เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Girl x Friend (ss1-2) | hunhanhuan_97
-16-
  • ตั้งแต่บทนี้จะเอ่ยถึงความคิดความรู้ศึกของทั้สองตัวละครเลยนะคะ หลังจากตอนก่อนหน้านั้นเป็นพาร์ทของพระเอก

    หนึ่ง! สอง! สาม! สี่!

    เสียงนับเลขในใจของชายหนุ่มยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อดีตเดือนวิศวะกำลังฟิตร่างกายของตนเองหลังจากที่เขาไม่ได้ทำมันมานานพอสมควร หลังจากที่กลับมาอยู่หอตามปกติ เขาเริ่มเก็บของที่ไม่จำเป็นลงกล่องเตรียมไว้สำหรับการย้ายออกในอีกไม่กี่เดือนเดือนข้างหน้า ตอนนี้เขาเป็นเด็กปีสี่เต็มตัวแล้วและใกล้กำลังจะจบออกไปสู่สังคมที่กว้างกว่าเก่า มันน่าท้าทายดีนะว่ามั้ย 

    ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยเหงื่อ เซฮุนหยุดพักที่ม้านั่งข้างทาง เขาตั้งใจว่าจะวิ่งรอบมหาวิทยาลัยให้ได้สักรอบก่อนจะจบออกไป ชายหนุ่มทอดมองท้องฟ้าสีสวยที่ไล่ระดับลงมาได้อย่างลงตัว ดอกหญ้าปลิวไสวตามสายลมในยามเย็น นอกจากจะพัดให้คลายร้อนแล้วยังพัดพาเอาความทรงจำหนึ่งกลับมาด้วย

    เคยมีใครบางคนขอให้เขามาส่งที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้และถ่ายรูปเขาไป เซฮุนก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมลู่หานถึงได้ถ่ายรูปเขา เธอบอกแค่ว่ามันเป็นงานแต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นสักทีจนผ่านมาได้เกือบปีแล้ว
    เสียงกู่ร้องของนาฬิกาที่ข้อมือบอกให้เขากลับหอได้แล้ว มือหนากดปิดมันก่อนจะลุกเต็มความสูงและวิ่งต่อไปยังหอพัก

    “เชี่ยฮุน! อะไรเข้าสิ่งให้มึงวิ่งวะ?” เสียงแหลมๆของจงแดเรียกเขาให้ชะลอฝีเท้าและหันกลับมามองขณะที่กำลังวิ่งผ่านมาคณะวิทย์พอดี เพื่อนสนิทต่างคณะคงเพิ่งจะเรียนเสร็ดถึงได้มีสภาพแทบดูไม่ได้แบบนี้

    “เสือก!”

    “ว่ากู! กูถามมึงดีๆนะเว้ยไอ่เพื่อนบ้า”

    “โอ๋ๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงน้ำแดงนะ”

    “สัส กวนเบื้องล่างนะมึง” 

    “โทดๆ ว่าแต่มึงเพิ่งเรียนเสร็จรึไง หัวดูไม่ได้เลยว่ะ”

    “ก็เออดิ! จารย์แม่งเคี่ยว กว่าจะให้กูผ่านได้” จงแดบ่นกระปอดกระแปดและชวนไปกินนมปั่นหน้ามอ เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเพราะตอนนี้เขาโคตรอยากกินเลย 



    ร้านนมปั่นหน้ามอที่นักศึกษาชอบไปสุ่มหัวกันในวันสอบแทบจะไม่มีลูกค้าเลยในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ เซฮุนเดินตามจงแดเข้าไปในร้านและสั่งชาเขียวปั่นมาดื่ม ขณะรอน้ำที่สั่ง เขาก็เห็นคู่รักชูชื่นอย่างจงอินและคยองซูที่เดินเข้ามาในร้านเดียวกัน ช่วงนี้ไอ่หมอดูโทรมมากจากการเรียนอันหนักหน่วงในแต่ละวัน นอกจากนี้แล้วยังจบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกด้วย โชคดีที่เขาสอบไม่ติดหมอ

