เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Virus In Phatthalung : ฝูงผีดิบอาละวาดพัทลุงHacker Dewdie
Episode 5 : กองกำลังค่ายอภัยบริรักษ์
  • ===========================================================================
           ความเดิมตอนที่แล้ว :    ซอมบี้บุกโจมตีบ้านผม  ผม พ่อ แม่ เกม แชมป์ บรรดาญาติๆ และชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆ มารวมตัวกันทีี่ค่ายโรงเรียนประภัสสรรังสิต และหลังจากนั้นผมไปพบเจอแผนการที่ชาวบ้านขีดเขียนไว้บนกระดานดำ ผมจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้น้องๆ ฟัง
    ===========================================================================
                   

                   "พี่แน่ใจนะว่า นี่เป็นแผนการทีี่ดี"


                   "แล้วเกมจะให้พี่ทำอย่างไรละ....จะปล่อยให้ชาวบ้านพวกนั้นไปปะทะกับพวกซอมบี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย มันก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งลงในนรกเปล่า เพราะเหตุนี้ไงล่ะทีี่พวกเราจะต้องมาเพื่อปกป้องพวกเขา"


                   "แต่การที่แอบย่องออกมา และมาแอบหลบใต้ผ้าคลุมแบบนี้ มันทำให้พ่อแม่เป็นห่วงเอานะ"


                   "พ่อแม่ไม่รู้หรอก...พวกเราก็แค่กลับไปไปนอนในเต้นท์เท่านั้นเอง แล้วก็ทำทีว่าไม่รู้เรื่องต่อเหตุการณ์ซะ"


                   หลังจากสิ้นคำพูด ผมและน้องไม่มีบทสนทนาหลังจากนั้นอีก มีแต่เพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเอื่อยๆ และเสียงรถตกหลุมดังเป็นระยะๆ ผมและน้องทั้งสองคนแอบมานอนหลบใต้ผ้าคลุมที่อยู่ท้ายกระบะ นี่ก็เย็นแล้ว ผมยังคิดถึงวันเก่าๆ ที่ผมกับน้องๆ วิ่งเล่นสนามหญ้าหน้าบ้าน มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและผ่อนคลาย 


                   "ค่ายอภัยบริรักษ์ยินดีต้อนรับครับ  คุณมีีธุระอะไรกับค่ายอภัยบริรักษ์ เหรอครับ"


                   "ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่ 3 ต.นาท่อม พวกผมต้องการพบกับเจ้าหน้าที่ของที่นี่ ไม่ทราบว่าจะให้พวกเราเข้าไปได้ไหม"


                   "อ้าวผู้ใหญ่บ้านเองหรอกเหรอ นึกว่าเป็นใครมาจากที่ไหน "


                   "สวัสดีครับผู้หมวด ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ หวังว่าผู้หมวดคงสบายดี คือพวกผมต้องการพบกับหัวหน้าของผู้หมวดหน่อยนะครับ"


                   "ถ้าเป็นเช่นนััั้น เดี๋ยวขอเชิญทุกท่านลงจากรถก่อนนะครับ พวกผมขออนุญาตตรวจเช็คก่อนจะให้เข้าไปครับ"


                   ผู้ใหญ่บ้านเปิดประตูรถและเดินไปยังรถคันที่สอง และคันที่สาม เพื่อบอกให้ชาวบ้านลงจากรถ ในไม่ช้าชาวบ้านดัับเครื่องยนต์และเดินลงจากรถ ไปตั้งกลุ่มมองดูพวกทหารตรวจค้นภายในรถ บ้างใช้กระจกส่องใต้รถยนต์ บางก็เปิดประตูเข้าไปค้นหา 


                   "เกร้งงงงง!!!!!"  


                   "คุณผู้ใหญ่ คุณอำผมเล่นใช่ไหมเนี่ย คุณจะบอกกับผมเรื่องนี้อย่างไร" 


                   "พวกดาบ มีด พร้านั่น มันเป็นของที่ผมต้องการปกป้องชีวิตของ และชาวบ้านของผม ผมไม่ได้จะมาบุกค่ายแห่งนี้"


                   "แล้วเด็กคนนี้ล่ะครับ"


                   "คือ...เอ๊ะ...เด็กคนนี้......."


