The Strokes เป็นวงอัลเทอร์เนทีฟที่เราชอบมากๆวงหนึ่ง (อย่าพึ่งงงว่าแล้วเกี่ยวอะไรกัน อ่านไปก๊อนน5555)
คือมีคนแนะนำให้เราฟัง The Strokes ปรากฏว่าเราถูกใจความอินดี้มากๆ ก็กลายเป็นติ่งไป ทีนี้วันนึงเราอ่านเจอว่าทางวงมี The Velvet Underground เป็น inspiration ตอนนั้นไม่เคยได้ยินชื่อวงนี้มาก่อนเลย ติดใจในความเท่ของชื่อ ก็เลยลองดูไบโอของวง ปรากฏว่าอ้าวเห้ย วงของ Lou Reed หนิ อ่านไปอ่านมา อ้าว เป็น inspiration ของเดวิดโบวี่สุดที่รักเราด้วยหนิ ต้องลองฟังเพลงละล่ะ
เปิดอัลบั้มที่ถูกกล่าวถึงว่าคลาสสิคตลอดกาลอย่าง The Velvet Underground & Nico มาลองฟัง
นึกยังไงไม่รู้แฮะจิ้มไปฟัง Venus In Furs เพลงแรก ปรากฏว่าไม่ชอบเลย แบบเฮ้ยอินดี้อะไรเบอร์นี้อ่ะ เข้าไม่ถึงโว้ยๆๆๆ แล้วก็ปิดไปเลย ลาก่อย
มีวันนึงเราหาอะไรฟังในยูทูปไปเรื่อยเปื่อย เหมือนนังยูทูปพยายามจะให้โอกาสชั้นฟังอีกหลายรอบมากๆ สุ่มมาสาม-สี่รอบ แถมยังมี The Velvet Underground & Nico แบบ full album อยู่ในลิสต์ข้างๆอีก ก็เลยอ่ะ ไหนลองฟังอีกรอบดูดิ้ เผื่ออาจจะชอบเพลงอื่นก็ได้
เปิดฟังตั้งแต่แทร็คแรก Sunday Morning ปรากฏว่าชอบเพลงนี้แฮะ แล้วก็ไล่ฟังไปเรื่อยๆ อารมณ์ระหว่างฟังอัลบั้มนี้คือแบบ เฮ้ยทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ออกมาอ่ะ อินดี้มากเลยรู้ตัวป่ะเนี่ย 555555 พอจบอัลบั้ม ปรากฏว่าประทับใจในเนื้อเพลงกับความอินดี้เว้ยเฮ้ย คือคิดดูนะ ในปลายยุค 60 ที่กระแสของเพลงส่วนใหญ่พูดถึงความรัก เรียกร้องเสรีภาพ ต่อต้านสงคราม แต่มีอิวงนึงแต่งเพลงเกี่ยวกับ การประท้วง, ยาเสพติด, เซ็กส์ S&M และความเสื่อมโทรม กับดนตรีที่มีซาวด์ประหลาดๆ กับเสียงกีต้าร์สากหู แถมชื่อเพลงและเนื้อเพลงยังล่อแหลมจนสถานีวิทยุนิวยอร์คไม่ยอมเปิดออกอากาศให้ (แต่วงก็ เออ ช่างแม่ง ไม่เปิดตุก็ไม่เล่นในนิวยอร์ค ตุไปเล่นที่อื่นก็ได้) คือแบบ—โอ้ย โคตรพังค์ นี่แหละจุดเริ่มต้นของความพังค์ เราโคตรชอบความ don't give a fu*k ของวงนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า
ดนตรีของ Velvet Underground กลายเป็นแนวทางให้กับวงพังค์ร็อค โพสต์-พังค์ และอีกหลากหลายแขนงที่แตกออกไปในยุคหลังๆ (เช่น David Bowie, Sex Pistols, Joy Division, Morrissey, Nirvana, Sonic Youth) หรือวงอัลเทอร์เนทีฟในยุคนี้อย่าง The Strokes, Arctic Monkeys หรือ The Kooks ก็มีเวลเว็ทอันเดอร์กราวน์เป็นแรงบันดาลใจเช่นกัน
พูดถึงอัลบั้มของเวลเว็ทฯที่เราฟังบ่อยที่สุด และอยากให้ทุกคนลองบ้าง นั่นก็คืออัลบั้มกล้วยกับ The Velvet Underground (ใช่ ชื่ออัลบั้มเดียวกับชื่อวงนั่นแหละ)
The Velvet Underground & Nico (หรือ The Banana Album)
เพลงโปรดแรกของเราในอัลบั้มคือ Sunday Morning เป็นเพลงสบายๆทำนองติดหูง่าย หลายๆคนน่าจะชอบเพลงนี้
Femme Fatale - เพลงนี้ลูแต่งให้ Nico ร้อง สารภาพว่าฟังครั้งแรกเราคิดว่าเสียงผู้ชาย เพลงนี้มีเสน่ห์ตรงสำเนียงเยอรมันของเธอนี่ละ
Venus in Furs - เพลงนี้กลายเป็นเพลงโปรดตลอดกาลของเราไปแล้วอ่ะ จากที่ตอนแรกแบบ ไม่เอา ฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนี้คือรักทุกองค์ประกอบ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน 555555 เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายเยอรมันชื่อเดียวกันกับเพลงที่แต่งโดย Leopold von Sacher-Masoch เนื้อหาของเพลงพูดถึง BDSM เราไม่ค่อยเจอเพลงที่มีเนื้อหาแนวนี้ในแบบ poetic อย่างนี้อ่ะ บวกกับเสียง electronic-viola ที่ใส่มาในเพลง OMFG ทุกอย่างมันเข้ากันมากๆๆๆๆๆ ขอบคุณที่ในชีวิตนี้ฉันมาเจอเพลงนี้
