โดย Ewa
แสงจ้าสีขาวสาดลอดผ่านรอยแยกกระทบดวงตาสีเหลืองที่มีจุดสีน้ำตาลประปราย ม่านตาสีดำหดเข้าหาศูนย์กลางกลายเป็นเส้นตรงขีดพาดกึ่งกลางดวงตาในแนวตั้ง วันนี้ผมดันตื่นมาเร็วเกินไป ถึงจะอยากนอนต่อ แต่ด้วยความแสบร้อนในท้องที่ปะทุขึ้นมาเรียกร้องหาอาหารทำให้ต้องคลานออกจากที่ข้างนอกยังสว่างจ้าทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัด เสียงพูดคุยจอแจใต้ฝ่าเท้าดังขึ้นต่อเนื่อง ระหว่างรอให้แสงดับและเสียงเงียบไป ผมก็ตวัดลิ้นสีชมพูยาวขึ้นเลียดวงตาเพื่อทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื่น
“พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปวัดนะ นอนได้แล้ว”
“ค่าาา”
แสงสว่างดับลงส่งให้ทั่วบริเวณตกอยู่ในความมืด ม่านตาขยายออกทำให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบตัวที่เป็นพื้นที่โล่งเรียบกว้างสุดลูกหูลูกตา ตรงหน้าเป็นรอยแยกที่ผมใช้เป็นทางเข้า-ออกประจำ ผมรอต่ออีกสักพักให้เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบหายไปจนเหลือเพียงเสียง ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก... ของนาฬิกาที่ดังสม่ำเสมอเป็นสัญญาณว่าปลอดคนแล้วจึงมุดออกมาจากรอยแยกสู่พื้นที่ภายนอกที่มืดสนิท
ถึงผมจะชอบความมืดมากกว่า แต่แสงสว่างก็ช่วยล่ออาหารออกมาได้เยอะ เพราะงั้นถึงมันจะทำให้ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดแต่ก็ทำให้อิ่มท้อง ดังนั้นจะไม่เกลียดแสงสว่างก็ละกัน ว่าแล้วก็ขอไปหาของกินก่อนนะ ดูนั่นสิบินวนล้อมไฟกันเต็มเลย
เวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมที่วิ่งไล่งับอาหารอย่างสนุกสนานก็เริ่มอิ่มจนอืด ทำให้ขี้เกียจเดินกลับขึ้นไปนอนบนเพดาน แต่ถ้าจะอยู่ข้างล่างแบบนี้มันก็อันตรายเกินไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะนอนงีบตรงซอกกำแพงหลังตู้สักพักให้อาหารย่อยก่อนกลับขึ้นไปบนเพดาน
...
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เสียงครืดคราดเหมือนของหนักถูกลากครูดพื้นและเสียงพูดคุยจอแจปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาพบกับ...แสงสว่าง!
แย่ละสิ เผลองีบนานไปหน่อย แต่ถ้าวิ่งออกไปตอนนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนพวกมนุษย์เจอตัวและโดนทำร้ายได้ ยังไงตอนนี้ก็อยู่นิ่ง ๆ หลังตู้นี่ไปสักพักละกัน
“เดี๋ยวย้ายชั้นวางหนังสือนั่นมาไว้ตรงนี้หน่อย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่อีกหลายเสียงดังใกล้เข้ามา เดี๋ยว ๆ ใกล้เข้ามาเหรอ มาทางนี้เหรอ มาทำไมมม ออกไปปป... ผมได้แต่กรีดร้องเงียบ ๆ อยู่ในใจ นี่ถ้าเป็นตุ๊กแกตัวอื่นจะต้องร้องออกไปแล้วเพื่อบอกว่าอาณาเขตนี้เป็นของตน แต่ถ้าทำแบบนั้นมนุษย์ก็รู้ตัวสิ ผมไม่ยิ่งโดนเจอตัวง่ายขึ้นเหรอ
เสียงนั้นหยุดลงตรงตู้ที่ผมหลบอยู่พอดี เสียงนับ 1 2 3 ดังขึ้นแล้วตู้ก็ขยับห่างออกไป แสงสว่างสาดเข้ามาทำให้ผมตาพร่า ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเบื้องหน้าทำผมสะดุ้งตัวแข็งทื่อ ม่านตาหดตัวหนีแสงจ้าอีกครั้งก่อนปรับโฟกัสให้เข้าที่ และภาพที่เห็นเมื่อดวงตาชินกับแสงสว่างแล้วก็คือ...มนุษย์
