AU ลั่วปิงเหอในวันที่เสิ่นชิงชิวตายในคุกและหลังจากนั้น
เสิ่นชิงชิวตายแล้ว
มันเกิดขึ้นวันนึงที่ลั่วปิงเหอไปยังคุกใต้ดินเพื่อเยี่ยมเยือนอีกฝ่ายตามอัธยาศัย ร่างไร้รยางค์ทั้งสี่ที่ถูกโซ่ตรวนตรึงไว้นั้นพับงอลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างผิดวิสัย เขาขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปคว้าแขนอีกฝ่าย แรงกระชากเกินความจำเป็นทำให้ร่างนั้นขยับตามไม่ต่างจากตุ๊กตาเก่าๆ
“เสิ่นชิงชิว?”
มีบางอย่างผิดปกติ ความตื่นตระหนกตั้งเค้าลาง แต่เขาเพิกเฉย
เขาเอื้อมมือคลำหาชีพจรตามลำคอ แต่มือของเขาสั่นเกินไป ไม่เป็นไร เขาใช้วิธีอื่นได้ เขาแค่ตกใจไปเล็กน้อยเท่านั้น ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม
เลือดมารฟ้าไม่มีปฏิกิริยา
ความหวาดกลัวหยดลงมาราวกับสีหมึกในน้ำบริสุทธิ์ เขาปัดมันออกไป
ท้ายที่สุด เขาใช้ทุกวิธีที่เขานึกออกปลุกและตรวจสอบร่างกายของเสิ่นชิงชิว
ทั้งๆที่หลักฐานคือร่างไร้วิญญาณนั้นชัดเจนกว่าสิ่งใด
ร่างกายทำตามจิตใต้สำนึก เขานั่งลงตรงหน้าร่างของอดีตเจ้ายอดเขา เอ่ยเรียกเสียงเบาราวกับละเมอ
“ซือจุน...ตายเสียแล้วหรือขอรับ”
ราชาสามภพจ้องมองร่างที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ของคนตรงหน้า สีหน้ายากจะหยั่งรู้ เขานั่งมองอยู่ตรงนั้น เงาของเขาและร่างกายนั้นเคลื่อนคล้อยตามแสงที่ส่องลงมาจากหน้าต่างเล็กๆ จนลับหาย
เขาไม่แปลกใจ ไม่หรอก แม้เป็นเซียนแต่มนุษย์นั้นช่างเปราะบางไม่เหมือนเผ่ามาร เสิ่นชิงชิวผ่านอะไรมาเกินขีดจำกัดปุถุชนทั่วไปนานแล้ว
เขาไม่ได้แปลกใจ เขาแค่รู้สึกว่างเปล่า แต่เขาคิดว่ามันคงเป็นเพียงแค่ช่วงขณะ คล้ายเวลาที่เห็นสุนัขจรจัดที่เล่นด้วยทุกวันตายไปก็เท่านั้น
เขาลุกขึ้น ท้องฟ้ามืดสนิทตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ แม้อยากเอื้อมจับตัวซือจุนของเขาแต่เสิ่นชิงชิวยามนี้ดูสงบเกินไป สูงส่งและไกลออกไปเกินที่เขาจะไขว้คว้าแม้จะเป็นตัวเขาตอนนี้ก็ตาม เขาคารวะศพตรงหน้าด้วยท่าทางก่ำกึ่งระหว่างเย้ยหยันและจริงใจ
“ศิษย์ไร้ความสามารถ ไม่อาจทำให้ซือจุน...” เขาหยุดค้าง ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไร เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะออกจากคุกใต้ดินโดยไม่หันกลับ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านพ้นไปกับความมัวเมากับเหล่าภรรยาของเขา
เขาช้อนคางภรรยาคนนึงที่เขาจำชื่อไม่ได้ นางหลับตาพริ้มรอคอยสัมผัส ลึกลงไปในใจนึกถึงใครอีกคน
เขาฝังมันให้ลึกขึ้นพร้อมก้มลงจูบ
เขาฝังมันไปพร้อมกับร่างของเสิ่นชิงชิวด้วยมือเขาเอง
ในป่าไผ่ที่เขาสั่งคนทำ มันทำให้เขานึกถึงชิงจิ้งเฟิงและวันวานเก่าๆ
บางครั้งเขาอยากให้มีทางเลือกที่ต่างออกไป
เขาแทรกเข้าไปในร่างกายอ่อนนุ่มที่ตอบรับเขา เสียงหอบครางดังทั่วห้อง ริมฝีปากประทับกับภรรยาคนนึง มือโอบกอดภรรยาอีกคน ร่างกายเชื่อมต่อกับภรรยาอีกคนนึง เขาหลับตาเมื่อความสุขแผ่ซ่านเข้ามา แค่ยามนี้เท่านั้น ที่ร่างกายขยับไปตามสัญชาติญาณดิบ เร่งเร้าหาจุดสิ้นสุดของความทรมาณอันสุขสม ที่เขารู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่ ยามที่หัวใจเต้นแรงจนไม่อาจได้ยินความคิดตัวเองได้ ยามที่เขาสามารถปล่อยทุกอย่างออกไปได้ ยามที่เท่านั้นที่เขาสามารถไขว้คว้าความสุขที่ต้องการได้แม้จะเพียงชั่วครู่ก็ตาม