I’ll Be Your Mirror - เพลงนี้ลูแต่งให้ Nico ร้องอีกเช่นกัน เนื้อเพลงน่ารักดี ทำนองนุ่มนวล เป็นความสดใสในอัลบั้มโลกมืดเนี้ย 55555
จริงๆเราชอบทุกเพลงเลยอ่ะแหละ แต่นี่แนะนำเพลงที่ฟังง่ายๆไว้ก่อน เดี๋ยวคนหนีหมด
ส่วนอีกอัลบั้ม The Velvet Underground
อัลบั้มนี้ Lou Reed แต่งเพลงเองทุกเพลง (โชว์เหนือไปอีก)
เราว่าอัลบั้มนี้ฟังง่ายกว่าอัลบั้มกล้วย แต่ก็ยังมีความเป็น VU อยู่เต็มเปี่ยม (หมายความว่าฟังแล้วก็อาจจะเกิดคำถามว่า ทำเพลงผีบ้าอะไรของพวกแก ได้เหมือนกัน แต่ไม่มากเท่ากล้วย)
มาพูดถึงเพลงโปรดของเรา
Candy Says – เพลงนี้พูดถึงแคนดี้ ดาร์ลิ่ง หญิงข้ามเพศที่เป็นซูเปอร์สตาร์ในสังกัดของวอร์ฮอล์ เนื้อเพลงอธิบายความในใจที่ทั้งสับสนและหดหู่ของเธอ เนื่องจากเธอรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เกิดมาในร่างของผู้ชาย ทำนองของเพลงจะเนิบๆนุ่มๆ เพลงนี้ร้องโดย Doug Yule มือเบสของวง เราหลงรักความนุ่มของเสียงเขามาก (เค้าน่าจะเป็นนักร้องนำ)
The Murder Mystery – ความบ้าของเพลงนี้คือมันเป็นเพลงที่มี 2 เลเยอร์ของเสียงร้องเล่นไปพร้อมกัน เอาแบบเข้าใจง่ายๆคือ ร้องกันท่อนละ 2 คน แยกเป็นเสียงซ้าย-ขวา เล่นในเวลาเดียวกัน (ถ้าเริ่มงงให้ไปลองฟังแล้วเปิดเนื้ออ่าน 5555) คือฟังครั้งแรกแม่งแบบเอาอีกละ ทำเพลงอะไรอีกละ ใครจะแยกประสาทมาฟังรู้เรื่องวะ แต่ฟังไปฟังมาชอบทำนองนะ แล้วเนื้อเพลงก็เป็นกวี มีสัมผัสที่ดี ฟังสนุกดี พอฟังจนจบเพลง แอบนึกถึง a day in the life ของบีทเทิลส์หน่อยๆ คือมัน powerful ในเลเวลเดียวกันแต่คนละสไตล์
Pale Blue Eyes – เพลงนี้ลูมีอินสไปร์ฯคือรักแรกของฮี เนื้อเพลงก็เศร้าเหลือเกิน ผู้หญิงที่ตัวเอง madly in love ไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นอ่ะ โธ่ๆ เราชอบเพลงนี้เพราะมันดูเปราะบางเป็นพิเศษ
After Hours – ลูแต่งแล้วก็บอกว่าเพลงนี้มัน ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เกินไป ฮีไม่สามารถร้องได้ หวยเลยไปออกที่มือกลองสาวของวง มัวรีน ทักเกอร์ แทน ซึ่งเหมาะเจาะมาก เสียงเธอสดใสมากๆ แต่เนื้อเพลงไม่ค่อยสดใสเหมือนเสียงคนร้องง่ะ ค่อนไปทางมืดหม่น (อีกละ) พวกสื่อถึงชอบบอกว่า VU เปรียบเหมือน antidote ต้านรอยยิ้มและความเพ้อฝันของยุค 60
เห็นหลายสื่อสำนักกล่าวถึง VU ว่า ถ้าไม่มีวงนี้โลกก็อาจจะไม่รู้จักพังค์ร็อค สำหรับเรา เราว่า VU มีอิทธิพลต่อวงการดนตรีในระดับใกล้เคียงกับ The Beatles เลยทีเดียว แต่โดน underestimate ไปหน่อย ถ้าไม่มี VU เดวิดโบวี่อาจจะทำดนตรีต่างออกไปจากนี้ หรือวง The Stooges อาจจะไม่เกิดขึ้น หรือโลกอาจจะไม่มี Sex pistols ซึ่งทิศทางของดนตรีร็อคจะแตกต่างไปจากในปัจจุบันนี้มากโขเลยทีเดียว
VU เป็นวงที่ถ้าใครมาสายอินดี้ก็น่าจะชอบนะ หรือถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลย (โถ่) ถือซะว่าเอนทรี่นี้เป็นไกด์บุ้คให้กับคนที่อยากลองอะไรเก่าๆ (แปลกๆ) ละกัน
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ;)
ปล. Julian Casablancas นักร้องนำ The Strokes ฮี cover เพลงของเวลเว็ทฯเอาไว้ได้ดีมากๆเลยอ่ะ อยากให้ลองฟังดู XD
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in