ในญี่ปุ่น มีศิลปินไม่กี่คนหรอกที่ยิ่งใหญ่กว่า SEKAI NO OWARI ผู้จัดคอนเสิร์ตให้สเตเดียมเต็มเป็นกิจวัตรด้วยดนตรีอิเล็คทรอนิกส์ที่โด่งดัง เสียงเพลงสังเคราะห์ และการแสดงอันน่าตะลึงที่ทำให้วงติดท็อปชาร์ตจนออกรายการทีวีและวิทยุนับไม่ถ้วน ในตอนนี้ พวกเขาก็พร้อมจะครองโลกแล้ว
ด้วยชื่อวงที่แปลมาแล้ว End of the World ก็ยังคงสมาชิกเดิม 4 คน นักร้องฟุคาเสะ มือกีตาร์และหัวหน้าวงนากาจิน นักเปียโนซาโอริ และดีเจเลิฟผู้โดดเด่นที่ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าจริงๆใต้หน้ากากตัวตลกอันเป็นเอกลักษณ์ วงได้ปล่อยเพลงอังกฤษแรกของวง ชื่อ Chameleon ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2020 และได้ก้าวขาเข้ามาในโลกตะวันตกนับแต่นั้น
ท่ามกลางกระแสจากต่างประเทศ ผมได้พูดคุยกับนากาจินผ่านทาง Instagram Live เกี่ยวกับอุตสาหากรรมดนตรี และนี่เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนา
อเล็กซ์ วอเทอร์: หวัดดี!
นากาจิน: ไง เพื่อน!
อเล็กซ์: ถ้าไม่เป็นไร เริ่มกันแต่แรกเลยแล้วกัน สมัยที่พวกคุณยังเป็น SEKAI NO OWARI ตั้งแต่ตอนโน้นเลย ตอนที่พวกคุณขายสมบัติส่วนตัวเพื่อสร้าง Club Earth มันสำคัญแค่ไหนที่ได้เริ่มต้นในฐานะนักดนตรีและได้แสดงต่อหน้าผู้ชม? ได้อะไรจากประสบการณ์นั้นบ้าง? มันเป็นประสบการณ์ที่ดีไหม?
นากาจิน: ใช่ Club Earth เป็นทั้งสตูดิโอ ฮอลล์คอนเสิร์ต และเป็นบ้านของเรารวมกันในสถานที่หนึ่งเดียว ก่อนหน้านั้นเราเคยเช่าสตูดิโอ แต่เราก็อยากมีที่ที่เราสามารถใช้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการแทนที่จะต้องมาเช่าสตูดิโอทุกครั้งที่อยากซ้อมวง คลับนั้นเป็นที่ที่เราสร้างเพลงในแนวของตัวเอง คุยเกี่ยวกับอนาคตและจุดที่เราอยากจะไปยืนอยู่
เราอยู่ที่นั่นด้วยกันจริง ๆ ผมว่ามันสำคัญมากที่เราได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างมากในตอนแรก
อันที่จริง มันไม่ง่ายเลย แต่เราก็ทำได้เพราะเราเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอยู่แล้ว เราผ่านช่วงเวลาลำบากมาเรื่อยๆ แต่มันสร้างมิตรภาพที่แข็งแกร่งให้พวกเรา
เพลงส่วนใหญ่ที่ทำก็จะเล่นให้ครอบครัวและเพื่อนฟัง แต่มันเป็นอะไรที่สำคัญมาก และผมเองก็ใส่ใจความคิดเห็นของพวกเขา มันดีที่ได้เล่นให้ผู้ชมฟังตั้งแต่แรกเพราะจะได้รับคำแนะนำมาปรับปรุง
คอนเสิร์ตของพวกเราตอนนี้มันใหญ่กว่าเดิมเยอะมาก แต่ความรู้สึกตั้งแต่การเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกยังคงอยู่เสมอ
วอเทอร์: สุดยอดมากเลย วงของคุณถูกจัดเป็นทั้ง J-pop และ J-rock ขณะที่คุยเกี่ยวกับแนวเพลงของคุณ จากสัมภาษณ์เก่าๆ ของคุณ คุณเคยพูดว่าไม่อยากถูกผูกไว้กับเพลงแนวใดแนวหนึ่ง แต่มีเพลงแนวไหนไหมที่คุณอยากทำเป็นพิเศษ? คุณทำเพลงในแนวที่แตกต่างไปแต่ยังคงกลิ่นอายของวงได้ยังไง?
