'เพราะมีเรื่องที่ทำให้ตัดสินใจยากเสมอ...ในชีวิตนึง...'
Love , Simon เป็นหนัง Coming of Age ที่ปรุงแต่งน้อยและเป็นธรรมชาติที่สุดเรื่องนึงสำหรับเรา
ตอนได้ดู Love , Simon เมื่อปีที่แล้ว เราไปแบบหัว blank เลย เวอร์ชั่นหนังสือก็ยังไม่เคยอ่าน พล็อตที่เคยดูใน trailer ก็ลืมไปแล้ว (ด้วยความที่ตอนนั้นมันเลื่อนฉายในไทย) เราเลยไม่ได้คาดหวังว่าหนังจะเล่าออกมาแบบไหน แล้วก็ไม่ได้คิดมาก่อน ว่าเราจะตกหลุมรักแล้วก็ชื่นชมมันมากขนาดนี้ ทั้งที่การเดินเรื่องในช่วงแรก ๆ มันค่อนข้างเรื่อย ๆ และเฉยมาก จนมาเริ่มเครียดตอนที่อีเมลของไซม่อนโดนปล่อยในเน็ต...
แม้ว่าตอนที่เพิ่งดูจบเราจะยังไม่ได้รู้สึกว่าโคตรชอบ หรือว่าพีคมากเหมือนตอนที่ดูหนังที่ชอบมากเรื่องอื่น แต่แค่รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้มากระดับนึง ด้วยตอนจบที่อิ่ม ๆ แล้วก็รู้สึกได้พลัง แต่พอกลับมาบ้านแล้วนึกย้อนกลับไปในแต่ละซีนและหลาย ๆ โมเมนท์ในที่ชอบในเรื่อง... ก็ทำให้เข้าใจรายละเอียดจริง ๆ ที่หนังตั้งใจใส่เอาไว้มากขึ้น และมันก็ทำให้เราพบว่าจริง ๆ แล้ว Love , Simon มันไม่ใช่แค่หนัง LGBT
แล้วก็ไม่ใช่แค่ Coming of Age อย่างที่เคยคิดไว้ตอนแรกเลย...
ประเด็นรวม ๆ ที่ได้จาก Love , Simon
__________
การคาดหวัง
เพราะ Love , Simon เป็นหนังที่ให้คนดูอย่างเราได้อะไรกลับมาคิดหลายอย่าง ตั้งแต่สอนให้เรารัก...ให้เรากล้า....ให้เราเป็น... และยอมรับในสิ่งที่เราเป็น... ด้วยการเปิดใจ แล้วอ้าแขนรับมันด้วยหัวใจ
ด้วยความเข้าใจ และด้วยความรัก... แล้วมันก็ไม่เฉพาะแค่ให้ยอมรับว่าฉันเป็นเกย์ เป็น LGBT หรือว่ายอมรับคนอื่นที่เป็น LGBT เท่านั้น แต่ว่าเป็นการยอมรับตัวตนที่เราเป็น ความเป็นเรา รวมถึงยอมรับในสิ่งที่คนอื่นเป็นด้วย ยอมรับในตัวตนของตัวเอง และเคารพในตัวตนของคนอื่น
และถึงแม้ว่า Love , Simon จะมี ไซม่อน เป็นคาร์แรคเตอร์หลักที่ถ่ายทอดอารมณ์ความคิดความรู้สึกออกมา แต่ว่าหนังเรื่องนี้ก็ได้แทรกประเด็นของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรื่องไว้ได้ดีเหมือนกัน และที่สำคัญคือมันไม่ใช่แค่เรื่องของ ไซม่อน หรือว่าความรักของไซม่อนเพียงคนเดียว แต่ว่าเป็นความรักของทุกคน... ที่มีต่อทั้งคนอื่น... และตัวของพวกเค้าเอง...