    “เพื่อนฮุน มึงดูเหนื่อยๆนะ” จงอินทักขึ้นหลังจากที่นั่งลงแล้ว คยองซูก็พยักหน้าเห็นด้วย เซฮุนมองบนอย่างเซ็งๆ นี่พวกมันไม่ได้สังเกตชุดของเขาเลยรึไง

    “ไม่เหนื่อยก็แปลกละสัสหมอ ไอ่ฮุนมันไปวิ่งมา”

    “นึกครึ้มอะไรมาวงมาวิ่ง ยังไม่หายเฮิร์ตรึไง?” คยองซูถาม

    “เปล่า กูแค่จะมาวิ่งเฉยๆ ทำไมกูต้องมีเหตุผลในการออกกำลังกายด้วยวะ”

    “หน้ามึงไง” จงอินเอ่ย “ทุกทีมึงจะมีรอยยิ้มแบบแปะๆแต่ตอนนี้มันหายไปเหมือนถูกขโมย มึงไม่รู้สึกบ้างรึไงว่าหน้ามึงมันนิ่งแค่ไหน”

    “แล้วยุ่งอะไรกับกูนักหนาเนี่ย” เขาโวยวาย

    “ก็พวกกูเป็นห่วง” จงแดพูดขึ้นขณะที่สายตายังจดจ้องไปที่งานในมือ “กูไม่เคยเห็นมึงเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน ตอนเลิกกับจูฮยอนก็ไม่เห็นมึงจะเฮิร์ตจัดเท่าตอนนี้เลย” บรรยากาศเงียบลงไปอีกจนคนนอก(บุคคลที่ไม่รู้มาตั้งแต่ต้น)อึดอัด คยองซูเหลือบไปเห็นใบปลิวหน้าตาแปลกๆติดอยู่ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของร้าน สาวตัวเล็กจึงลุกไปเดินดูอย่างสนใจ

    เชิญเข้าร่วมนิทรรศการของคณะศิลปกรรมศาสตร์ ประจำปี 25xx ณ อาคารจัดแสดงสี่
    มีการจัดโชว์ผลงานของนักศึกษาชั้นปีที่สี่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ และกิจกรรมต่างๆอีกมากมายภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 9 – 15 เดือนxxx เวลา 08.00-15.00 น.


    เจ้าของตากลมโตหยิบใบปลิวแผ่นนั้นติดมือมาด้วยก่อนจะกลับมาที่โต๊ะ เธอวางกระดาษแผ่นดังกล่าวลงกลางโต๊ะเพื่อเรียกความสนใจจากสามหนุ่มที่ต่างคนต่างก้มหน้าทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้

    “ฉันอยากไป” คยองซูประกาศ แฟนหนุ่มได้ยินจึงละความสนใจมาที่ใบปลิวบนโต๊ะ คิมจงอินใช้สายตาอ่านมันอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมองแฟนสาวด้วยแววตาหนักใจ 

    “ตัว เค้าไม่ว่างอ่ะ มีเรียน”

    “เค้าก็ไม่ได้บอกว่าจะไปกับตัวซะหน่อย เค้าจะไปกับไอ่ฮุนมันต่างหาก”

    “เดี๋ยวๆ ใครบอกว่ากูจะไปกับมึง” เซฮุนแย้งขึ้นเมื่อถูกพาดพิง เขาไปรับปากตกลงมันตอนไหนกัน

    “กูจะไปกับมึงไง นี่เป็นคำสั่ง!”

