เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Europe Chapter 2KanSiri
บทที่ 7 Edinburgh พักร้อนก่อนเรียน
  •            และในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงงงง..... เที่ยว!!! หลังจากมีงานทำ มีเงินแล้ว ก็เที่ยวซิ รออะไรและทริปในครั้งนี้ที่เราจะไปก็คือ Edinburgh หรือ เอดินบาระนั้นเอง เรียกสั้นๆ ว่า “เอดิน” ละกันเนอะ ที่เอดินเนี่ยถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ ดังนั้นถ้ามาประเทศนี้แล้วก็ควรจะมาเยือนเอดินอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อ่านประวัติคร่าวๆมาว่าเมืองนี้แหละที่จุดประกายจินตนาการของ J.K. Rowling ในการเขียนหนังสือ Harry Potter จากการนั่งรถไฟไปสถานี King’s Cross เอาเป็นว่าเราอ่านผ่านๆมา ถ้าผิดพลาดอะไร ก็ขออภัยไว้ด้วย ข้อมูลไม่แน่นแต่แพลนเที่ยวแน่นมากนะ ณ จุดนี้

                การมาคือง่ายๆเลย คือการจองตั๋วรถไฟจาก อะเบอร์ดีน ไป เอดิน ราคาราวๆ 20-40 ปอนด์ไปกลับต่อหนึ่งคน ขึ้นอยู่กับเวลาจองเวลาเที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง ต่อ 1 รอบ หลังจากนั้นก็จอง โรงแรม ราคาก็คืนละ 40-70 ปอนด์ตามกำลังศรัทธา อยากได้ถูกก็จองโฮสเทลโล้ด แต่อายุปูนนี้แล้วบวกกับการนอนกรนของผมคราวนี้เลยขอจองโรงแรมละกัน หารเอากันเพื่อนตั๋ง ครั้งแรกกับการจองโรงแรมก็จะลองผิดลองถูก ดันไปจองติดกับสถานีรถไฟรองแต่ก็ยังดีที่การเดินทางที่นี่มันไม่ได้แย่อะไรมาก เดินเท้าก็พอไหว แนะนำว่าหากใครอยากจะมาแล้วเดินใกล้ กินสะดวก ก็ควรจะจองโรงแรม ที่พักแถวๆสถานี Waverley จะดีที่สุด

                ช่วงที่เรามา ก็จะเป็นซัมเมอร์พอดี อากาศสดใส.....ซะที่ไหนฝนจะตกไม่ตกแหล่ เอ้อขนาดเช็คก่อนมา 2-3 วันสุดท้ายฝนก็ตกจนได้ ตอนไปเช็คอินโรงแรม ผมก็พูดเชิงบ่นๆว่า “Rain! It’s raining again” พนักงานที่น่ารักก็ตอบกลับมาแบบสุภาพว่า “Why don’t you check the weather before you come?” เอ่อ คือ ขอโทษนะประเทศมึงอากาศสามวันดี สี่วันไข้ ลูกผีลูกคนแบบนี้ ต่อให้เช็ค 1 วันก่อนมาก็ไม่ได้ช่วยมะเขืออะไรเลยจ่ะ ทำใจเลยนะ ถ้าจะมาที่ประเทศนี้ถ้าแดดดีคือโชคดี เอาล่ะพอเสร็จปุ๊บก็ขึ้นมาบนห้องปั๊บ เห้ยโรงแรมราคาคืนละเกือบ 4,000 บาท ทำไมมันเหมือนได้โรงแรมรูหนูในประเทศไทยเลยวะ พูดก็เศร้าค่าครองชีพมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดซึ่งจะว่าเป็นเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นข้อเสียกลายๆ สำหรับสายเที่ยวแล้วไม่มีคนหารอย่างเราๆ เออ แต่คราวนี้มีคนหาร รอดตัวไป

                ฝนจะตกก็ตกมันยับยั้งความตื่นเต้วววววของพวกเราไม่ได้แน่นอนพักได้ซัก 20 นาที พวกเราก็ถือร่มใส่เสื้อที่มันกันฝนได้เดินฝ่าออกไปกลางสายฝนเลย วิวปราสาทเอดินบาระคือที่สุดของการมาที่นี่ครั้งแรก ว้าวววววว ว.แหวนล้านตัว ถ้าหากใครมีโอกาศมาเยือนก็ควรจะเข้าไปในปราสาท ราคาประมาณ 20 ปอนด์ต่อหัว แต่คุ้มมาก ควรจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซท์ เอ้อออแต่วันนี้ยังไม่ได้เข้า เพราะฝนตกและเย็นมากแล้วพวกเราได้แต่ตาละห้อยเดินรอบๆเก็บบรรยากาศ ก่อนจะไปหามื้นเย็นกินกัน

                และแล้วหวยก็มาออกที่ร้านปิ้งย่างเกาหลี ขอไม่เอ่ยชื่อร้าน แต่ขอบอกว่ารสชาติห่วยแตกมากพี่น้อง โอ้ย ฝนก็ตก อาหารก็ไม่อร่อย พนักงานก็ไม่มีมารยาท มี 10 กูหัก 10 คะแนนไปเลยมิชชั้นการเที่ยววันแรกที่เอดิน คือพังไม่เป็นท่า กลับมาที่โรงแรมอย่างเปียกปอนและกูผู้ซึ่งกินไม่อิ่ม แล้วทำไงละ รอบดึกเรียกหาอีกแล้วววแต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็กินอิ่มนอนหลับ จากอานิสงค์ของร้านสะดวกซื้อคืนนี้ขอลาหลับก่อน สาธุ...