นากาจิน: พูดถึง SEKAI NO OWARI ผมคงบอกว่ามันเป็น J-pop แต่สำหรับเพลงของ End of the World เราอยากจะไม่ถูกมองว่าเป็น J-pop มากกว่า มันเป็นโปรเจคที่แตกต่างไป และผมว่าเราทำมันควบคู่กันได้
ผมคิดว่าเราไม่ต้องการติดกับภาพลักษณ์เดิม ๆ กับวงทั้งสองนี้ เราแต่งเพลงในภาษาอื่นสำหรับผู้ฟังในกลุ่มที่แตกต่างไป และนั่นคือความแตกต่างครั้งใหญ่เลย
ถ้าให้ขยายความเพิ่ม เพลงญี่ปุ่นจะขึ้นอยู่กับเนื้อเพลงเป็นหลัก ตามมาด้วยเสียงร้อง และผู้ฟังก็สนใจเสียงร้องซะมากกว่า โดยทั่วไปเพลงก็จะเสียงสูง นอกจากนี้คอร์ดก็ต่างออกไป J-pop มักจะเปลี่ยนคอร์ดไปเรื่อยๆตามท่อน พรีคอรัสชุดนึง คอรัสก็อีกชุด และเพลงนึงก็เปลี่ยนนอารมณ์ไปมากทีเดียว
วอเทอร์: นั่นก็จริง ดีมากเลยที่พวกคุณเปลี่ยนทิศทางของเพลงไปเรื่อยๆเพื่อให้มันสดใหม่เสมอ ตอนที่คุณเปลี่ยนภาษาจากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ มันคือช่วงมีนาคม ปี 2016 ที่พวกคุณประกาศว่าจะเริ่มทำอัลบั้มภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นก็ค่อยปล่อย Chameleon หลังผ่านมาตั้งสี่ปี คุณได้อะไรจากเพลงโลกตะวันตกในสี่ปีนั้น? มีอะไรที่อยากเปลี่ยนเกี่ยวกับดนตรีตะวันตก หรือจนถึงตอนนี้คุณก็อาจจะชอบมันไปแล้ว มั้ง?
นากาจิน: อันที่จริง พวกเราเริ่มทำอัลบั้มตั้งแต่ปี 2012 ไม่ได้สลักสำคัญอะไรหรอก แต่ผมว่าวิธีการแต่งเพลงเป็นสิ่งที่ต่างไปมากที่สุด
พวกเราต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษซึ่งแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นมาก ๆ ไม่สามารถแปลเนื้อเพลงอย่างตรงตัวได้ ทำให้ไม่สามารถเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนแล้วค่อยเอามาแปล เราเลยใช้เวลาเป็นปี ๆ เรียนภาษาอังกฤษ ทำงานร่วมกับนักแต่งเพลงต่างชาติ กำแพงภาษาที่ว่าใหญ่แล้วยังไม่สู้การทำเพลงให้ตอบโจทย์ตลาด ผมว่าที่ญี่ปุ่นเราให้ความสำคัญกับเนื้อเพลงมากกว่า แต่ในภาษาอังกฤษ ทำนอง ความลื่นไหลของดนตรีก็สำคัญไม่แพ้กัน ดนตรีต้องทำให้รู้สึกและสัมผัสได้ ไม่ใช่แค่คิดตามเนื้อเพลงอย่างเดียว
และตอนนี้เรายังเรียนอังกฤษอยู่! ส่วนคำถามที่สองนั้น ในช่วงปีนี้เราเห็นผู้คนฟังเพลงของเราผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ก่อนที่มันจะเข้าญี่ปุ่นด้วยซ้ำ และเพราะอย่างนั้น ทิศทางของดนตรีจึงยิ่งชัดเจนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็เปลี่ยนไวมากเช่นกัน
วอเทอร์: ช่าย
นากาจิน: สมัยก่อน มันใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าอิทธิพลตะวันตกจะเข้าญี่ปุ่นได้ ผมเลยรู้สึกว่าเราตกเทรนด์ชาวบ้านเขา มันดูเป็นอะไรที่ติดตามได้ยาก แต่ในตอนนี้จะหาข้อมูลเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ในเมื่อมี Spotify หรือ Instagram ในทางกลับกัน การเริ่มทำเพลงจนปล่อยเพลงออกมาก็ถูกร่นระยะเวลาลง เร็วมาก ศิลปินเองก็ปรับตัวตามเร็วเช่นกัน
ผมละสายตา [จากเทรนด์พวกนี้] ไม่ได้เลย เพราะความเปลี่ยนแปลงมันคืบคลานเข้ามาเร็วขึ้นทุกวัน
วอเทอร์: จากที่เพิ่งคุยมา ผมเห็นด้วยมากๆ แต่มีเรื่องนึงที่ผมอยากรู้ คุณนับ SEKAI NO OWARI กับ End of the world เป็นวงเดียวกันไหม? จะเอาเพลงจากอีกโปรเจคมาแสดงในคอนเสิร์ตของอีกอันไหม? หรือจะปล่อยให้มันเป็นคนละจักรวาลโดยสิ้นเชิงไปเลย?