    “แม่งเผด็จการ ไอ่หมอ มึงเลือกคนผิดละ” เขาฟ้องเพื่อน คยองซูเห็นแบบนั้นก็คว้าแขนของจงอินมากอดไว้และเอาหน้าซบอก ทำให้คนกลางหัวเราะออกมา ผิดกับคนที่ถูกบังคับได้แต่ทำหน้าไม่สบอารมณ์แต่ก็เถียงอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

    คยองซูน่ะ..จอมเผด็จการที่แท้จริง




    เวลาเกือบสามทุ่มแล้วแต่ลู่หานยังคงก้มๆเงยๆอยู่หน้าเฟรมใบยักษ์ ปลายพู่กันจารดลงบนผืนผ้าใบสีเหลืองด้วยสีสำและเทาสลับกับไปตามที่เธอคิด หญิงสาวดวงตาเศร้าหมองไม่เปล่งประกายอย่างที่เคยจะเป็น กลิ่นสีเหม็นฉุนแต่ลู่หานก็ยอมที่จะอยู่กับมันมาตลอดสี่สิบแปดชั่วโมง ผลงานชิ้นนี้หนักหน่วงเอาเรื่องเลยก็ว่าได้เพราะอธิการบดีใช้มันเป็นงานในโปรเจคจบด้วย หัวข้อที่ได้ไม่มีอะไรซับซ้อนให้เธอต้องปวดสมอง 

    ลู่หานยอมรับว่าเธอส่งงานเลทที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมคณะ ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้อะไรยังไงกับเธอมากขอแค่ให้มันเสร็จพร้อมนำไปจัดแสดงที่นิทรรศการก็เป็นพอ มือบางตวัดพู่กันลงลายชื่อบนผ้าใบเป็นขั้นสุดท้าย สีที่เกลื่อนอยู่บนโต๊ะถูกทยอยเก็บลงกล่องด้วยความระมัดระวัง หลังส่งมาชิ้นนี้เสร็จแล้วเธอจะบินไปที่ญี่ปุ่นเพื่อเรียนต่อโทและหางานทำที่นั่น หญิงสาวมองภาพที่ตัวเองวาดเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับใจที่เลื่อนลอย

    หกชั่วโมงของการพักผ่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่างบางลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน ผมยุ่งๆถูกรวบอย่างลวกๆเป็นหางม้า ผ้าคลุมสีขาวคลุมทับผลงานที่สีแห้งเรียบร้อยแล้วลงมาจากหอมายืนรอรถรางสายเก่า
    ห้องของอธิการบดีเปิดทำการในตอนเจ็ดโมงตรง มือบางผลักประตูเข้าไปเห็นอาจารย์นั่งดื่มกาแฟอยู่ก่อนแล้ว ลู่หานยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้ามา

    “มาส่งโปรเจคค่ะ”

    “นำเสนอ” ท่านว่า หญิงสาวดึงผ้าออกเผยให้เห็นผลงานด้านใน อาจารย์พิจารณาสักพักก่อนจะผายมือเชิญให้เริ่มการนำเสนอ เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่ลู่หานยังคงอยู่ในห้องนี้

    “แล้วตอนรับปริญญาเธอจะมามั้ย”

    “ต้องมาอยู่แล้วค่ะอาจารย์”

    “โอเค ฉันยินดีด้วยกับความสำเร็จของเธอในตอนนี้" ท่านว่าก่อนจะยิ้มให้ ลู่หานกล่าวขอบคุณและเดินออกมาพร้อมผลงาน ร่างบางเดินทางไปที่จัดแสดง เพื่อนร่วมคณะหลายชีวิตรวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเขากำลังจัดเตรียมงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอค่อนข้างจะสนิทด้วยอาสาเอางานของเธอไปติดไว้ให้และให้เธอยืนกรอกข้อมูลตรงนี้

    “ขอโทษนะที่รบกวน”

    “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน ว่าแต่จะไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่”

    “สักสิบโมงเครื่องก็ออกแล้วล่ะ” ลู่หานว่า “รบกวนอีกอย่างได้มั้ย”

    “อ่า ได้สิ มีอะไรหรอ”

    “เราฝากให้คนที่เราเอาเค้าเป็นแบบมาวาดรูปด้วยนะ ถ้าเขามา”

    “แล้วทำไมลู่หานถึงไม่ให้เค้าเองล่ะ”

    “เรายังไม่สะดวกที่จะเจอเขาน่ะ” ลู่หานยิ้มก่อนจุยื่นจดหมายที่ผนึกซองเรียบร้อยแล้วให้




