เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไปฝึกงานจริง ๆ เชื่อเถอะ : S/H Intern Diarybam2gr
03: ควรศึกษาและพินาวัด-ทะ-นะ-ทำองค์กรก่อนตัดสินใจ
  • 03:
    ควรศึกษาและพินาวัด-ทะ-นะ-ทำองค์กรก่อนตัดสินใจ

              มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำงาน รวมถึงการฝึกงาน ซึ่งเราแอบเดาว่าหลายคนไม่ค่อยเก็บมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องพิจารณาขนาดนั้น–ตามที่พาดหัวเลยก็คือ 'วัฒนธรรมองค์กร'

     

    เราขอยืนยันอีกทีว่ามันสำคัญม้าก (ขีดเส้นใต้ย้ำ 10 ที)

     

              อย่างเราเองก่อนจะสมัครแซลมอนเฮาส์ก็ติดตามผลงานของเขามาพอสมควร (ก่อนจะพบทีหลังว่ามีอีกตั้งหลายคลิปที่เขาไม่ลงในช่องยูทูปนี่นา แง) ซึ่งการติดตามผลงานของบริษัทที่เราจะสมัครมันก็คงเป็นอะไรที่ทุกคนพอเข้าใจอยู่แล้วล่ะว่าต้องทำ


    การติดตามผลงานของบริษัทนอกจากจะช่วยให้เราเข้าใจที่ทางของตัวเองว่ากำลังจะเข้าไปทำอะไรในบริษัทเขาแล้ว ก็ยังช่วยให้เข้าใจท่าที บุคลิกและลักษณะขององค์กรได้ในระดับหนึ่ง


    (อย่างของแซลมอนเฮาส์เองเราก็เรียนรู้ผ่านการอ่านโพสในเฟซบุ๊คของพี่เบ๊นและพี่วิชัยมาในระดับหนึ่ง – แหะ) เราเลยค่อนข้างเตรียมใจมาในระดับหนึ่งละว่าออฟฟิศนี้ต้องปั่นแน่ๆ

    .

    .

    .

    .

    แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมากขนาดนี้




     


              ตั้งแต่วันแรกที่เราไปสัมภาษณ์งานกับแซลเฮาส์ (ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โควิดกำลังระบาดใหม่ ๆ) เราเดินเข้าห้องมาแล้วก็พบว่ามีพี่คนนึงยืนดักรอเราอยู่หน้าประตูพร้อมขวดเจลแอลกอฮอล์ ท่าทางดูขึงขัง และพอบีบเจลให้เราเสร็จก็ไปกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับพี่เบ๊น (ให้นึกภาพลูกสมุนมาเฟียเวลาคุยกับเจ้านายว่า "จะจัดการไอ้เด็กเชี่ยนี่เลยดีมั้ยครับท่าน")

     

    1 ชั่วโมงถัดมา เราก็เพิ่งรู้ตัวว่าพี่วิชัยถ่ายคลิปช็อตดังกล่าวลงเฟซบุ๊กเรียบร้อย

    (ช่างเป็นการต้อนรับกันอย่างอบอุ่น)

     

    และแม้ว่าแค่วันสัมภาษณ์เราก็คิดว่าเราได้เห็นมากแล้ว

    แต่นั่นก็เป็นเพียง 0.00001% ของวัฒนธรรมขององค์กรนี้

    ซึ่งเราจะขอสรุปเป็นแก่นแกน 3 ข้อหลัก ๆ ดังนี้



    1. ความขยัน

              ความขยันของพี่ ๆ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงความขยันในการลงไปต่อคิวที่ร้านทวีสุข-ร้านข้าวแกงข้างล่างออฟฟิศ ตั้งแต่พี่เจ้าของร้านเพิ่งเปิดร้านในเวลา 16.00 เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการให้ความสำคัญกับความตลกมาก ๆ จนต้องมีกริ่งไว้ใช้สำหรับตบมุกโดยเฉพาะ


    (แนบรูป)


    โดยจะมีพี่เม้ง-มือตัดต่อประจำแซลเฮาส์ เป็นผู้รับหน้าที่กดกริ่งในทุกครั้งที่มีคนเล่นมุก

    (และต้องเป็นมุกที่มีคุณภาพด้วยนะ ไม่งั้นพี่เม้งไม่กดให้)


    พี่เม้งทำหน้าที่ไม่เคยบกพร่อง เพราะหลายครั้งเลยที่พี่เม้งใส่หูฟังนั่งตัดต่องานอยู่ แต่พี่เม้งก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงคนอื่นเล่นมุก และยังมีความสามารถในการแยกแยะประสาทสัมผัสขั้นสูงสุดที่จะตัดสินใจว่าควรกดกริ่งให้มุกนั้นหรือไม่ (นับถือ)


              เราจำได้ว่า มีครั้งหนึ่งที่ออฟฟิศมีเก้าอี้ใหม่มา แล้วอยู่ดี ๆ ทุกคนก็พยายามจะเปิดประมูลกันว่าใครสมควรได้เก้าอี้ตัวใหม่ไปมากที่สุด ซึ่งแต่ละคนก็พยายามจะพรีเซนต์ว่าเก้าอี้เดิมของตัวเองมันแย่ยังไง จนกระทั่งถึงตาของพี่คนนึง


