เรื่องร้านไหนที่จะไปเช่าชุด อยากจะบอกว่าหาง่ายมาก คือเดินไปแถวนั้นก็มีร้านให้เลือกหลายร้านเลยล่ะ ตอนแรกเราจะไปร้านที่มีคนเขียนรีวิว แต่เราเจอว่าคนเยอะมาก เราก็เลยเดินไปหาร้านที่คนดูไม่เยอะ ซึ่งก็กลายเป็นดี เพราะราคาค่าเช่าถูกกว่าหน่อย แถมตอนเราไป คนไม่เยอะ เขาก็ดูแลแนะนำอย่างดี เขาจะมีชุดให้เลือกเป็นแบบ Traditional หรือจะแบบ Modern ขึ้นมาหน่อย ซึ่งเราดูแล้วกลับชอบแบบ Traditional ซึ่งก็ดี เพราะถูกกว่าแบบ Modern

ตอนเลือกเสื้อกับกระโปรง เรานั้นเป็นคนเลือกสีต่างๆมาจับคู่กันเอง หรือจะขอให้ทางร้านช่วยดูให้ก็ได้ เมื่อเลือกแล้วก็เข้าไปเปลี่ยนชุด ซึ่งไปๆมาๆ เราไม่ต้องถอดเสื้อหรือกางเกงที่เราใส่มาก็ได้ ถ้าเราใส่เสื้อแบบไม่ได้แขนยาวหรือขึ้นมาปิดคอ ยิ่งกระโปรงเนี่ย เขาจะเอาสุ่มมาใส่ให้เราก่อน แล้วก็ค่อยใส่กระโปรงที่เราเลือก เป็นการแต่งตัวที่ไวมาก (น่าจะออกแบบมาให้เข้ากับสังคมยุคใหม่) สุ่มนี่ก็จะคลุมเท้าเราประมาณหนึ่ง ถ้าลมไม่พัดยังไง รองเท้าก็ไม่โชว์ออกมาหรอก เมื่อแต่งตัวเสร็จ เขาก็จะมีส่วนให้เราแต่งทรงผม มีที่ติดผม มีเหมือนหยกห้อยเอวให้เรายืมใส่ออกไปได้ พวกเราตัดสินใจเช่าชุดไป 3 ชั่วโมง เพื่อไปถ่ายรูปกับหมู่บ้าน Bukchon Hanok นั่นแหละ

ที่ร้านจะมีล็อคเกอร์ให้เราฝากกระเป๋าใบใหญ่เราไว้ได้ แล้วก็หิ้วไปเฉพาะของที่จำเป็น ส่วนทางเดินในสส่วนหมู่บ้านนั้นก็จะมีกำแพง ประตูบ้าน ถนนที่ทำให้เหมือนย้อนยุคไปในสมัยอดีตของเกาหลี

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อสำหรับฉันคือ เอาเข้าจริงๆ สนุกดีมากเลยล่ะ กับการแต่งตัวแบบนี้ มาเดินถ่ายรูปกับเพื่อนร่วมทริป เดินกันไป ถ่ายกันไป เพลินจริงๆ ถึงจะมีจังหวะเจอฝน ที่ทำให้เราลองหาที่นั่งพัก ทานขนม ก็กลายเป็นที่ที่ให้เราได้ถ่ายรูปกับร้านที่ทำเป็นแบบโบราณ ยิ่งสร้างความประทับใจในการเดินเที่ยวแถวนี้เข้าไปอีก ประมาณว่าถึงจะเจอฝน จิตใจก็แจ่มใสอยู่ดี

ต้องขอบคุณน้องแอร์ที่ถ่ายรูปเพื่อนร่วมทริปอย่างเต็มที่ ทำให้ได้ภาพสวยๆออกมา (ภาพถ่ายตัวฉันในชุดฮันบกลงในโพสท์นี้ก็ฝีมือน้องเขาทั้งนั้นค่ะ รวมถึงภาพใน Cover ของเราสามคนชูสองนิ้ว)

ถ้าใครอยากได้รายละเอียดรีวิวร้านและการเดินเล่นในวันนั้น หาดูเพิ่มได้จากวีดีโอนำเที่ยวของหนูแอร์เจ้าของเพจไปเที่ยวเล่นค่า