                   "ผมจะมาช่วยพวกพี่ผมนะ ผมไม่ได้......"


                   เสียงใสแจ๋วๆ ดังเข้ามาในหูของผม ผมจำเสียงนี้ได้ดี ผมตัดสินใจเปิดผ้าคลุมออกมาและยืน ปรากฏตัวจากท้ายกระบะของรถคันทีี่สอง


                   "แชมป์......ตามมาได้ยังไง พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า อย่าตามมา!!! "


                   "เห้ย..นั่น...ดาบ" กลุ่มทหารตะโกนดังลั่น แล้วจับปืนเล็กยาวชี้มายังทางผม "หมอบ หมอบ พวกชาวบ้านหมอบลงไปเดี๋ยวนี้ ส่วนเด็กสองคนนั้นชูมือขึ้้น นี่คือการรักษาความปลอดภัย ผมขอสั่งพวกคุณให้ทำตาม ไม่เช่นนั้นแล้วผมจะยิงพวกคุณ"


                   ผมและน้องของผมค่อยๆ ชูมือขึ้นเหนือฟ้า


                   "ลงมาจากรถนั้น เร็วๆ  แล้ววางอาวุธพวกนั้น หมอบและคลานมารวมกับกลุ่มคนพวกนี้"  ผมและน้องผมก็ทำตามคำสั่ง หลังจากที่ผมและน้องผมลงจากรถ ผมเห็นทหารหลายคนชีี้ปืนมาหาผมและน้องผม ปลายปืนนั้นมันเหมือนกับความตายที่จ่อคอของผม มือไม้ผมสั่น กลัวเป็นอย่าง  ผมรวบรวมสติ ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับไม้เทนนิสแล้วค่อยวางลงบนพื้นอย่างนิ่มๆ ส่วนเกมวางดาบ  และกล่องเก็บดาวกระจาย เมื่อปลดของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกเหล่าทหารผลักหลังผมและเกมให้ล้มลงบนพื้น และสั่งให้เอามือรวบไว้ด้านหลัง


                   


  •             

                   "คุณผู้ใหญ่ ผมสงสัยกลุ่มของพวกคุณแล้วสิ ทำไมกลุ่มของพวกคุณถึงกล้าจัดกำลังมาบุกค่ายแห่งนี้ พวกคุณมีจุดประสงค์อะไร"


                   "พวกเราโดนอมนุษย์บุกยึดบ้าน และทำร้ายพวกเรา พวกเราจึงตั้งค่ายกันที่โรงเรียนประภัสสรรังสิต แต่พวกเราไม่อาวุธยุทโธปกรณ์ พวกเราจึงวางแผนและรวมกลุ่มคนอาสามาขออาวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้กับพวกมัน"


                   "โกหก...ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นที่นี่เลย หลักฐานก็มีให้เห็นอยู่เต็มตา มีด ดาบ พร้า และเด็กสามคนที่ไม่ยอมลงมาจากรถนั้น มันก็มัดของคุณแล้ว บอกมา  ใครเป็นคนบงการพวกคุณมา"


                   "ผมไม่มีใครสั่งมาทั้งนั้น ผมมาเอง ผมมาเพราะความเดือดร้อนของชาวบ้าน"  ผู้ใหญ่บ้านตอบด้วยน้ำเสียงดุดัน


                    "งั้นผมขอกักพวกชาวบ้านที่นี่ไว้นี่  รถและอาวุธของพวกท่านจะถูกยึด ส่วนคุณ ขึ้นรถไปหาเจ้านายของผม"


                    ผมหายใจแรงๆ จนฝุ่นบนพื้นปลิว ผมเห็นทหารจับมือผู้ใหญ่ไขว้หลัง และส่วนกุญแจมือ จากนั้นสั่งให้ลุกขึ้นเดิน ด้วยอาการคอตก และหดหู่


                    ผมหมอบตัวลงบนพื้นยาวนานมาก ผมจำได้ว่าตอนเรียน รด. ก็ไม่เคยโดนหมอบนานขนาดนี้ทำให้ผมพลิกหน้าไปทางด้านซ้ายที ขวาที เพราะป้องกันความร้อนของถนนที่เพิ่งคายตัวจากแสงแดดยามเย็น  ผมมองไปยังเกม เกมมีเหงื่ออกไหลออกมามาก ส่วนแชมป์ที่ไม่เคยผ่านการฝึกการหมอบมาก่อน ทำให้ใบหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัดเจน


