เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Virus In Phatthalung : ฝูงผีดิบอาละวาดพัทลุงHacker Dewdie
Episode 1 : ยินดีต้อนรับ
  •                พัทลุง เป็นชื่อจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีภูมิประเทศเป็นที่ราบ เนินเขา และชายฝั่ง รวมอยู่ในจังหวัดเดียวกัน มีพื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนาข้าว  ข้าวสังข์หยด เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรกรรมที่ขึ้นชื่อมากของจังหวัดพัทลุง พัทลุงยังมีแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายเช่น เทือกเขา ถ้ำ น้ำตก และชายฝั่ง ชาวภาคใต้มักจะเรียกจังหวัดนี้ว่า เมืองลุง

                
    "พ่อ...น้ำไม่ไหล แล้วจะอาบน้ำกันยังไง"  เด็กชายคนหนึ่งตะโกนจากห้องน้ำซึ่งอยู่ทางหลังบ้าน ในขณะเดียวกัน พ่อ แม่ และผมที่เป็นพี่ชายคนโตสุด กำลังนั่งดูละครหลังข่าวภาคค่ำอย่างสนุกสนาน ส่วนน้องชายคนสุดท้องนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ตรงกลางบ้าน

                    "พ่อ.. พ่อ" เสียงเด็กชายคนนั้นก็ตะโกนอีกครั้ง

                    "เปรี๊ยะ!!" แม่ตบเข้าที่บ่าของพ่อ  "ตัวเองไปดูหน่อยเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น" หลังจากที่แม่พูดจบ พ่อลุกขึ้นยืนจากที่นอนบนโซฟาตัวสีฟ้า ถอนหายใจหนึ่งครั้ง และผูกผ้าขาวม้าให้กระชับก่อนจะเดินไปทางหลังบ้าน ส่วนผมกำลังดูละครอยู่ดีๆ ก็โดนแม่สั่งให้เดินไปดูกับพ่อด้วย ผมจึงต้องเดินตามหลังพ่อไปติดๆ

                   "ไหน..เกิดอะไรขึ้น" เสียงพ่อพูดขึ้นมาโดยที่ยังเดินอยู่ภายในครัว ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องน้ำหลังบ้าน

                   "เนี่ย...น้ำไม่ไหล" หลังจากที่เด็กชายคนนั้นพูดจบ พ่อทดสอบโดยการบิดก๊อกน้ำที่ใช้อาบน้ำ ปรากฏว่าไม่มีน้ำไหลออกมาจากฝักบัวเลย

                   "หยิบไฟฉายให้พ่อหน่อย" พ่อหันหน้ามาทางผม ผมรู้ตัวเองว่า ต้องเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปหาไฟฉาย ซึ่งไฟฉายที่บ้านผม เป็นสิ่งของที่หายากหาเย็นเหลือเกิน เมื่อใครใช้งานเสร็จก็ไม่รู้เอาไปตั้งไว้ที่ไหน เวลาจะใช้ก็ต้องหา ปรากฏว่าคราวนี้เก็บอยู่ในโต๊ะลิ้นชักที่น้องคนสุดท้องเล่นเกม ผมถือไฟฉายของตัวเองและหยิบไฟฉายอีกอันหนึ่งแล้วเดินไปหาพ่อ

                  เมื่อผมเดินมาถึง ผมเห็นพ่อถือกล่องเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับซ่อมบ้าน ผมยื่นไฟฉายให้พ่อ  พ่อเปิดประตูห้องครัวที่อยู่ทางหลังบ้านออกไป บรรยากาศความเย็นไหลผ่านเข้ามาในห้องครัว ความมืดปกคลุมอยู่ภายนอก เสียงแมลงกลางคืนร้องระงมทั่วทุ่ง พ่อส่องไฟฉายและเดินนำหน้า ส่วนผมเดินตามหลังพ่อไปติดๆ  เป้าหมายปลายทางคือแท๊งค์น้ำบาดาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่สูบน้ำขึ้นมาจากใต้ดินแล้วนำมากักเก็บไว้เพื่อใช้อุปโภคและบริโภคภายในบ้าน