บางครั้งเขาตื่นขึ้นมาด้วยความกระสับกระส่าย ร้อนรนจนไม่เป็นสุข ความทรงจำยังปรากฏชัดเจนในฝัน เขาใช้วิชามารฝันที่ร่ำเรียนมาสร้างห้วงฝันของเขาเอง พื้นที่ที่เขามีอำนาจควบคุมทุกความเป็นไป ที่ที่เขาไม่อาจเสียสิ่งใดไปได้
ลั่วปิงเหอฝันถึงเสิ่นชิงชิวที่ไม่ใช่เสิ่นชิงชิว
คนคนนั้นมีใบหน้าของซือจุน เขาจึงเรียกอีกฝ่ายออกไปแบบนั้น
คนผู้นั้นมีท่าทีหวาดกลัวเขา ในความหวาดกลัวมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ ความคาดหวังอะไรบางอย่างฉายชัดในแววตา เรียกหาบางสิ่งที่เขาไม่อาจเป็น
เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้อยู่เรื่อย
เขาฉีกแขน ‘เสิ่นชิงชิว’ มองเหนความหวาดผวาใต้ใบหน้านั้น เสียงอ่อนโยนที่เรียกชื่อเขาไม่มีแล้ว
เขาตื่นขึ้นมากับความว่างเปล่า
ได้แต่เก็บความสงสัยถึงเสินชิงชิวคนนั้นไว้กับตัว ขบคิดจนบางครั้งเผลอหลับท่ามกลางต้นไผ่นับร้อยที่เขาสั่งทำและร่างไร้วิญญาณที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ บางครั้งเสียงลมพัดผ่านใบไม้ทำให้เขาสงบขึ้น ราวกับได้ชำระล้างบาปทั้งหมดไปในสายลมและกลิ่นไผ่เหล่านั้น
จนกระทั่งวันที่เขาได้พบโลกอีกใบ
ที่นั่นมีตัวเขาอีกคน ชิงจิ้งเฟิงเหมือนในความทรงจำ เสิ่นชิงชิวที่เขาเคยพบ และสิ่งที่เขาไม่มี
ว่ากันว่าเรามักตระหนักถึงสิ่งที่เราต้องการเมื่อเราเห็นสิ่งนั้นเป็นของคนอื่น ลั่วปิงเหอกลับคิดว่าเรารู้ได้ว่าเราปรารถนาสิ่งใดยามที่เราพบเห็นการมีอยู่ของสิ่งนั้นต่างหาก เขาแทบไม่เคยมีโอกาสได้เรียกเสิ่นชิงชิวของเขาว่าซือจุนและฝ่ายนั้นก็ไม่เคยแม้แต่ฟังเขา เสิ่นชิงชิวอีกคนตอบรับทุกครั้งไม่ว่าเขาจะเรียกกี่รอบ
เขามองภาพเขาและเสิ่นชิงชิวอีกคนยืนเคียงข้างกันบนยอดเขาที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก นี่คือสิ่งที่เขาอาจมีหรือ เช่นนั้นข้าต่างกับอีกคนนั่นตรงไหนกัน ข้าทำพลาดไปตรงไหน
เขาหยุดสู้กับอีกฝ่ายแล้วเค้นเสียงบอกกับเสิ่นชิงชิวอีกคน ”...มากับข้า”
ไม่มีคำตอบดั่งที่เขาคาด แต่กระนั้นเขาก็ยังสบนัยน์ตาของอีกฝ่ายราวกับถามสิ่งที่อยู่ในใจ
แล้วข้าไม่น่าสงสารหรือ
ลั่วปิงเหอกลับมายังที่ของเขาด้วยความพ่ายแพ้ในรอบหลายปี เขารู้สึกเหนื่อยกว่าที่เคยเป็น สองขาก้าวไปตามสัญชาติญาณ รู้สึกตัวอีกครั้งยามที่ตนลืมตามาพบกับทิวไผ่ที่คุ้นเคยและไอเย็นของพื้นดินที่แผ่นหลัง เหม่อมองก้อนเมฆอย่างไร้จุดหมาย
เขาได้ทำลายหมดแล้ว ทั้งชิงจิ้งเฟิงและเสิ่นชิงชิว
ทุกสิ่งที่ทำร้ายเขา เขาได้กำจัดออกไปจนหมด
ไม่เหลือสิ่งใดให้เขาอีกเเล้ว
ใต้แสงแดดและท้องฟ้าใส ท่ามกลางต้นไผ่ที่พริ้วตามแรงลม มีเสียงสะอื้นดังขึ้น
หลายร้อยปีผ่านไป
ลั่วปิงเหอยังคงอยู่บนจุดสูงสุดของทั้งสองเผ่าพันธุ์ เขายังคงใช้เวลามากมายไปกับบรรดาภรรยาของเขา จัดการเรื่องบ้านเมืองในบางครั้ง ออกศึกในยามที่เบื่อหน่าย บางครั้ง นานๆคร้้ง เขาจะถูกพบเห็นว่าเข้าไปในป่าไผ่ หายไปราวไม่กี่ชั่วยามก็ออกมาด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป จึงไม่มีใครรู้ว่าราชาสามภพนั้นเข้าไปทำอะไรและไม่มีใครกล้าถาม
เวลาเนิ่นนานผ่านไป
เขานอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง เขาหลับตาลงเพื่อสิ้นสุดชีวิตแสนยาวนานและไร้แก่นสารของตัวเอง
ลั่วปิงเหอยืนอยู่ที่ที่เขาไม่คุ้นตา
ในทุ่งหญ้าไกลสุดลุกหูลุกตา เขาคิดว่าเขาเห็นใครคนนึง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in