แถมในระหว่างทางยังท้าทายการเปิดใจของคนดูอย่างตัวเราเองด้วย ทดสอบเราแบบเนียน ๆ ในระหว่างที่ดู ว่าเราหวัง... หรือว่าวาดภาพไว้ว่าอยากจะให้ตอนจบมันเป็นแบบไหน และ Blue คนไหนที่เราอยากให้เค้าเป็น Blue ของไซม่อนจริง ๆ (และถึงเราจะลุ้นไปพร้อมกับไซม่อน แต่ก็เหมือนจะหวังไปเรื่อย ๆ เหมือนกันว่าคนนี้จะเป็น Blue) แล้วเราจะผิดหวังมั้ย ถ้าคนที่เป็น Blue จริง ๆ ไม่ใช่คนที่เราอยากให้เป็น... (มันก็เหมือนกับการคาดหวังอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตที่เรายังไม่รู้)
การเป็นตัวเอง และสิ่งที่คิดว่าควรจะเป็น
สำหรับเรา Love , Simon ก็เป็นหนังที่พยายามแทรกเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกไว้ได้เนียนมากและดีมากเรื่องนึงเลย ตั้งแต่เด็กวัยรุ่นทั่วไปในลุคแบบไซม่อน , มาร์ติน เด็กหนุ่มผู้รักการแสดงกับคาร์แรคเตอร์สุดแปลก , สาวมั่นผิวสีสุดฮอตอย่างแอ้บบี้ , สาวหวานเรียบร้อย และดูเฉย ๆ แบบเลอาห์ , อีธาน เด็กหนุ่มที่ come out ว่าตัวเองเป็นเกย์ กับสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจนมาก และบางคนมองว่าเขาเป็นตัวตลก , แบรม เด็กหนุ่มผิวสี คาร์แรคเตอร์นิ่ง ๆ เรียบ ๆ ที่เป็นบลูตัวจริง , ไลล์ หนุ่มร้านวัฟเฟิล ที่ดูเป็นวัยรุ่นแมน ๆ ทั่วไป ที่ไซม่อนเผลอคิดไปไกลว่าเขาเป็นบลู และ แคล หนุ่มร่างเล็กหน้าหวาน ที่คนดูหลายคนก็เผลออินไปกับภาพในหัวไซม่อนว่าเขาอาจจะเป็นบลูอีกคน
ตลอดเรื่องมันก็สะท้อนคาร์แรคเตอร์ของแต่ละคน ตั้งแต่ ตัวตนจริง ๆ ไปจนถึงความที่คิดกันไปว่ามันควรจะเป็น...และความที่เข้าใจและคิดกันว่าอะไรคือความปกติ และอะไรคือความไม่ปกติ หรือผิดปกติ...
ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ จะมีก็แค่เรื่องของความไม่เหมือน ที่ไม่ได้แปลว่าใครประหลาดหรือว่าผิดปกติ เพราะมันก็เป็นแค่เรื่องของความคิด , ค่านิยมของวัยรุ่น , มุมมองของสังคม , เรื่องของการตัดสิน... และการเข้าใจเท่านั้น เป็นเรื่องความคิด ความรู้สึกเพียว ๆ เลยที่ทำให้เรามองคนแต่ละคนเป็นแบบนั้นแบบนี้ และมองตัวเราเองเป็นแบบนั้นแบบนี้ และตัดสินสิ่งเหล่านั้น ทั้งคนอื่นและตัวเราเอง... ว่าคนแบบไหนกัน ที่เราหรือเค้าน่าจะเป็น...
มันสะท้อนภาพของกำแพงในตัวเอง , การต่อสู้ , การยอมรับ และความกลัวกับแรงเสียดทานของสังคมที่อาจจะเกิดขึ้น... จากการที่จะเป็นตัวเอง
__________
GAY ไม่ใช่ความผิดปกติ
อีกประเด็นที่เราชอบมากในเรื่อง Love , Simon คือการที่มันช่วยสร้างภาพความเข้าใจของคำว่า Gay ในอีกแบบ สะท้อนภาพความคิด ทัศนคติของคนส่วนใหญ่ในสังคม ที่ไม่ได้รู้จักหรือเข้าใจความเป็น Gay จริง ๆ หรือเข้าใจมันแบบตื้น ๆ และบางคนก็ตัดสินความเป็น Gay แบบเหมารวม ด้วยความคิดดูถูก เหยียดหยาม ล้อเลียนเพศที่ 3 ให้มันกลายเป็น Joke ที่โคตรจะไม่ตลก และไม่ได้คิดถึงจิตใจความรู้สึกของคนอื่น ทั้งที่ความเป็น Gay มันไม่ใช่เรื่องของความผิดปกติ .... และไม่ใช่ว่ามันเพิ่งจะมาเป็นเรื่องปกติเอายุคนี้ แต่มันไม่ควรเป็นเรื่องผิดปกติมาตั้งนานแล้ว
Gay หรือ LGBT ต่างไม่มีใครเป็นตัวตลก และไม่ใช่ว่าคนที่เป็นเกย์ทุกคนจะต้องชอบกัน...และชีวิตการเป็นเกย์จริง ๆ ในบางสังคมก็ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ ที่สำคัญ เกย์ และ LGBT ไม่ใช่คำสาปของพระเจ้าแน่นอน! เรามั่นใจ
__________
มันไม่จำเป็นต้องเล่าเว่อร์เนอะ..
ประเด็นสำคัญอีกประเด็นที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ คือ....มันไม่จำเป็นเนอะ...
Love , Simon เป็นหนังวัยรุ่นที่มีบทสรุปค่อนข้างแตกต่างจากหนังวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป (เปรียบเทียบทั้งหนังที่ดีและหนังที่เฉย ๆ ) ทั้งในการเล่าเรื่อง และตอนจบ ที่ทำให้รู้สึกว่าแบบว่าเออ... แม่งไม่จำเป็นดีเนอะ...
ไม่จำเป็นในที่นี้ก็คือ...
