หน้าตาอาหารเช้าที่โรงแรมจะประมาณนี้ แพนเค้ก, ไส้กรอก, มันฝรั่งทอด, ไข่ต้ม/ดาว, ข้าวโอ๊ต
ตื่นเช้ามาพร้อมกับการรีบกินอาหารเช้าเพราะตารางการเดินทางวันนี้เริ่มต้นประมาณ 7.00 น. เราได้รับการแนะนำให้รู้จักไกด์และลูกหาบที่จะพาเราเดินทางตลอด 8 วันบนภูเขา ไกด์ชื่อคุณซันโตส ส่วนลูกหาบชื่อคุณนาบิน (เหมือนคุณนาบินที่เป็นผู้ที่เราติดต่อด้วยตลอดก่อนเดินทางมาที่เนปาล)
ซ้าย: คุณนาบิน ขวา: คุณซันโตส; ตัวละครหลักทั้งสองที่ขับเคลื่อนการเดินทางครั้งนี้
การเดินทางจาก Kathmandu ไป Pokhara เราใช้บริการรถบัสสาธารณะ ซึ่งเดินจากโรงแรมมาที่ท่ารถประมาณ 5 นาที รถจะออกประมาณ 7.30 น. ลักษณะภายในรถจะคล้ายรถทัวร์ยี่ห้อ 999 (ตามประสบการณ์ที่เราเคยนั่งนะ 55555) แต่เบาะจะสบายกว่า ใหญ่กว่า ค่อนข้างโอเคเลยสำหรับเรา ไม่ถือว่าอึดอัดแต่อย่างใด ที่สำคัญไกด์เลือกที่นั่งให้เราดีมาก ขาไปเรานั่งฝั่งขวา ซึ่งจะได้มองวิวตลอดทาง (ถ้าเป็นฝั่งซ้ายจะติดทางภูเขา อาจจะมองวิวข้างทางยากหน่อย) ทั้งนี้เนื่องจากเส้นทางนี้กำลังทำทางตลอด ดังนั้นสิ่งที่คุณซันโตสแจ้งเราก่อนเดินทางคือ 'ตอนนี้กำลังทำทาง ทำให้ถนนขรุขระหน่อยนะครับ การเดินทางอาจจะยาวได้ถึง 8-9 ชั่วโมง' ทางเราได้รับสาสน์ก็ซู้ดปากหนึ่งที หัวเราะแหะๆ
แหม่ ทำใจมาแล้ว ถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก จะไปยากอะไร :D
ภายนอกรถบัสจะหน้าตาประมาณนี้ (ถ่ายขณะแวะจอดระหว่างทาง)
บรรยากาศที่คุ้นเคย แต่เบาะใหญ่กว่า สบายเลยนะ (เบาะใหญ่กว่านครชัยแอร์ gold class)
ใบหน้าก่อนเริ่มเดินทางอันแสนยาวนาน
บรรยากาศข้างทางระหว่างที่เรานั่งรถ บ้านเรือนหรือวัดจะกระจายตามทั้งพื้นราบและภูเขา
การเดินทางไป Pokhara จะมีทั้งนั่งเครื่องบินและรถ ซึ่งในตารางของเราทางเอเจนซี่จัดให้เรานั่งรถบัส
หนึ่งคำถามที่เราเคยสงสัยตอนที่หารีวิวเกี่ยวกับเดินทางไปเมือง Pokhara ด้วยรถบัส
เรากินข้าวยังไง?