                    มันเป็นความคิดบ้าๆ ของผม ทีี่ชวนน้องมาร่วมเผชิญความอันตราย ผมเป็นคนวางแผนชวนน้อง  ผมคิดว่าแต่จะช่วยเหลือพวกเขา โดยไม่คิดถึงความหนักใจที่ผมสร้างให้กับชาวบ้านแบบนี้  ถ้าเย็นวันนี้ผมยังวิ่งเล่นกับพี่ๆ น้องๆ ข้างบ้าน ที่ตั้งค่ายกันที่โรงเรียน มันยังคงเป็นความรู้สึกที่ดีกว่าในตอนนี้แน่ๆ
                    


                                                                             ---------------




                    ท้องฟ้าเริ่มทาสีดำ ความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่  พวกชาวบ้าน ผม และน้องๆ ของผม ยังคงนอนหมอบหน้าค่ายอภัยบริรักษ์ มีแสงจากป้อมทหารและไฟส่องป้ายหน้าค่ายส่องสว่างให้มองเห็นบ้าง นายทหารหลายคนยังคงเดินวนเวียนอยู่รอบๆ และคอยจับตามองดูกลุ่มพวกเราอย่างไม่ขาดสาย


                    "มีีกลุ่มคนเดินเข้ามาทางนี้" 
                    

                     ผมหันไปหาที่มาที่นายทหารคนนั้นพูด คความมืดในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มเช่นนี้ ทำให้มองเห็นกลุ่มคนจำนวน 9-10 คนเดินช้าๆ เต็มถนน ได้เป็นรูปเป็นร่างไม่ค่อยชัดเจน

                    
                    "พวกเขาเดินมาหาพวกเรา...."

                    
                    "หยุด พวกคุณมาทำอะไรกันนี่ นี่มันมืดค่ำแล้ว รีบกลับบ้าน"


                    "นี่คือการรักษาความปลอดภัย ถ้าพวกคุณไม่หยุดเดิน ผมจะนับ 1-3 และจะยิงพวกคุณ"


                     หลังจากที่นายคนนั้นตะโกนออกไป พวกคนกลุ่มนั้นยังคงเดินเข้ามาหานายทหารอย่างช้า นายทหารคนนั้นนับหนึ่ง สอง  สาม ภายหลังจากการนับจังหวะ นายทหารคนนั้นเล็งปืนไปที่ขา และลั่นไก ทำให้คนที่เดินนำหน้าทรุดลง และนอนกับพื้น หลังจากนั้นแล้ว คนที่โดนยิงใช้มือตะเกียตะกายคลานกับพื้นมาหาทางกลุ่มพวกเรา ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังค่อยๆ เดินเข้ามาหา ด้วยเสียงร้องที่โหยหวน


                    "ปัง ปััง ปัง" 

                    หลังจากนัดแรกที่ยิงไป นััดที่สอง สาม และนัดต่อไปเรื่อยๆ ก็ยิงตามมา ในไม่ช้ากลุ่มคนเหล่านั้นนอนแน่นิ่งกับพื้น  นายทหารอาสาคนหนึ่งเดิน ไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อตรวจสอบศพ


                    "นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย.....ซากศพเดินได้หรือไงกันว่ะเนี่ย"


                    "นี่ก็ใช่ด้วย คนนั้นก็ใช่"


                    "มััันเป็นตัวประหลาดหรือไงกันว่ะเนี่ย เหม็นชะมัด"


                    หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปสักครู่หนึ่ง มีีเสียงวิทยุสื่อสารดังขึ้นมาจากเอวข้างทหารนายหนึ่งที่อยู่ใกล้ผม ทหารยกวิทยุสื่อสารขึ้นมาพูดคุย 


                    "โอเค ครับ รับทราบครับ ครับ"