    พี่ A: อะไหน มึงลองบอกซิ ทำไมมึงควรได้เก้าอี้นี้ไป


    พี่ B: พี่...ผมวิ่งตามเขามานานแล้ว ให้ผมได้หยุดพักบ้างเถอะ



    (กริ๊ง – เอาเสียงกริ่งไปเลย 1 ดอก)

     


              และด้วยความที่แต่ละคนก็ขยันเล่นมุกกันเหลือเกิน เราเคยสังเกตด้วยว่าวันหนึ่งเจ้ากริ่งนี้ถูกใช้งานกี่ครั้ง ผลสำรวจชี้ว่าใน 1 วันต้องมีอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ถ้าวันไหนท็อปฟอร์มหน่อย พี่ ๆ อารมณ์ดีลูกค้าเข้าใจง่ายหน่อย (หรือบางทีถ้าอารมณ์เสียมา มุกก็จะเดือดไปอีกทางเหมือนกัน 5555) ก็เคยพีคสุดถึง 4-5 ครั้งใน 1 วัน

              ไอ้เจ้ากริ่งเนี่ยเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบริษัท ปกติจะไม่ค่อยให้ใครมากดเล่น (ทุกคนไว้ใจพี่เม้งมากไง) จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ด้วยความสงสัยอีกแล้ว เราก็เคยถามพี่ ๆ เขาว่า "ทำไมต้องใช้เป็นกริ่งด้วย ใช้อย่างอื่นตบมุกไม่ได้หรอ" เขาก็เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ ก่อนหน้านี้มีบอร์ดซาวนด์เอฟเฟกต์ 15 เสียงไว้สำหรับตบมุกโดยเฉพาะเลย แต่...กูเมาแล้วทำหาย”

     

    จบ




    2. ความเป็นหนึ่งเดียวกัน

              นอกจากออฟฟิศนี้จะให้ความสำคัญกับการเล่นมุกแล้ว ก็ยังให้ความสำคัญกับความเป็นหนึ่งเดียวกันมาก ๆ อีกด้วย สังเกตได้จากคติที่ว่า คอมคนอื่นที่เปิดทิ้งไว้ก็เหมือนคอมของเรา เฟซบุ๊กใครที่ไม่ได้ล็อกเอาท์ก็เหมือนเฟซบุ๊กของเรา”


              เพราะว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่คุณหันหนีออกจากคอม ก็มีจะเสือสมิงพร้อมซุ่มโจมตีกล่องสเตตัสบนเฟซบุ๊กคุณเสมอ เช่น บางทีหันไปคุยงานกับเพื่อนแค่แป๊บ ๆ ก็ยังไม่อาจรอดพ้นเหล่านักล่าพวกนี้ไปได้ เพราะเสือพวกนี้ทำงานกันอย่างเป็นระบบ และเป็นมืออาชีพมาก ๆ ต่อให้เวลาน้อยหน่อย เสือพวกนี้ก็ไม่ละทิ้งความพยายาม โดยการพิมพ์คำว่า "เหงา" สั้น ๆ หว่อง ๆ บนไทม์ไลน์ของเหยื่อ

            แต่หากคุณติดคุยงานกับทีมอื่นยาว ๆ หรือลุกไปซื้อของที่เซเว่นข้างล่างแล้วลืมเปิดไอแพด/คอมทิ้งไว้เมื่อไรละก็


    "ทะเลเรียกว่า sea แต่ความรักดี ๆ เรียกว่าเรา"

    "กาแฟไม่ใส่นมยังไม่ขมเท่าเธอไม่ใส่ใจ"

    "ถึงผมจะชื่อเกม ก็ใช่ว่าใครจะเล่นผมได้ง่าย ๆ"


    อาจไปโผล่บนหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กของคุณก็เป็นได้ (เพราะมีคนหิวคอนเทนต์ซุ่มอยู่เต็มไปหมด)




    3. ความเป็นครอบครัว
              นับว่าเป็นสิ่งที่เราชอบมากในออฟฟิศนี้ ซึ่งก็คือ ความเป็นกันเองมาก ๆ ของพี่ ๆ แต่ละคน ถ้าใช้ศัพท์ดี ๆ หน่อยคือที่นี่ทำงานกันแบบแนวระนาบ (ก็คือทำงานอยู่ดีๆ อาจจะลงไปนอนที่พื้นได้เลย เพราะจ้างคุณป้ามานวดหลังกันประจำ – ล้อเล่น //หมายถึง ทำงานแบบไม่มี hierarchy โว่ย)

              ตอนเราฝึกงาน แม้ว่าจะมีพี่ ๆ ที่เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันแต่ด้วยความที่เราเด็กสุดในออฟฟิศ เราก็ค่อนข้างเกรงใจและให้เกียรติพี่ ๆ เป็นอย่างมาก (หรอ) อาทิเช่น ครั้งหนึ่งเราเคยเดินไปซื้อน้ำที่เซเว่นกับพี่คนหนึ่งซึ่งพี่เขาลืมพกเงินสดมา