                  แต่แล้ว ผมเหยียบอะไรบางอย่าง รู้สึกเหมือนเละๆ และลื่นๆ เมื่อส่องไฟฉายมาดูที่เท้าของตัวเอง ผมเห็นเท้าตัวเองเหยียบมือใครบางคน

                  "พ่อ"

                  "อะไร"

                  "ดูนี่หน่อยสิ"

                  พ่อส่องไฟฉายมาทางผม ทำให้พบเจอสิ่งประหลาดอยู่บนพื้น

                  "ใครมานอนอยู่แถวนี้" แสงจากไฟฉายของพ่อส่องมาทำให้ผมเห็นร่างของคนๆ หนึ่งนอนอยู่บนทางเดิน ผมส่องไฟฉายไปที่หน้าของเขา สภาพใบหน้าของเขาเละเหมือนกับถูกรถชน ซีดเซียวราวกับไข่ต้มปอกเปลือก เลือดไหลนองเต็มทั่วพื้น สภาพหน้าตาแบบนี้เหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                  ผมพินิจพิจารณาร่างกายของชายคนนี้ครู่หนึ่ง แล้วผมก็ได้ยินเสียงครวญของเขา เขาขยับเขยื้อนร่าง บางทีเขาอาจจะไม่ตาย เขาอาจจะมีลมหายใจ หรือบางทีก็อาจจะได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนะ  ใครกันหนอ...ทำร้ายกับเขาได้ลงคอ อาชญกรรมเหรอ ไม่น่าจะใช่ แต่สภาพร่างกายของเขาดูเละเทะ ชวนให้น่าขยะแขยงมากจริงๆ
               

  •               ไม่ทันไร เขารีบเอามืออันเหี่ยวย่นพยายามคว้าต้นขาซ้ายผม ผมสะดุ้งจนต้องชักเท้ากลับอย่างรวดเร็ว เขายังคงพุ่งเข้ามาที่เท้าของผมเหมือนเดิม ชั่วขณะหนึ่ง ผมเห็นเขาเงยหน้าขึ้นมาทำให้ผมสังเกตเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนมากที่สุด ตาสีขาวขุ่นมัว ฟันสีเหลืองเรียงตัวกันไม่เป็นระเบียบ ใบหน้าที่เหยเกเช่นนี้ทำให้ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร ผมใช้เท้าขวาซัดเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของเขา จนร่างกายของเขากลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นหลายตลบ

                 "พ่อ กลับเข้าบ้านด่วน" ผมเรียกพ่อทันที

                 "อะไรนะ"

                 "เถอะนา...เร็วๆ เข้า"                 

                 ผมคว้ามือพ่อและจูงมือวิ่งขึ้นบ้านอย่างเร็วที่สุด ผมปิดประตูหลังบ้านดังลั่น ล๊อคกุญแจประตู  ผมหยุดนิ่งสักครู่และหันไปหาพ่อ พ่อยังมีสีหน้างงอยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหมือนกับว่ามีคำถามอยากจะถามผม 
     
                ทันใดนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูดังลั่นจากหน้าบ้าน
                ผมไม่รอช้า วิ่งออกจากห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ผ่านห้องครอบครัวที่เคยนั่งดูทีวี เห็นแม่กับน้องชายคนกลางยืนตรงประตูหน้าบ้าน ส่วนน้องชายคนสุดท้องหยุดเกมที่เล่น และกำลังเดินไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ละครหลังข่าวภาคค่ำที่เคยชม เกมคอมพิวเตอร์ที่น้องกำลังเล่น ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปหมดแล้ว

                 แม่แหวกผ้าม่านหน้าต่างที่อยู่ข้างประตูหน้าบ้าน มีใบหน้าโผล่ออกมาให้พวกเราได้เห็นอย่างชัดเจน ใบหน้าของมันไม่ต่างกับชายที่นอนอยู่หลังบ้านเลย มันใช้มือทุบกระจก จนแม่ต้องปิดผ้าม่านลง

                 "มีคนกำลังขอร้องความช่วยเหลือจากข้างนอก"
     