    “ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย กูไม่ได้จะพามึงมาฆ่า” คยองซูพูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเดินเข้ามาในงานแล้ว มีรูปภาพมากมายให้เลือกเดินดู มีการจัดประมูลและซื้อขายถ้าเกิดสนใจ เขาและคยองซูตกลงกันว่าจะแยกกันเดินและมาเจอกันที่หน้างาน สองเท้าก้าว ตามองรูปต่างๆด้วยความเฉยเมย ทุกรูปที่เห็นผ่านๆมาก็สวยแต่ไม่สะดุดตาเขาเลยสักนิด 

    ความจริงแล้วเขาดูราคาที่ถูกจับจองเสียมากกว่า มีตั้งแต่หนึ่งพันถึงห้าแสนบาท แต่เขาก็สะดุดกับรูปรูปหนึ่งที่ไม่มีราคาติดไว้ ชายหนุ่มช้อนตามองขึ้นมายังตัวงาน เป็นรูปของเขาที่กำลังยิ้ม พื้นหลังเป็นสีเหลืองอมส้ม มีเพียงสีดำของลายเส้นเท่านั้นที่เด่นออกมาจากตัวงาน

    “สนใจภาพนี้หรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เซฮุนสะดุ้ง เป็นเพื่อนร่วมคณะของลู่หานที่เขาพบบ่อยๆเวลาไปหาลู่หานที่คณะ

    “เจ้าของภาพฝากมาให้น่ะ” เธอยื่นจดหมายให้ชายหนุ่ม เขารับมาและเปิดอ่านทันที

    ถึง โอเซฮุน

    ฉันไม่รู้ว่านายจะมารึเปล่า แต่ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ฝากไว้ให้ นายคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันชอบใคร

    การรอคอยมาตลอดสามกว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้มีค่าอะไรเลย ฉันยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่เคยฝันมาตลอดว่าจะได้รับสิ่งที่เรียกว่าความรัก และฉันก็ยอมตื่นขึ้นจากฝันที่มันไม่มีทางเป็นจริง นายยังจำที่ฉันบอกกับนายเมื่อตอนที่เรากลับไปที่โรงเรียนได้อยู่ใช่มั้ย ฉันตัดสินใจที่จะหยุดการรอคอยทุกสิ่งไว้ที่นี่และลืมทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น มันทำไม่ได้ง่ายแต่ฉันจะพยายาม

    ปล. ถ้าจบงานนิทรรศการแล้วฉันยกให้นาย เอาจดหมายนี้ไปให้อธิการบดีแล้วท่านจะอนุญาต
    ลู่หาน

    เนื้อความในจดหมายทำให้เขาตัวชา เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่ลู่หานเฝ้ารอคือตัวเขาเอง และทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว หยดน้ำสีใสร่วงหล่นบนจดหมาย ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากร่างสูง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มและมองไปยังภาพ เขาคือบุคคลเดียวกับคนที่อยู่รูป และพอได้อ่านข้อมูลใต้ภาพก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของชายคนนั้น

    “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย?” เขาพยักหน้า

    “ลู่หานฝากจดหมายฉบับนี้ไว้ก่อนจะบินไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ตอนนี้เครื่องคงออกแล้วหล่ะ”

    “ไอ่เชี่ยฮุ..ฮุน” คยองซูแหวกฝูงชนเข้ามา เพื่อนของเธอสภาพไม่จืดเลยสักนิด เธอเข้ามาพยุงร่างสูงออกมาจากงาน เซฮุนยังคงร้องไห้อยู่เงียบๆ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเพื่อนของเธอข้างในเปราะบางแค่ไหนจนมาเห็นกับตาในวันนี้




    เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าสั่นไม่หยุดตั้งแต่ลงจากเครื่อง ลู่หานหยิบมันมาดูและพบว่าเป็นเซฮุนที่กระหน่ำแชทมาหาเธอ หญิงสาวตัดสินใจไม่เปิดอ่าน เธอเลือกแล้วว่าจะยุติเรื่องทั้งหมดไว้เป็นแค่เพียงความทรงจำ 