                    "พวกท่านยืนขึ้น และรีบขึ้นท้ายรถกระบะของรถคันนั้นอย่างด่วนเลยนะ เดี๋ยวผมจะให้สิบโทขับรถไปส่งเจ้านายของผม ส่วนอาวุธพวกท่าน พวกผมจะเก็บไว้ที่นี่ก่อน เอาละ รีบไป รีบไป เร็วๆ"



                    ชาวบ้าน ผมและน้องๆ ของผม ที่นอนหมอบ ลุกขึ้นยืนและเดินขึ้นท้ายรถกระบะอย่างรวดเร็ว ในระหว่างทางที่ผมและชาวบ้านนั่งท้ายรถกระบะนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกดดันด้วยกลุ่มชาวบ้าน  ผมแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับใคร และไม่กล้าสู้หน้ากัับชาวบ้านนัั้นเลยด้วย




  •                 ในที่สุด รถกระบะวิ่งมาจอดอยู่หน้าอาคารกองพันทหารช่าง นายทหารขับรถเปิดประตูออกมาแล้วบอกให้พวกเราเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของอาคาร  เขาเดินนำพวกเราไปจนถึงห้องแห่งหนึ่ง ภายในห้องผมเห็นนายทหารคนหนึ่งที่สวมชุดทหารเครื่องแบบมียศนั่่งอยู่บนเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ และมีโต๊ะไม้สีโอ๊คอยู่ข้างหน้า กับผู้ใหญ่บ้านที่นั่งบนเก้าอี้ไม้รอคอยพวกผม


                    "ขอบใจสิบโทมากนะ เอาละ ออกไปได้แล้ว"


                    นายทหารคนนั้นก้มหัว คำนับ และหลังจากนั้นเดินออกจากห้องนี้ไป


                    "พวกผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทางพวกผมต้อนรับพวกคุณด้วยวิธีการแบบนั้น"


                    "ไม่เป็นไรครับ พวกผมเข้าใจจุดประสงค์ของท่าน"


                    "เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า"  ทหารยศสูงคนนั้นพยายามเอื้อมตัวไปหยิบแฟ้มที่อยู่ด้านหลังของเขาแล้วเอามาวางบนโต๊ะ "สิ่งที่พวกคุณกำลังพูดให้กับผมฟังนั้น มันคือเจ้าตัวนี้ใช่ไหม"


                    ทหารยศสูงคนนั้นเปิดแฟ้ม แล้วพลิกไปยังหน้ากระดาษแผ่นหนึ่งในแฟ้ม และยื่นมาให้พวกเราในกระดาษแผ่นนั้นมีรูปภาพของซอมบี้ที่เดินเข้ามาติดกับลวดหนาม และเกี่ยวติดเนื้อเยื้อ ผิวหนัง จนอวัยวะภายในไหลทะลักออกมา


                    "มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางค่ายเราเมื่อคืนก่อนหน้านี้  ......... ในคืนนั้น นายทหารคนหนึ่งได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่บริเวณที่รั้วลวดหนาม เมื่อส่องไฟฉายและติดตามพื้นที่อยู่ที่นั้นจนนาน ก็พบสิ่งผิดปกติอะไร ก็เข้าใจว่าเป็นสิ่งสาราสัตว์ที่เดินเข้ามาติดกับรั้วลวดหนาม จนกระทั้งเช้าวันรุ่งขึ้น นายทหารคนเดิมเดินเข้าไปสังเกตที่นั่นใหม่อีกครั้ง ก็พบเจอคนติดรั้วลวดหนามดังนี้แหละ"


                    "ใช่แล้วครับ สิ่งนี้แหละครับที่ผมเจอตอนที่มันจะเข้ามาทำร้ายผม"


                    "เอาละ เข้าใจแล้ว เบื้องต้นเราจะส่งเรื่องให้ต้นสังกัดของผมพิจารณาดูอีกทีว่ามันคืออะไร ว่าแต่ว่าพวกคุณมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอ"


                    "พวกเราคิดว่าจะมาขอยืมปืนครับ"