                 "แม่ !!...อย่าออกไป" น้องชายคนเล็กสุดห้ามปรามเอาไว้ ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีก "นั่นมันซอมบี้ (Zombie) นะ"

                 "ซอมบี้..." แม่ฟังน้องพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ "หมายถึง คนที่อยู่ข้างนอกใช่ไหม"

                 "ใช่...มันจะมากินพวกเรา "

                 "ไม่ใช่แล้วมั้ง...สงสัยแชมป์คงเล่นเกมมากเกินไป" แม่กล่าวกับน้องคนสุดท้อง

                 "ใช่แล้วนั่นคือซอมบี้" ผมพูดเสริมไปทันที คราวนี้ดวงตาของแม่หันมามองทางผมบ้าง ผมรู้สึกเหมือนกับไฟสปอร์ตไลท์สว่างขึ้นตรงที่จุดที่ผมยืนอยู่ทันที ราวกับว่าผมได้รับบทบาทในการพูดและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้น

                 "จะพูดกล่าวง่ายๆ นะพ่อ แม่....คืองี้ ซอมบี้มันเป็นศพ ศพที่เดินได้ราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่จริง มันโหยหาเพื่อกินร่างกายของมนุษย์ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของมัน สาเหตุหลักๆ มันเกิดจากเชื้อไวรัสปรสิตอาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ ถูกยึดและควบคุมสมองเพื่อสั่งการให้กินคน คนที่โดนมันกินจะได้รับเชื้อและจะกลายเป็นเหมือนพวกมัน มันจะแพร่พันธุ์ขยายเชื้อต่อๆ ไป จากคนแล้วคนเล่า และอีกไม่นานเมืองทั้งเมืองก็มีแต่พวกมัน เป็นเมืองที่มีแต่ศพเดินได้" ผมมองดูหน้าพ่อกับแม่ที่ฟังผมเล่าอย่างตั้งใจ

                 เสียงเคาะประตูบ้านดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง

                 "พี่ดิว พูดจริงเหรอเกม" พ่อถามน้องชายคนกลาง

                 "ใช่แล้ว..." 

                 แต่ไม่ทันไร ประตูหน้าบ้านถูกของกระแทกอย่างรุนแรงมาก ทำให้เกิดเป็นรูช่องเล็ก ครอบครัวของผมตกใจเป็นอย่างมาก และในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา มีเสียงกระแทกอีกครั้ง คราวนี้เป็นรูใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าของที่กระแทกกับประตูคือขอบกระถางต้นไม้อันใหญ่ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าบ้าน

                 "คราวนี้ทำยังไงดี"  น้องคนกลางพูดขึ้นมา

                 "ไปหลบซ่อนในห้องพ่อแม่กันก่อนเถอะ" พ่อตอบ

                 พ่อกับแม่รีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนของพ่อแม่ ส่วนผมและน้องชายทั้งสองคนวิ่งตามหลังติดๆ ก่อนที่ผมจะเข้าประตูห้องนอนของพ่อแม่ ผมมองไปที่ประตูหน้าบ้านเป็นครั้งสุดท้าย คราวนี้มันถูกพังออกเป็นรูใหญ่ที่คนสามารถลอดเข้าลอดออกได้ ผมเห็นฝูงซอมบี้ค่อยคลานผ่านช่องนั้นเพื่อเข้ามาภายในบ้านผม นี่มันไม่ใช่เวลารับแขกนะ และผมไม่อยากต้อนรับมันเลยจริงๆ  มันไม่มีมารยาทในการไปเยี่ยมเยือนแขกเอาซะเลย
  •              ผมปิดประตูห้องนอนของพ่อแม่ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องนอนพ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว

                 "ประตูไม้แค่นี้คงเอาไม่อยู่หรอกพ่อ เดี๋ยวมันก็เอาของมาพังประตูอีก" น้องคนกลางพูดขึ้นมา

                 "เกมคิดว่างั้นเหรอ"