- ตัวเอกไม่จำเป็นต้องคู่กับคนนั้น หรือคนนี้... ตามบทสรุปที่เราสร้างภาพไปแล้วแล้วว่ามันเพอร์เฟค...
- ทุกคนในเรื่องไม่จำเป็นจะต้องสมหวัง... หรือไม่ก็ hurt เกือบตายไปเลย ไม่ต้องพีคไปในทางใดทางหนึ่ง มันถึงจะเป็นหนังที่ให้ความรู้สึกว่า'จริง' หรือเป็นหนังที่'ดี' เราถึงจะหลงรักมันได้ ซึ่งสำหรับ Love , Simon มันคือความกลาง ๆ โคตรกลาง ๆ แต่มันก็สวยในแบบของมันเอง
- ในงานปาร์ตี้ ม.ปลาย ที่หนังวัยรุ่นหลายเรื่องมักจะมีซีนพีค ๆ แต่กับ love , Simon เป็นงานปาร์ตี้ที่ตัวเอกจบลงแบบพัง ๆ และโคตรจะเฉย ๆ แต่เราว่าการจบปาร์ตี้ที่เป็นการเดินกอดคอกลับบ้านกับเพื่อนสนิท แล้วก็จบวันนั้นด้วยการนอนคุยกัน... ทิ้งให้มีความคิดความรู้สึกค้าง ๆ แต่ก็เป็น moment อยากจะจดจำมันไปตลอด มันก็ไม่แย่เลย
มันไม่ใช่หนังที่มีความพีคอะไรมากมาย แต่เป็นหนังที่เล่าด้วยความรู้สึกของไซม่อน และความเป็นไซม่อน มันเป็นบรรยากาศของไซม่อน และคือนิคเล่นดีมาก
มันรู้สึกแบบเออไม่จำเป็นดีเนอะ... แม่งไม่เห็นต้องเล่าเว่อร์ ไม่ต้องเป็นอะไรที่แบบแม่งโคตรพีค โคตร crush ดูแล้วสุดแบบหนังวัยรุ่นทั่วไป ที่แบบต้องกล้าเกิน , มันส์เกิน , บ้าเกิน , เฮิร์ทเกิน หรือว่าพังเกิน...
มันเป็นหนังที่ไม่มีความเยอะ ไม่มีความเว่อร์ แล้วก็ไม่ได้มีความพีคที่เป็นเหมือนบทสรุปเทคนิคการเล่าเรื่องให้หนังเจาะเข้าไปในใจคนดู Love,Simon ไม่มีองค์ประกอบหลักแบบที่แทบจะต้องมีอยู่ในหนังทุกเรื่อง แบบที่ต้องเล่าให้สุด คาร์แรคเตอร์หลักไม่กล้าเกินไป ก็ปอดแหกเกินไป ไม่ค่อยมีตรงกลาง... สไตล์หนังแบบที่ต้องพีคแม่งสุด ๆ จนกลายเป็นซีนที่ทุกคนจดจำได้ในหนังแต่ละเรื่อง แบบถ้าพูดถึงหนังเรื่องนี้แม่งต้องซีนนี้เลย... ฉากนี้โดนมาก...รักซีนนี้มาก อะไรงั้น
ซึ่งสำหรับเราแล้วโลกใบนี้มันมีเด็กวัยรุ่นที่เป็นพวกธรรมดา ๆ เยอะกว่าพวกที่มีชีวิตพีค ๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้มันก็ touch ได้ดี เหมือนคุยภาษาเดียวกัน...
__________
สำหรับเรา Love , Simon มันเลยเป็นหนังที่สวย เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ปรุงแต่งน้อย แล้วก็เป็นหนังที่ดูแล้วอิ่มมาก ๆ เรื่องนึง มันอบอุ่นและน่ารักในรูปแบบของมันเอง... ลบภาพเดิม ๆ ที่เจอในหนังวัยรุ่นทั่วไปได้เลย มันไม่ใช่หนังที่พีค โดนเว่อร์ แต่แม่งโคตรดีเลย...
และเราชอบตอนจบที่หลังจาก came out ไซมอนก็ยังคงเป็นไซมอน แบบที่เป็นมาตลอดไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วก็เรื่องของมิตรภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม...
เราชอบตอนจบแบบนี้มาก เพราะความเหมือนเดิมนี่มันแข็งแรงและแข็งแกร่งกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด ที่เปราะบางและแตกหักง่าย...
และถึงเรื่องมันเล่าแบบจะเรื่อย ๆ ใส ๆ แต่ก็เล่าประเด็นรายละเอียดต่าง ๆ ได้เยอะมาก
เป็นหนังที่ทำให้เราโอบกอดและรักทุกสิ่งที่มันเป็น...
Love , Dectilljan
-----
ps.เขียนไว้ตั้งแต่ดูจบเมื่อปีที่แล้วแต่ดองไว้เพราะยาวเกิน ขี้เกียจ edit
ps2. แต่ตอนนี้ก็ยังยาวอยู่ดี TT
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in