                    "ผมขอปฏิเสธ ผมไม่สามารถให้คุณหยิบยืมไปใช้ได้" ทหารยศสูงคนนั้นตอบ "การจะหยิบยืมปืน หรืออาวุธสงครามจากค่ายทหารไปใช้นั้น ทางพวกผมไม่มีสิทธิ์อนุญาติให้นำพวกคุณไปใช้ รวมถึงการหยืบยืมอาวุธสงครามนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ถ้าอาวุธเหล่านี้ใช้เข่นฆ่ามนุษย์กันเอง พวกเราจะต้องโดนสอบสวนอย่างหนัก ดังนั้นแล้วผมขอปฏิเสธ" 


                    "แต่ตอนนี้ผมและชาวบ้านอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์กันนะ พวกเราเดือดร้อน มันก็ควรผ่อนปรนกันบ้างสิ"


                    "ผมเข้าใจพวกคุณ แต่ตอนนี้พวกเรายังสืบสาเหตุไม่ได้ว่าเรื่องนี้มันเป็นไปเป็นมาอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นกับทางค่ายของเรานั้นมันเป็นแค่ข้อสันนิษฐานที่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เราต้องรอรายงานถึงผู้ใหญ่ก่อน ก่อนที่จะจัดการอะไร"


                    "กว่าเรื่องมันจะไปถึงตอนนั้น พวกเราก็คงตายกันหมดแล้ว แล้วพวกคุณคงชอบสินะ คุณเป็นคนของประชาชนไม่ใช่เหรอ พวกหน่วยงานรัฐใจดำ ทำไมไม่ฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้าง"


                    "เราพยายามฟังอยู่....มันต้องมีีการทำงานเป็นไปตามลำดับ"
                 

                    ผลัะะ


                    "ท่านครับ มีวิทยุสื่อสารจากประตูทางเข้ามาว่าพบเจอกองกำลังคนที่เดินเข้ามาประชิดรั้วกำแพง เบื้องต้นก็ไม่ทราบว่าพวกเขาเดินเข้ามาทำอะไร แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่นอนครับ"


                    "เอาทหารส่วนหนึ่งไปประจำอยู่ที่จุดเกิดเหตุแล้วพร้อมระวังภัย  ผมจะเดินทางไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด"


                    "พวกท่านรอผมอยู่ที่นะ เดีี๋ยวผมจะกลับมา"


                    ความเงียบสงบปกคลุมภายในห้องแห่งนี้ ไม่มีใครปริปากพูดสักคำ ผู้ใหญ่บ้านมองดูเอกสารภายในแฟ้ม แล้วจึงปิดแฟ้มวางบนโต๊ะ หันหน้ามามองผม


                    "พวกเธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่ รู้ไหมว่ามันอันตราย"


                    "ผมรู้...แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าทางพี่เจออันตราย และมีชีวิตรอดไหม"


                    "เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆ อย่างพวกเธอไม่เกี่ยวข้อง"


                    "ทำไมจะไม่เกี่ยว ผมรู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้ ไอ้เจ้าสิ่งนั้นผมรู้ดีว่ามันคือตัวอะไร และผมรู้นะว่ามันจัดการยังไง และผมก็เพื่อช่วยพวกพี่ๆ นะ"


                    "ช่วยยังไงล่ะ...นี่เธอไม่รู้เหรอว่าสร้างความหนักใจอะไรอะไรให้กับพวกเราไว้บ้าง เด็กๆ อย่างพวกเธอ เล่นเกม ดูการ์ตูนไปวันๆ ก็พอแล้ว อย่ามายุ่งกันเลย"


                    "ปัง ปัง ปัง" 


                    เสียงปืนดังขึ้นจากข้างนอกอาคาร ผมและชาวบ้านหยุดปะทะคารมณ์และฟังที่มาของเสียง ผมรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมตัดสินใจวิ่งไปผลักประตู และรีบดูบรรยากาศโดยรอบๆ ที่ระเบียงของอาคาร เสียงมันดังมาจากทางด้านประตูทางเข้า ในไม่ช้าผมวิ่งลงบันไดอย่างเร่งด่วน


