี้เพียงลำพัง รอยขีดข่วนบนตัวเขาบ่งบอกว่าเขาเองก็คงอายุไล่เลี่ยกับเธอ แม่กุญแจสีเขียวไข่กาทึ่งเล็กน้อย เธอไม่เคยพบลูกกุญแจแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ลูกกุญเเจที่ดูจะเข้าคู่กันได้ดีกับแม่กุญแจอย่างเธอ


    “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” เธอกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม 


    “ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดนะ ว่าแต่ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วละ” อีกฝ่ายเอ่ยถาม


    “64 แล้วจ้ะ”


    “เท่ากันเลย”


    “งั้นคุณอยากนั่งลงแล้วกินเค้กด้วยกันกับฉันไหม” แม่กุญแจชักชวน


    “เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยละ” 


    ลูกกุญแจสีเขียวไข่กานั่งลงข้างแม่กุญแจสีเขียวไข่กา ทั้งสองหัวเราะ พูดคุยและกินเค้กชิ้นนั้นด้วยกัน โดยที่ในหัวใจของทั้งสองรู้สึกอุ่นวาบอย่างน่าประหลาดทีเดียว 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in