เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A Little Me Timeชุติมา
รับไม่ได้ที่ตัวเองดูโง่
  • ความอิจฉาคือไฟในอก คนที่คิดคำเปรียบเปรยนี้ได้คือเก่งมาก เพราะสามารถบรรยายความรู้สึกที่มันอยู่ในใจได้ความหมายที่ใกล้เคียงมากๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า เราไม่เคยเป็นคนมีความคิดอิจฉา หรือคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครแบบจริงๆจังๆเลยสักครั้ง ไมได้เป็นคนโลกสวยนะแต่เชื่อเถอะมันมีคนประเภทนี้อยู่จริงๆ เพราะเราไม่ได้โฟกัสความสุขหรือความสำเร็จอะไรของใครแล้วเอามาบั่นทอนตัวเองเลยสักครั้ง บวกกกับเป็นคนที่โชคดีมากที่มีแต่เพื่อน พี่น้อง คนรอบข้างที่หว่านล้อมไปด้วยคนดีๆจิตใจดี เราโฟกัสที่จะยินดีกับเค้าเห็นทุกคนมีความสุขเราก็แฮปปี้ไปด้วย แต่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้น 

    ช่วงนี้ก็อย่างที่รู้ๆว่าเราเริ่มงานใหม่ อะไรต่างๆก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไร ความกังวลก็มีมายมากเต็มไปหมด เมื่อวานก็เทรนงานปกติทั่วไป แล้วมันต้องเขียนรายงานนู้นนี่ ต้องเขียนภาษาอังกฤษต่างๆ ละเพื่อนที่เทรนเราก็จ้องเราตอนเราเขียน แล้ว เค้าพูดคำว่า prawn cutlets แต่จังหวะนั่นอะ เราสะกดคำว่า cutlets ไม่ออกแบบ cut แล้วไงต่อหวะ แบบมันเป็นความรู้สึกแบบอายบวกกับเชี้ยกูโง่ขนาดนั้นเลยหรอหวะ คือรู้ตัวเองว่าไม่ได้เป็นคนฉลาดคนเก่ง แต่มึงคำนี้ไม่ได้ยากเลยนะเอาจริง ละ ณ ตอนนั้นคือแบบใจคิดไปถึงกับความแม่งกุคงดูโง่ในสายตาเพื่อนร่วมงานมากๆ และนั้่นแหละคือจุดเริ่มต้น กลายเป็นว่าเราข้ามผ่านจุดนั้นไปไม่ได้หวะ แบบมันฝังอะ แต่ก็บอกเพื่อนไปตรงๆนะฉันเขียนภาษาอังกฤษและสะกดคำไม่เก่งนะ นางก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ดูออกว่านางแอบข้อคเล็กๆ ก็เข้าใจนางแหละสำหรับนางมันง่ายแบบเธอเป็นอะไรอะ เพราะมันคือภาษาหลักของนางไง เอาจริงเรื่องนี้ทำความคิดเรายุ่งเหยินไปหมด

     แบบเริ่มจากแค่สะกดไม่เป็นลามไปแบบ โทษตัวเองว่าเพราะไม่เก่งภาษาไงเลยมาไกลได้แค่นี้ กลายเป็นทับทมตัวเองไปอีก ที่หนักสุดคือคิดไปเรื่อยจนเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนสมัยประถมที่ตอนนี้เค้าประสบความสำเร็จมากๆ ละก็เอาความสำเร็จของคนอื่นมาทำให้ตัวเองรู้สึกตัวเล็ก กว่าจะดึงตัวเองออกมาได้คือแบบยากอยู่นะ กว่าจะรู้ตัวเองว่า ทำไมเรามีความคิดอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นมาได้ไง เสียเวลาไปกับเรื่องปั่นทอนหัวใจที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองทั้งวันทั้งคืน

    สติ อันนี้คือเรื่องจริงเลย แบบสติต้องมา ต้องมองโลกด้วยความเป็นจริง แก้ไขไปทีละข้อ เราก็แบบอะเราสะกดไม่ได้แล้วยังไง อาย รู้สึกขายหน้า แล้วไงต่อ มันก็แค่นั้น ถ้าอยากดีขี้น เก่งขึ้นก็พัฒนาตัวเอง คือง่ายๆแบบนั้นเลย ละตอนแรกที่มันเกิดขึ้นคือเราคิดไม่ได้แบบนี้ไง มัวแต่รู้สึกขายหน้า ยอมรับตัวเองไม่ได้ ยอมรับความอายนั้นไม่ได้ ถ้าเรามีสติคิดได้แบบนั้นแต่แรกความเปรียบเทียบความอิจฉานั้นมันจะไม่เกิดขึ้นเลย
      
    เลยบอกตัวเองว่าต่อจากนี้ให้ใช้ชีวิตแบบอยู่กับปัจจุบันให้มาที่สุด ยอมรับในทุกความผิดพลาด และในทุกความไม่รู้ของตัวเองให้ได้ อย่ามัวไปโทษนู้นโทษนี่ แค่ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วถ้าไม่ชอบสิ่งนั้นก็แค่พยายามเปลี่ยนตัวเอง กลับมาโฟกัสที่ความสุขของตัวเองแค่นั้นเลย
      
    ขอให้นะตัวเราที่มัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยจนเสียเวลาแห่งความสุขไปตั้งหลายชั่วโมง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in