    “Luhan、この方法!” (ลู่หาน ทางนี้!) มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง เป็นอาคิระ อากิที่มารับเธอในวันนี้ อาคิระเป็นผู้ชายตัวสูงและมีใบหน้าละม้ายคล้ายเซฮุนแต่ก็ไม่ได้เหมือนซะทีเดียว เขาวิ่งเข้ามาช่วยถือกระเป๋าให้ รถเต๋าสีมิ้นท์คันเล็กน่ารักไม่สมกับโฮสต์เธอเลยสักนิด เขายกกระเป๋าขึ้นรถให้และขับเจ้าจิ๋วนี่กลับไปยังบ้านที่ลู่หานต้องมาอาศัยอยู่ด้วยถึงสองปี

    “ลู่หานมาเรียนต่อโทที่นี่สาขาอะไรหรอ?” เขาถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่จมอยู่ในความเงียบ อาคิระก็แค่อยากกระชับความสัมพันธ์ของเขาและลู่หานให้ดีกว่าเก่าก็เท่านั้นเอง

    “ฉันมาเรียนโทถ่ายภาพค่ะ”

    “ฟังดูน่าสนุกจังครับ ผมเองยังเรียนอยู่ปีสองอยู่เลย”

    “อาคิระเรียนอะไรหรอคะ?”

    “อ่า ผมเรียนวิศวะน่ะครับ เก่งใช่มั้ยล่ะ” เขายิ้ม “ทำไมพี่ถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” เขาเห็นพี่สาวมีสีหน้าเปลี่ยนไปจึงเอ่ยถาม

    “เธอเหมือนเพื่อนของฉันมากเลยนะ ทั้งหน้าตาแล้วก็วิธีการพูด”

    “ผมอยากเจอเขาสักครั้งจังนะครับว่าจะเหมือนขนาดไหน” ชายหนุ่มยิ้ม

    ไม่นานก็ถึงบ้านของครอบครัวอากิ อาคิระบอกว่าที่บ้านหลังนี้มีแค่แม่เท่านั้นส่วนตัวเขาจะอาศัยอยู่ที่หอพักชายในมหาวิทยาลัย ลู่หานขนกระเป๋าออกมาจากรถและตามชายหนุ่มเข้าไปในบ้าน แม่ของเขาต้อนรับเธออย่างอบอุ่นและจัดห้องไว้ให้แล้ว คุณอายาโนะพาเธอมาที่ห้องและลู่หานชอบมันมาก

    “ขอบคุณมากค่ะที่เมตตาหนู” หญิงสาวโค้งขอบคุณ

    “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แม่ฝันอยากมีลูกสาวกับเขาบ้าง เห็นหนูกำลังมาหาโฮสต์แม่เลยตกลงไป แม่ไม่เคยเลี้ยงลูกที่เป็นผู้หญิงสักครั้ง เดี๋ยวแม่ลงไปดูซุปในหม้อก่อน หนูลู.. เอ่อ แม่เรียกว่าฮานะได้มั้ย ชื่อของหนูแม่เรียกไม่ถูก”

    “ได้ค่ะ”

    “จ้ะ หนูฮานะก็เก็บของไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงมื้อเย็นแม่จะไปเรียก”

    “ค่ะ คุณอายาโนะ” 

    ลู่หานให้สัญญากับตัวเองแล้วว่าสองปีที่อยู่ที่นี่จะทำให้ดีที่สุด! สองมือเริ่มจัดการเก็บของในห้องในเป็นระเบียบ ร่างบางลุกขึ้นไปเปิดประตูบานเลื่อนออกเพื่อให้ห้องมีอากาศถ่ายเทและเย็นขึ้นในหน้าร้อนแบบนี้ 

    ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เข้าที่ หญิงสาวปิดประตูบานเลื่อนก่อนออกจากห้อง เธอเดินมาที่ห้องรับแขก อาคิระยังคงอยู่ที่นี่และกำลังเอกเขนกอยู่บนโซฟาสีไข่ไก่