                    ผมรู้ว่าเราอยู่ไกลจากที่ประตูทางด้านเข้าของค่ายมาก แต่ผมไม่มีรถมอเตอร์ไซต์ประจำตัว ผมมีแค่สองเท้าทีี่จะพาผมไปยังที่เกิดเหตุได้ ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่งอย่างเต็มที่ พยายามจ้วงเท้าให้เร็วที่สุด โดยมีน้องเกมวิ่งตามมาด้านหลัง และแล้วแรงในก้าวเท้าวิ่งเริ่มตก ผมเริ่มเหนื่อยจากอาการวิ่ง จนในที่สุดก็หมดแรง จนต้องยืนพักหายใจสักครู่


                    "พี่ไม่ไหวแล้วเกม แฮ่ก แฮ่ก" ผมหายใจรุนแรงมาก "เกมต้องไปช่วยพวกเขาก่อน แฮ่ก แฮ่ก" 


                    "ไม่พี่...." เกมก็หายใจเข้า แล้วค่อยพูดต่อ "พีี่จะวิ่งไปทำไม...............คือผมจะมาบอกกับพี่ว่า..........นายทหารและพวกชาวบ้านขึ้นรถ และเตรียมจะไปช่วยพวกเขาแล้วนะ พวกเราควรขึ้นรถไปกับพวกเขาดีกว่า" 


                    "แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแรก"


                    "ก็พี่เล่นวิ่งเร็วขนาดนั้น ใครจะไปห้ามพี่ทันได้เล่า"




  •                 ในที่สุดรถกะบะวิ่งมายังถึงประตูค่าย พวกผมและชาวบ้านพบเจอฝูงซอมบี้นอนตายเกลื่อนหลายศพ และยังมีีอีกหลายตัวเดินเข้ามา โดยมีนายทหารตั้งแถวหน้ากระดานยืนยิงกันไม่ขาดสาย ด้านหลังของกำแพงททหาร ยังมีนายทหารหลายนายที่ทำหน้าเตรียมกระสุน  และข้างๆ กำแพงทหารมีนายทหารยศสูงคนนั้นใช้ปืนกลยิงใส่ฝูงซอมบี้ด้วย


                    ทันทีที่รถกะบะหยุดลง ผมกระโดดลงจากรถ และวิ่งไปที่ป้อมทหาร 


                    "ไม้เทนนิส......ไม้เทนนิสผมอยู่ที่ไหน"  ผมร้องตะโกนดังลั่น


                    "มันอยู่ที่ตรงนั้น"  นายทหารที่ทำหน้าที่บรรจุกระสุนกล่าว และชี้ไปยังที่โต๊ะม้าหินอ่อน ผมเห็นไม้เทนนิสกับกล่องลูกเทนนิสของผม และ ดาบและดาวกระจายของเกมตั้งอยู่บนโต๊ะ ผมวิ่งไปหยิบไม้เทนนิส เปิดฝากระบอกลูกเทนนิส หยิบออกมา 2 ลูกและก็ปิดฝากระบอก


                    หลังจากนั้น ผมวิ่งไปอยู่ด้านหล้งของกองทหารที่ตั้งแถวหน้ากระดาน ผมปล่อยลูกเทนนิสตกลงพื้น ให้กระเด้งขึ้นมา 2 ครั้ง หลังจากนั้นหวดไม้เทนนิสจากล่างขึ้นสู่ข้างบน ลูกเทนนิสลอยขึ้นข้ามกำแพงทหาร และก็ฮุกตกลงมาที่หัวของซอมบี้ ตัวที่หนึ่ง ตัวที่สอง และหลังจากนั้นลูกเทนนิสก็พุ่งกลับมาหาผม ผมจะทำท่าแบบเดิมอีกครั้ง แต่.....


                    "เกมอย่า...."   ผมเห็นเกม ชักดาบออกมาและเตรียมวิ่งเข้าไปหา "มันอันตราย นั่นมันดงกระสุนนะเว้ย"


                    เกมลดดาบลง และเก็บเข้าในฝัก และนั่งด้วยเซง เอามือเท้าคาง มองผมกับทหารต่อสู้ซอมบี้


                    หลายนาทีต่อมา ซอมบี้เหลืออยู่ไม่กี่สิบตัว และฝั่งของทหารเองก็ยิงสู้กับซอมบี้มานานจนปืนติดขัดลำกล้องหลายกระบอก เหลืออีกแค่ 2 กระบอกเท่านั้นที่ยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่ รวมกระทั้งกระสุนที่เหลืออยู่ไม่มาก