                 พ่อหยิบรีโมทแอร์ที่วางอยู่บนโทรทัศน์ แล้วจิ้มนิ้วลงบนปุ่มรีโมด 4-5 ปุ่ม หลังจากนั้นไม่นานประตูไม้ที่เป็นห้องนอนของพ่อถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็นเหล็ก มีกลไกใส่กลอนอย่างอัตโนมัติ 2-3 ชั้น และเสริมด้วยประตูเหล็กอีกหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันการพังประตู

                  "พ่อเอาเงินจากไหนมาสร้างล่ะ" ผมถามขึ้น

                  "เงินโบนัสของพ่อนะ"  พ่อตอบขึ้นมา "พ่อกะว่าจะทำให้ห้องนี้เป็นห้องเซฟโซนที่สุดของบ้าน เผื่อว่าวันหนึ่งน้ำจะท่วมโลก แผ่นดินไหว หรือนิวเคลียร์ถล่ม อะไรทำนองนี้ ห้องนี้จะเป็นห้องที่ใช้ป้องกันภัยก่อนจะขอความช่วยเหลือจากคนภายนอก"

                  "ห้องนี้เนี่ยนะ.....แล้วมันจะหลบภัยได้ยังไง ฝาผนังก็เป็นอิฐเป็นปูนทั้งนั้น นิวเคลียร์ถล่มก็พังพินาศย่อยยับแล้ว"

                  หลังจากที่น้องคนกลางพูดจบ พ่อไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก พ่อเอามือจิ้มบนรีโมทแอร์อีกครั้ง เตียงที่พ่อแม่เคยนอนยุบตัวลงบนพื้น พื้นของห้องที่เคยอยู่ใต้เตียงนอนถูกเปิดออกมาเหมือนบานพับของประตู ปรากฏเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ และหลังจากนั้นไม่นานก็มีแสงสว่างส่องออกมาจากภายในช่อง ทำให้ผมเห็นบันไดทางลงสู่ห้องใต้ดิน

                  "ห้องนี้มันเป็นห้องที่ได้ตามแนวคิดของพ่อของพ่อนะ แกโม้ว่าเนี่ยนะตอนที่ยังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านที่แกอาศัยอยู่ในตอนนั้น มีห้องใต้ดิน แกใช้หลบภัยจากฆ่าศึกศัตรู หรือหากมีขีปนาวุธหล่นลงมากลางบ้าน ก็คงจะคุ้มกันปกป้องชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้อยู่ใต้ดิน ก็ไม่มีพ่อหรือมีลูกจนถึงทุกวันนี้หรอก" พ่ออธิบายให้ฟัง "ลงไปหลบภัยในห้องข้างใต้เถอะ พ่อไม่ได้ลงเข้าไปมาเป็นปีแล้ว ไม่รู้ว่าห้องสะอาดดีหรือเปล่าหนอ"

                 ก็นั่นแหละครับ ผมเองก็เพิ่งเข้าใจไม่นานเนี่ยเองว่าทำไมตอนกลางคืนพ่อของผมชอบนอนในห้อง มันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า ในตอนกลางค่ำกลางคืน พ่ออาจจะอยู่ในห้องใต้ดินก็เป็นไปได้นะ แต่เอ..พ่อของผมก็นอนในห้องตลอดคืนนี่นา หรือไม่แน่นะ..บางทีพ่ออาจจะมีเทคโนโลยีอีกอันหนึ่งที่ผมยังไม่รู้ สิ่งๆ นั้นอาจจะเป็นมิราจ เมื่อเวลาใครเดินมาเปิดประตูห้องพ่อ ก็อาจจะเจอพ่อนอนอยู่บนเตียง แต่นั่นอาจจะเป็นภาพลวงตา ตัวจริงนั้นก็คงอยู่ในห้องใต้ดินก็เป็นไปได้นะ

                 "แล้วพ่อครับ...ห้องใต้ดินมันป้องกันน้ำท่วมโลกได้ยังไง" ผมนึกคิดขึ้นมาระหว่างเดินลงบันได โดยที่ไม่ได้ถามพ่อ

                 
  • แผนที่ภายในบ้านของผมอย่างคร่าวๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in