ชีวิตมีช่วงที่สุขที่สุดและทุกข์ที่สุดอย่างสมดุลกัน
เรื่องแรกที่เราอยากเล่าในนี้คือเรื่องการ ลาออกจากงาน
ช่วงที่บอกไม่ได้ว่าจะสุขหรือทุกข์
เป็นช่วงที่โคตรสับสนของชีวิตเลย
ไม่รู้เลยว่าตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลอะไรกับอนาคตมั้ย
ใช่เแหละ "ตอนนี้เราอยู่ในสถานะว่างงานหรือตกงานนั่นเอง"
ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนเหมือนที่ทุกๆคนเคยได้ยิน
ช่วงทำงานทุกคนอาจมองว่าเรามีความสุข งานก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่ในลึกๆตอนนั้นมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจทั้งเรื่องงานและคน
เราก็ไม่อยากจะโทษอะไรกับใคร
ตอนเจ้านายเรียกไปคุยก็ไม่อยากอธิบายเหตุผลอะไรมากมาย
ทำได้แค่กรอกเหตุผลในใบลาออกว่า
"เราไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับองค์กรได้"
น่าขำสิิ้นดี เหตุผลกากๆ อยากหัวเราะดังๆในตอนนั้นทั้งน้ำตา
แต่เราไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายกับคนที่ไม่อยากฟังเหตุผลของเรา
อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนเราทำงานหนักก็ไม่มีใครเคยเห็นเราอยู่ในสายตา
เพราะฉะนั้นตอนเราออก เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียดายอะไรทั้งนั้น
"ตอนเราทำงานหนักก็ไม่มีใครเคยเห็นเราอยู่ในสายตาเพราะฉะนั้นตอนเราออก เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียดายอะไรทั้งนั้น"
พอออกจากงานแรกๆเครียดนะว่าจะออกมาทำอะไรต่อ
เป็นช่วงที่ดาวน์มากจิตตก มองเพื่อนรุ่นเดียวกันมีหน้าที่การงานที่ดี
เดินนำหน้าไปมากกว่าเราหลายก้าว
เครียดจนต้องออกจากโซเชี่ยวกันไปซักพักกันเลยทีเดียว
แต่ก็นะ ทำตัวเองทั้งนั้นไม่มีสิทธิ์ไปโทษใครเลย
แต่ตอนนั้นเหมือนสวรรค์เห็นใจหน่อยๆ
เรามีเพื่อนเป็นออแกไนซ์รับจัดงานต่างๆ
มันก็เรียกไปช่วยทำงาน เราเองก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอก
แต่ดีกว่าอยู่ว่างๆ พอตอนเย็นก็ออกมาช่วยป้าขายอาหารตามสั่ง
ก็เสิร์ฟนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ก็พอมีค่าขนมกลับบ้าน
ในตอนนั้นเราเองก็ยังอยากที่จะทำงาน อยากมีงานที่มั่นคงกว่านี้
เราใช้เวลาว่างในการหางานตามเว็บต่างๆหางานทุกวัน
ยื่นใบสมัครมาหลายที่ แต่ก็ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย
"เป็นช่วงที่โครตท้อเลยว่ะ"
แต่แล้วมันมีอะไรมาจุดประกายความคิดที่มืดแปดด้าน
ในเมื่อเราเอาดีด้านวิชาการ ด้านการใช้ความรู้แล้วมันไม่ได้ดี
เราลองเปลี่ยนมาสายอาชีพดูมั้ย ลองไปเรียนตัดผมดีมั้ย
มันอาจเป็นอาชีพที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มันสามารถติดตัวเราไปจนตายได้
นี่ก็คิดว่าลองเสี่ยงกับมันอีกครั้งนึง ไปลงเรียนที่สารพัดช่างแถวบ้าน
ค่าเรียนก็ไม่แพงแถมได้อะไรติดตัวเป็นวิชาความรู้
ไม่มีอะไรดีหรือแย่ไปมากว่านี้
เพราะเราคิดว่าชีวิตคือการลองไปเรื่อยๆ
ออกจากกรอบเดิมๆที่ไม่ว่าใครก็ตามเป็นคนวางไว้
แล้วเราลองมาวางกรอบชีวิตของเราใหม่
ตามใดที่เรายังมีชีวิตร่างกายและจิตใจ
เราต้องพร้อมรับแรงปะทะกับสิ่งต่างๆที่เข้ามา
บอกไม่ได้หรอกว่าทางที่จะเดินครั้งนี้จะเป็นไงต่อไป
แต่ไม่มีใครบอกว่าเราจะทำมันไม่ได้
เมื่อมีโอกาสก็เดินเข้าไปหามันเลย
เพราะชีวิตคือความเสี่ยง
ไม่มีอะไรแน่นอน ลองดูก็ไม่เสียหาย
ถึงตรงนี้เราก็อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนไม่ว่ากำลังเจอปัญหาอะไรก็ตาม
"ชีวิตมันไม่มีความแน่นอน" ตามใดที่เรายังมีชีวิตมักมีโจทย์มาให้เราแก้ไขมันเสมอ
จะยากหรือง่ายก็แล้วแต่สถานการณ์ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่จิตใจเราว่าพร้อมรับมือกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้หรือไม่
ปล.พรุ่งนี้จะไปลงเรียนสารพัดช่างหลังจากรอมาเป็นเดือน เรียนอีกทีก็ต้นปี62หน้า
ไหนก็รอมาขนาดนี้แล้ว รอต่อไปก็คงไม่สายไปกว่านี้แล้ว ไว้มีอะไรอัพเดตจะาเล่าให้ฟังนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in