คำตอบคือ รถบัสนี้จะแวะอยู่ 2 ครั้งใหญ่คือ
1. กินข้าวเช้าประมาณ 10 โมงเช้า
2. กินข้าวเที่ยงประมาณบ่าย 2
และมีแวะพักระหว่างทางเพื่อเข้าห้องน้ำประมาณ 2-3 ครั้งค่ะ
รถบัสหลายคันก็จะมาแวะให้ลูกทัวร์ทำกิจธุระ ซื้อขนมนมเนย ดื่มกาแฟก่อนกลับไปนั่งยาวๆ
โอ้โห วิวข้างทางแบบนี้ มองได้ไม่รู้สึกเบื่อเลย
เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาล Dashain ของเนปาลพอดี ทำให้การจราจรติดขัดมาก ทั้งนี้มีผู้มองเห็นโอกาสทางการค้า มีการขายมะพร้าว แตงกวา สินค้าจิปาถะระหว่างรอรถเคลื่อนตัวตลอดเส้นทางเลย สุดยอดเลยเนอะ
ร้านยาข้างทางมักทำให้เราตื่นตาตื่นใจ
ส่วนนี่คือโรงพยาบาล จะเห็นว่าร้านค้าปิดเยอะเนื่องจากเทศกาล Dashain เป็นเทศกาลใหญ่ที่สุดของปีของเนปาลที่คนกลับบ้านไปเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำให้ร้านรวงต่างๆปิดกันเป็นเวลาหลายวัน เมืองจึงดูเงียบถึงแม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดังมากก็ตาม
นั่งดูวิวเพลิน หลับบ้าง ตื่นบ้าง รถโขยกเขยกไปมา แปปๆก็ผ่านมาเกือบ 9 ชั่วโมง ประมาณ 5 โมงเย็น เราถึงท่ารถของเมือง Pokhara เริ่มเห็นน้องภูเขาน่ารักๆให้ชื่นใจ
และเราก็ลงรถมาโดยไม่ได้ตรวจสอบเลยว่าทำกระเป๋าตังค์หล่นในรถบัส ซึ่งมารู้ตัวตอนจะไปซื้อของในเมือง Pokhara แล้ว ใจนี่หล่นไปตาตุ่มเพราะในกระเป๋าตังค์นั้นมีบัตรเครดิตและบัตรประชาชน คือการระงับบัตรเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าลำบากใจสำหรับเรา แต่ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้วว่า เออนะ เราไม่รอบคอบเอง เอาไว้คอนเฟิร์มว่าหายจริง แล้วค่อยติดต่อ call center เพื่อระงับบัตรเครดิต
เมื่อเราสงสัยว่าน่าจะหล่นในรถบัส เราก็รีบแจ้งให้คุณนาบิน (เอเจนซี่) ทราบทันทีว่า 'พอจะเป็นไปได้ไหมที่จะช่วยตรวจสอบรถบัสกับรถแท็กซี่ที่เรานั่งไป เราทำกระเป๋าตังค์หาย' คุณนาบินก็ตอบสนองเราอย่างรวดเร็ว ผ่านไปได้ประมาณ 20 นาที ก็ตอบกลับมาว่า 'เจอหล่นในรถบัส เดี๋ยวให้ซันโตสไปเอาให้' ณ เวลานั้นคือ โอ ทำไมน่ารักจังเลย ขอบคุณโชคชะตาที่ดลใจที่เราเลือกเอเจนซี่นี่
เมื่อรู้ว่ากระเป๋าตังค์ยังอยู่ โลกก็กลับมาสดใสอีกครั้ง กินข้าวอร่อยแล้วจ้า 5555555
ซ้าย: ซุปไก่ กลาง: Dalbhat ไก่ ขวา: ไก่ chilly
โดยส่วนตัวเราชอบบรรยากาศเมือง Pokhara มากกว่า Kathmandu หลายขุมเลย ที่นี่ให้ความรู้สึกชิล เดินได้เรื่อยๆ ของสวยๆเยอะมาก โดยเฉพาะกลุ่มผ้าทอ งานปักนี่สะใจมาก เรานี่ยืนมองแบบน้ำลายไหลหลายร้านเลย คืองานประดิษฐ์แบบนี้มันทำให้ใจระทวย อยากสอยมาเป็นของตนให้จงได้ แต่ก็ได้แต่อดใจไว้เพราะเราแบกขึ้นไปไม่ได้ เดี๋ยวไว้กลับลงมาจะมาดูให้หนำใจไปเลย
เอ็นดูนางกวักหน้าร้าน น่าจับขยำจริงๆเบย
วันนี้นอนที่ Hotel Crystal Palace ภายในห้องค่อนข้างดีเลย หมอนดี เตียงแน่น เอนจอยมาก คืนนี้ก็ต้องรีบนอนเพราะพรุ่งนี้ออกเดินทาง 7.00 น. เพื่อจะเดินทางไป trekking ของจริงแล้ว ตื่นเต้นจัง!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in