     

    พี่: ยืมเงินซื้อน้ำได้ปะ

    เรา: ได้สิคะ อะพี่เอาไป ๆ

    พี่: ไหน ๆ มึงลองพูดหน่อยว่า “ไม่เป็นไรพี่ ถือว่าทำบุญให้หมูให้หมา

    เรา: ไม่เป็นไรพี่ ถือว่าทำบุญให้หมูให้หมา

    พี่: (หัวเราะชอบใจ)

     

    หรืออย่างเช่น ครั้งหนึ่งที่เรานั่งว่าง ๆ อยู่ ก็เลยอ่านหนังสืออะไรสักอย่างเล่น ๆ ก็มีพี่คนนึงเดินเข้ามาชวนคุย


    พี่ A: แบมบี้ อ่านไรวะ

    เรา: อ่อ อ่านหนังสือ “XXXX” ค่ะพี่

    พี่ B: ไหนแบมบี้ลองพูดหน่อยว่า “น้ำหน้าอย่างพี่มีปัญญาอ่านด้วยหรอ

     


    (เชื่อหรือยังว่าที่นี่อยู่กันแบบครอบครัว แถมยังถนัดแต่การสร้างความร้าวฉานอีกด้วย)






              มาถึงตรงนี้ คนอ่านก็อาจจะงงว่าได้สาระอะไรไปบ้างจากตอนนี้ จริง ๆ ตอนนี้คือตอนรวมเรื่องที่เราประทับใจในแซลมอนเฮาส์ นอกเหนือจากเรื่องงานน่ะแหละ


    ซึ่งทั้งหมดที่พูดเนี่ยก็ไม่อยากให้เข้าใจว่าเออพี่เขาสนุกกันและเล่นหัวได้ตามสบาย

    เราว่า timing มันก็สำคัญจริง ๆ นั่นแหละ (เหมือนกริ่งตบมุกที่ต้องมาในจังหวะที่ถูกต้อง)

     



    และก็เหมือนกับคนที่ใช่ ที่ต้องมาในเวลาที่ใช่

    ส่วนคนที่ใช่ในเวลาที่ไม่ใช่ ให้ตีไปว่าไม่ใช่


    (อีกหนึ่งมุกคุณภาพที่พี่เม้งกดกริ่งให้แล้ว)



  • สรุปปิดท้ายพอเป็นพิธี:

             


              และแล้วเวลา 2 เดือนเศษของเรา ก็จบลงภายใน 3 ตอน

              แน่นอนว่ามันไม่เทียบเท่าระยะเวลาจริง ๆ ที่เราใช้ที่นั่นเลย

              จะให้ใช้เวลามากกว่านี้ในการตกตะกอนก่อนพิมพ์ก็ทำได้

              แต่เราไม่อยากทิ้งไว้นานกว่านี้ เพราะอยากให้มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนตอนไปฝึกงานมากที่สุด

             

              นอกจากทำหน้าที่เก็บความทรงจำของเราให้เป็นรูปธรรมแล้ว

              ก็หวังว่าซีรีส์เด็กฝึกงานนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน (ที่หลงเข้ามาอ่านจนจบ) ไม่มากก็น้อย

              หรือถ้าไม่เป็นประโยชน์อะไร อย่างน้อยที่สุด ก็หวังว่าจะเรียกรอยยิ้มเบา ๆ ให้คนอ่านได้แล้วกัน

     

              และแม้ว่าพี่ ๆ เขาจะชอบแกล้งบอกเราว่า

              "มาฝึกงานที่นี่แล้วไม่ได้เชี่ยอะไรเลยสินะ ดูพวกกูแต่ละคน"

              แต่จริง ๆ เราเรียนรู้เยอะมากว่าเรายังขาดอะไร เพราะพวกพี่ทุกคนเก่งกันมาก ๆ เลยจริง ๆ

     

              ยังไงก็

              ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดี ๆ ของกินอร่อยๆ และเสียงหัวเราะในทุก ๆ วัน


              ฝึกงานครั้งแรกในชีวิต

              ณ แซลมอนเฮาส์ 1/6/2563 –7/8/2563




    อ้อ... มีแถมนิดนึง เราไปออกกองกับพวกพี่เขามาด้วยล่ะ

    (แต่ก็ไม่ได้ไปช่วยอะไรจริงจังหรอกนะ ออกแนวไปสังเกตการณ์มากกว่าฮะ)

    ขอปล่อยรูปแรนด้อม ๆ ไว้ที่นี่หน่อยก็แล้วกัน ;)




    สุดท้ายจริง ๆ:
    ขออภัยตามหลังที่ทั้ง 4 ตอนมีการใช้ระดับภาษาสลับไปสลับมา และอาจมีคำที่สะกดผิด เว้นวรรคผิดบ้าง แม้ว่าจะพยายามตรวจแล้ว แต่เชื่อว่าคงยังหลงเหลืออยู่ หวังว่าจะไม่ทำให้เสียอรรถรสจนเกินไปฮะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in