สิ่งมีชีวิตสองขาตัวใหญ่มหึมาที่ผมพยายามหนีมาตลอด บัดนี้กำลังยืนตระหง่านง้ำอยู่เหนือหัวดวงตาจ้องเขม็งมาสะกดให้ผมได้แต่นอนนิ่ง
ซวยแล้ว โดนฆ่าแน่ เอาไงดี วิ่งขึ้นเพดานเลยดีไหม ไม่ ๆ ๆ ข้างบนก็เท่ากับวิ่งเข้าใกล้มือมนุษย์มากขึ้น โดนตบกระเด็นแน่ งั้นถอยหลัง ใช่ ถอยหลังเข้าตู้ไปเลย แต่ ผมเดินถอยหลังไม่ได้ กลับตัวเหรอ แต่หันหลังให้มนุษย์ ถ้าโดนฟาดขึ้นมาก็มองไม่เห็น หลบไม่ทันสิ
ระหว่างที่ในหัวกำลังตีกันวุ่นเรื่องหาทางเอาตัวรอด ตาผมก็จ้องมองมนุษย์ไม่กะพริบเพราะตุ๊กแกแบบผมกะพริบตาไม่ได้อยู่แล้วและอีกอย่างเพื่อจับความเคลื่อนไหวมนุษย์ จะได้เผ่นหนีได้ถูกทางเมื่อมนุษย์ขยับตัว
มนุษย์ยืนนิ่ง เบิกตากว้างจ้องผมตอบอย่างไม่ลดละเช่นกัน พอสังเกตให้ดีถึงเห็นว่าขามนุษย์กำลังสั่นเล็กน้อย คงกำลังตื่นเต้นคิดว่าจะจัดการผมยังไงล่ะสิ
ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่
มีแต่ความคิดนี้ระดมผุดขึ้นมาในหัว จู่ ๆ ผมที่นอนแข็งทื่อก็ค่อย ๆ อ้าปากออกมาแล้วดัดมันให้เป็นรอยยิ้มที่ดูน่ารักที่สุด
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แค่รู้สึกว่าทำแล้วมันน่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่รู้สึกตาแห้งจัง เริ่มจะแสบแล้วสิ ผมตวัดลิ้นขึ้นเลียดวงตา ลืมไปสนิทว่าการขยับตัวของผมจะเป็นสัญญาณให้มนุษย์เปิดฉากโจมตี และก็จริงเสียด้วย
“อ๊ากกก!!!”
เสียงกรีดร้องสั่นประสาทดังขึ้นนำก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงกระแสลมพัดผ่านหน้าเนื่องจากมนุษย์พุ่งตัวผ่านผมไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันมามองสักนิด ทิ้งให้ผมที่ใจเต้นตึกตักจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมานอนยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกโล่งอกค่อย ๆ ผุดขึ้นตามมา
อ่า... รอดแล้วเรา
กว่าจะเป็นงานเขียน...มนุษย์
ก็คิดอยู่สักพักเหมือนกันว่าจะใช้รูปอะไรดีและสุดท้ายก็ใช้รูปตุ๊กแกฉีกยิ้ม เพราะ มันเป็นสัตว์ที่เรากลัวมากที่สุด เรื่องที่เขียนไปครั้งแรกตั้งชื่อว่า ตุ๊กแก เป็นการเล่าในมุมมองของมนุษย์ (เราเอง) ที่กลัวตุ๊กแก วันนั้นจัดบ้านอยู่ แล้วก็เจอเจ้านี่เกาะอยู่หลังชั้นวางหนังสือ กรี๊ดกันลั่นบ้านเลยจ้า (ฮา) พอเอารูปขึ้นโชว์ในห้องก็มีบางคนบอกว่ารูปนี้ “น่ารัก” ตรงที่มันยิ้ม (รูปที่ใช้โชว์เป็นรูปที่ตุ๊กแกยิ้มได้น่ารักกว่านี้แต่เกรงว่าจะมีปัญหาลิขสิทธิ์ก็เลยต้องเปลี่ยนรูป) เพื่อนบอกว่ารอยยิ้มของสัตว์เป็นรอยยิ้มที่ไม่เสแสร้ง ไม่เหมือนกับมนุษย์ที่บางครั้งแม้จะยิ้มอยู่แต่เราก็ไม่รู้ว่าข้างในเขายิ้มอยู่ไหม ประกอบกับไปหาอ่านกระทู้เกี่ยวกับตุ๊กแกหลาย ๆ กระทู้เพื่อเก็บข้อมูล (เล่นเอาซะหายกลัวรูปตุ๊กแกไปพักหนึ่งเลย 555 แต่ยังไงถ้าเจอตัวเป็น ๆ ก็ยังกลัวอยู่ดี) ก็เจอความเห็นในกระทู้หนึ่งที่พูดทำนองว่าตุ๊กแกต่างหากที่กลัวมนุษย์ ก็เลยกลายมาเป็นเรื่อง มนุษย์ ที่เป็นการเล่าในมุมมองของตุ๊กแกฉะนี้แล
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in