หลายคนที่เริ่มดูแลสุขภาพ มักได้ยินคำแนะนำให้ “กินน้ำมันปลา” หรือ “กินแอสตาแซนธิน” เพื่อบำรุงสมอง ผิว และหัวใจ แต่รู้ไหมว่าถ้ากิน น้ำมันปลา (Fish Oil) คู่กับ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ประโยชน์จะยิ่งทวีคูณมากขึ้น! แล้วเพราะอะไรถึงควรกินคู่กัน? มาดูกันเลย

ทำความรู้จักสารทั้งสองก่อน

น้ำมันปลา (Fish Oil)
เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ได้แก่ EPA และ DHA ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย บำรุงหัวใจ สมอง และข้อต่อ รวมถึงช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดให้สมดุล

แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
คือสารต้านอนุมูลอิสระสีแดงที่พบในสาหร่าย เฟ้กซ์ คริซิโตไฟต์ (Haematococcus pluvialis) และเป็นสารที่ทำให้ปลาแซลมอนหรือกุ้งมีสีชมพูอมส้ม มีพลังต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีถึง 6,000 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 500 เท่า!

ทำไมถึงควรกิน “น้ำมันปลา” คู่กับ “แอสตาแซนธิน”

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของร่างกายแอสตาแซนธินละลายในไขมัน ดังนั้นเมื่อกินพร้อมน้ำมันปลา (ซึ่งมีไขมันดี) จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารต้านอนุมูลอิสระนี้ได้ดีขึ้นลดการอักเสบได้ลึกและครบกว่าน้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบจากภายใน โดยเฉพาะในระบบหัวใจและหลอดเลือด ส่วนแอสตาแซนธินช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์ เช่น ผิว ตา และสมอง — เมื่อรวมกันจึงครอบคลุมการดูแลทั้งระบบเสริมการปกป้องเซลล์จากออกซิเดชัน (Oxidative Stress)โอเมก้า-3 มีโครงสร้างที่อาจถูกออกซิไดซ์ได้ง่าย แต่เมื่อมีแอสตาแซนธินเข้ามาช่วย จะทำหน้าที่เหมือน “เกราะป้องกัน” ช่วยคงคุณภาพของโอเมก้า-3 และยืดอายุการทำงานของเซลล์ดีต่อหัวใจและสมองแบบ Double Effectน้ำมันปลาบำรุงหลอดเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ ส่วนแอสตาแซนธินช่วยลดความเครียดออกซิเดชันในหลอดเลือด ป้องกันการเสื่อมของสมอง จึงเหมาะกับคนทำงานหนักหรือผู้สูงอายุ บำรุงผิวจากภายในแอสตาแซนธินช่วยลดการเกิดริ้วรอยจากแสงแดด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ขณะที่น้ำมันปลาเติมกรดไขมันดีให้ผิวแข็งแรงขึ้น รวมกันคือสูตรผิวสวยจากภายในอย่างแท้จริง

ควรกินเวลาไหนดี?

แนะนำให้กินพร้อมมื้ออาหารที่มีไขมันเล็กน้อย เช่น มื้อกลางวันหรือมื้อเย็น เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารได้ดีที่สุด และสามารถกินพร้อมกันได้เลยในมื้อเดียว เช่น น้ำมันปลา 1,000 มก. คู่กับ แอสตาแซนธิน 4–12 มก. (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือฉลากผลิตภัณฑ์)

KLARITY Omega-3 Norway Ultra + Astaxanthin ทางเลือกที่รวมทุกอย่างไว้ในเม็ดเดียว