                อ่อ...การมาเที่ยวครั้งนี้พวกเรามีเวลาเที่ยว 3 วัน 2 คืนวันแรกหมดไปกับการเดินทางและฝนตก วันที่สองตื่นมาอากาศสดใสน่ารักก็เลยได้ฤกษ์ได้ชัยไปเยือนปราสาทถ้าจองมาล่วงหน้าก็ไปตามเวลายื่นบัตรที่หน้าประตูได้เลยแต่ถ้าไม่ได้ซื้อมันก็มีขายหน้างานอยู่นะ แต่ก็ไปเสี่ยงเอาว่าแต่ละรอบคนเต็มหรือเปล่า ในปราสาทก็จะมีพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ดูเกี่ยวกับประวัติของเมือง ทหาร ราชวงศ์ใดๆ อ่านไม่หมดเพราะเยอะมาก แต่ก็นะ ข้างบนวิวสวยมากใครมาครั้งแรกก็น่าจะหลงรักทุกคนเป็นแน่ พวกเราใช้เวลาในปราสาท 2-3 ชั่วโมง และหลังจากจบจากชมปราสาท ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาอีก เอาล่ะพวกเราเลยต้องไปหาร้านอาหารเพื่อนหลบฝนอย่างเลี่ยงไม่ได้

                สถานที่แนะนำในเมืองก็คงจะเป็นถนนที่ทอดยาวมาจากหน้าปราสาทนั่นแหละร้านรวง มากมาย ร้านอาหารก็มีให้เลือกเยอะ มีโบสถ์ที่สำคัญอยู่บนถนนเส้นนั้นด้วยซึ่งหาได้ไม่ยาก บ้านเมืองที่นี่จะมีลักษณะเป็นตึกแล้วเป็นชั้นๆขึ้นไปตามแนวเนินเขาและหน้าผา ดูแล้วก็มีสเน่ห์ไม่น้อยเลยหลังจากนั้นพวกเราก็มีโอกาสขึ้นไปที่ เนิน Calton Hill สามารถมองเห็นวิวสวยๆทั้งเมืองได้จากที่นี่ นอกจากนี้ยังเห็น Arther Seat ที่เป็นเขาเล็กๆสำหรับคนชอบปีนป่ายด้วยจริงๆผมอยากไปนะแต่ด้วยสภาพอากาศ และความไม่พร้อมนี้แล้ว ครั้งนี้ผมก็เลยขอผ่าน

                ระหว่างที่อยู่บนCalton Hill ผมกับตั๋งก็ถ่ายรูปกันเล่นๆปีนป่ายโน่นนี่นั่นจนกระทั่งมีสาวจีนคนนึง เธอพยายามที่จะปีนขึ้นมาถ่ายรูปบนแท่นเสานายตั๋วผู้หวังดีก็ได้ยื่นมือไปช่วย หลังจากนั้นมันก็มีกระซิบบอกผมว่า “คนนี้น่ารักดีว่ะ” ผมก็ได้แต่เออ ออ ห่อหมกไป ไม่ได้ตั้งใจฟังเพราะมัวแต่ถ่ายรูปและก็มีจังหวะนึง ที่หญิงจีนคนนั้นเดินเข้ามา

                ตั๋ง: “มึงเค้าเดินมาหากูแล้ว”

                แต่แล้วจังหวะซิทคอมก็เกินขึ้นผู้หญิงเดินผ่านหน้าไอ้ตั๋งมาหาผมแทน พร้อมกันถามชื่อแส้ พยายามทำความรู้จักผมสุดๆในใจผมได้แพ่คิดว่า ขอโทษทีว่ะเพื่อน ฮ่าๆแต่ก็เป็นเหตุการณ์ขำๆ เสร็จแล้วไอ้ตั๋งมันก็บ่นไม่หยุด“ กูช่วยมันขึ้นมาบนแท่นแท้ๆ ทำไมมันไปคุยกับมึงวะ!”  โน่นนี่นั้นเอออันนี้กูก็ไม่รู้ มึงไปเคลียร์กับมันเอาเอง  กูอยู่ของกูเฉยๆนะ ฮ่าๆ

                นอกจากที่เที่ยวดังกล่าวในเมืองก็จะมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอยู่ก็คล้ายๆกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆในเมืองใหญ่ๆอยู่ จะมาหรือไม่ก็ได้ ค่าเข้าฟรี


                                                                (ชุดประจำชาติสก๊อตแลนด์)

                 หมดไปอีก 1 วัน ที่เอดิน แต่เดินในปราสาทกับถนนหลักก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆแล้วสำหรับการมาเยือนเมืองนี้ โชคร้ายที่ฝนตกเกือบทั้งวันแต่ก็เป็นวันที่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

                วันสุดท้าย ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษพวกเราเก็บตกที่บางที่เดินเล่นถ่ายภาพและหาของกินจนกระทั่งถึงเวลากลับอะเบอร์ดีนเย็นๆโดยรวมก็ถือว่าประทับใจดี แม้ว่าฝนจะตกไปหน่อยก็เถอะ ก็ถือได้ว่าเป็นทริปค้างคืนทริปแรกหลังจากวิกฤตโควิด และเราก็รอดพ้นโควิดมาได้และกลับถือห้องพักโดยสวัสดิภาพ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in