                    แต่แล้ว ปืนกระบอกหนึ่งดันมาติดขัดลำกล้อง และอีกกระบอกหนึ่งไม่เหลือกระสุน นายทหารร้องขอกระสุนจากทหารด้านหลัง ปรากฏว่ากระสุนหมดแล้ว จึงร้องขอกระสุนปืนจากอีกกระบอกหนึึ่ง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะรังเพลิงมันไม่ยอมหลุดจากกระบอกปืน ทหารพยายามใช้ไขควงงัดแงะ เขย่าปืน แต่มันก็ยังไม่ยอมหลุด  ส่วนผมลูกเทนนิสที่มีอยู่ในตอนนี้มันแตก บุบ และเบี้ยวหลายลูกแล้ว รวมกระทั้งเอ็นหย่อยอย่างเห็นได้ชัดเจน ทำให้ประสิทธิภาพในการตีจะลดลงเป็นอย่างมาก ผมลองตีอีกครั้ง ปรากฏว่าเอ็นไม้เทนนิสขาด


                    "เกม.....ดาวกระจายของเกมนั่น"


                    "ได้เลยครับพี่ ผมรอเวลานี้มานานแล้ว"


                    เกมหยิบดาวกระจายขึ้นมาด้วยมือขวา และเหวี่ยงไปแขนด้านหลัง บิดลำตัวเล็กน้อย งอเข่าด้านซ้าย แขนซ้ายกางออกมาเพื่อพยุงตัวเอง หลังจากนั้น ก้าวเท้าขวามายังข้างหน้า บิดตัวเอง หมุนรอบตัวเอง 2 รอบ ก่อนจะขว้างดาวกระจายออกไป  มันพุ่งตรงไปยังฝูงซอมบี้ด้วยทิศทางที่โค้งเข้าหาหัวซอมบี้ตัวที่หนึ่ง ทะลุหัวตัวที่สอง ทะลุหัวตัวที่สาม ทะลุหัวตัวที่สี่ ทะลุหัวตัวที่ห้า และทะลุหัวตัวที่หก  ทั้งหมดนอนแน่นิ่งลงกับพื้่น


                    เกมทำลักษณะนี้เช่นเดิม 3 ครั้ง จนซอมบี้ตัวสุดท้ายล้มลง หลังจากนั้นผมได้ยินเสียง นิ่งแล้ว หยุดยิง แล้วก็มีีเสียงเฮจากทหารและชาวบ้านตามมา สักครู่นายทหารยศสูงเดินเข้ามาหาผมและเกม 


                    "ขอบคุณ ขอบคุณพวกเธอมากจริงๆ พวกเธอทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม"


                    และหลังจากนั้น นายทหารยศสูงคนนั้นเดินไปหาผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ด้านหลังของผม ผมและน้องเดิมตามไปด้วย


                    "ผมเข้าใจพวกคุณแล้วละ"  นายทหารยศสูงคนนั้นกล่าว "พวกผมไม่มีสิทธิ์จะให้อาวุธสงครามแก่คุณ แต่วันพรุ่งนี้เช้าวันรุ่งขึ้น ผมจะส่งทหารเพื่อไปช่วยป้องกันภัยที่อยู่ของพวกท่าน  ส่วนคืนนี้ เดี๋ยวผมจะจัดแจงที่หลับที่นอนให้ทุกคนพักผ่อนก่อนนะ"                


                    "ไม่ได้ครับท่าน"  ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับ "ผมต้องรีบกลับแล้ว  เรานำผู้ชายที่มีพละกำลังแข็งแกร่งและพร้อมต่อสู้ออกมาหลายคน  ผมกลัวว่าที่หลบภัยของผมจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้นเราต้องรีบกลับเป็นการเร่งด่วน"


                    "งั้นหรอกเหรอ....ก็ได้  ผมขอให้พวกคุณโชคดีกับการเดินทางกลับนะครับ"


                    "ค่ายอภัยบริรักษ์พร้อมรับใช้ประชาชนครับ" 
                    นายทหารยศสูงคนนั้นกล่าวปิดท้าย และแสดงวันทยหัตถ์ให้กับผู้ใหญ่บ้าน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in