นากาจิน: นี่เป็นโปรเจคสองอันที่แยกกันเลย แค่ใช้สมาชิกคนเดิม SEKAI NO OWARI เป็น J-pop และ End of the World ไม่ใช่ แตกต่างกันเพราะภาษาและกลุ่มผู้ฟังเป้าหมาย
วอเทอร์: กระจ่างเลยล่ะ งั้นผมขอย้อนอดีตไปสักไม่กี่อาทิตย์ก่อนหน้า ก่อนที่เราจะเริ่มการสัมภาษณ์นี้ผมก็ไปฟังเพลงของคุณมา และผมก็ค่อนข้างชอบเลยทีเดียว
นากาจิน: ขอบคุณมากๆครับ!
วอเทอร์: หนึ่งในเพลงที่ผมชอบที่สุดของคุณคืองานที่ทำรวมกับ Clean Bandit เพลง Lost ตอนที่ทำงานร่วมกับศิลปินแบบ Clean Bandit หรือคนอื่นๆแบบ Nicky Romero พวกผู้คนที่มีรากฐานการทำเพลงแตกต่างออกไป มันเป็นยังไงบ้าง? สามารถเข้าขากันได้ผ่านความรักที่มีให้ดนตรี หรือยังแตกต่างกันอยู่? มีอะไรที่คุณต้องก้าวข้ามไปไหม?
นากาจิน: ขอบคุณที่ฟังเพลงของเรานะครับ กับ Clean Bandit ผมเป็นแฟนเพลงเขาอยู่ก่อนแล้ว เคยดูคอนเสิร์ตเขาในโตเกียวด้วย แถมยังเคยไปกินข้าวกับพวกเขาหลังแสดงเสร็จ เราเลยไปอัดเพลงด้วยกันต่อที่สตูดิโอในโตเกียว
เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามาก เพราะศิลปินญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ร่วมงานกับใคร ดังนั้นการที่ผมได้ทำงานกับศิลปินที่ผมชอบมากๆเลยเป็นประสบการณ์ล้ำค่าจริงๆ ศิลปินแบบ Clean Bandit ที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่น เปิดมุมมองของโลกใบใหม่ทั้งทางดนตรีและวัฒนธรรมให้เรา เราเองก็เพิ่งรู้ว่าศิลปินตะวันตกร่วมงานกันบ่อยกว่าญี่ปุ่นเยอะ แต่ยังไงกำแพงภาษาก็ยังยิ่งใหญ่มากสำหรับเรา แต่ดนตรีไม่มีกำแพงกั้นอยู่แล้ว มันเป็นแรงขับเคลื่อนให้การร่วมงานนี้สำเร็จ
วอเทอร์: แน่นอน ผมว่าในตอนนี้ ในปีต่อๆจากนี้ เราจะสามารถพูดได้เต็มปากว่า End of the Worldกำลังจะมีบทบทบาทในวงการเพลงของโลก อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ทำได้อยู่แล้ว
ผมอยากจะให้เวลาคุณสักพักนึงพูดอะไรก็ได้ที่ต้องการ อาจจะเกี่ยวกับเพลงใหม่แบบ Forever เพลงที่คุณกำลังทำอยู่ แต่อะไรก็ได้ แล้วแต่เลย
นากาจิน: โอเค งั้นขอพูดเกี่ยวกับอัลบั้มแรกของเราก่อน อัลบั้มภาษาอังกฤษล้วนแรกของเรา Chameleon ปล่อยมาแล้วครับ สามารถไปฟังได้ จะดีมากเลยถ้าบอกเราว่ารู้สึกยังไง เขียนคอมเมนท์ไว้ทาง Instagram ได้เลยครับ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ขอให้มีความสุขช่วงวันหยุดนี้นะครับ
วอเทอร์: ขอบคุณมากครับ!
นากาจิน: ครับ ขอบคุณเช่นกัน!
—
บนสนทนานี้ได้มีการปรับแต่งเพื่อความเข้าใจมากขึ้น สามารถรับรับชมสัมภาษณ์ตัวเต็มทาง IGTV พร้อมกับภาพถ่ายคู่ของพวกเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in