    กริ๊งๆ

    เสียงกระดิ่งจากจักรยานทำให้ลู่หานต้องมองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นเด็กสาวชาวญี่ปุ่นในชุดกระโปรงมีแขนสีเหลืองอ่อนมาพร้อมกับตะกร้าสานแบบพื้นบ้าน อาคิระยังคงไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเกมในมือถือ ลู่หานจึงอาสาตัวเองในใจออกไปต้อนรับแขกที่มาเยือน

    “อาคิระ ฉันเอาไดฟุกุมาฝากเธอด้วยนะ” น้ำเสียงสดใสดังก้องไปทั่วบริเวณ พอมาเจอชาวต่างชาติในบ้านของคนที่แอบชอบ ฮิเดโกะก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาฉับพลัน “คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่บ้านอาคิระ?”

    “ฉันชื่อลู่หานค่ะ เรียกว่าฮานะก็ได้ อาคิระเป็นโฮสต์ของฉันค่ะ”

    “จริงอ่ะ? ฉันชื่อฮิเดโกะ ซามะ เป็นคนที่กำลังตามจีบอาคิระอยู่” ฮิเดโกะออกตัว
      
    “ค่ะ เข้ามาก่อนสิคะ อาคิระกับคุณน้าอายาโนะอยู่ด้านใน”

    “ขอบคุณและยินดีที่ได้พบ คุณฮานะ” รอยยิ้มเป็นมิตรถูกส่งมาให้ก่อนที่เด็กสาวจะเดินเข้าบ้านไปก่อน ลู่หานเดินตามหลังมา พอได้เห็นหน้าเด็กสาวชัดๆแล้วจึงได้รู้ว่าฮิเดโกะมีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอมากแต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว ลู่หานขอตัวเข้าไปในครัวเพื่อช่วยเหลือคุณอายาโนะและปล่อยให้คู่หนุ่มสาวได้มีเวลาส่วนตัว 


    กลิ่นหอมของซุปมิโสะทำให้ท้องร้องได้ไม่ยากนัก ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่คุณน้าเจ้าของบ้านลงมือทำสุดฝีมือ หญิงสาวเข้ามาเป็นลูกมือช่วยล้างช่วยหันผักเท่านั้น จะมาให้ปั้นซูชิก็กระไรอยู่ ดีไม่ดีอาจจะทำให้เสียของเปล่าๆ

    “ฮานะช่วยทอดเทมปุระทีนะ เดี๋ยวแม่จะไปเอาเครื่องปรุงมาเพิ่มหน่อย”

    “ได้ค่ะ” ลู่หานรับคำ เธอหยิบหางกุ้งตัวใหญ่เอาส่วนเนื้อลงไปจุ่มกับแป้งตามด้วยเกล็ดขนมปังก่อนจะหย่อนมันลงกระทะทีละตัว เสียงซู่ซ่าของน้ำมันเดือดที่ทำปฏิกิริยากับกุ้งทำเอาคนทอดใจหายใจคว่ำ ลู่หานจะทอดอะไรก็ได้ที่น้ำมันมันไม่กระเด็นใส่แขนหรือมือของเธอ ฮิเดโกะเข้ามาช่วยในครัวในเวลาต่อมา สองสาวช่วยกันยกอาหารทั้งหลายขึ้นโต๊ะ คุณอายาโยะตักข้าวแจกให้เด็ก

    “ทานแล้วนะครับ/คะ”

    “สาวๆทานกันเยอะๆนะ ดูซิ ตัวเล็กกันไปหมดเลยสาวสมัยนี้” คุณนายอากิว่าพลางคีบเทมปุระใส่ถ้วยให้เธอและเด็กสาว ลู่หานนั่งทานข้าวเงียบๆผิดกับฮิเดโกะที่ตักนั่นตักนี่ใส่ถ้วยให้อาคิระจนเกือบล้น เด็กหนุ่มปรามไปแต่ฮิเดโกะก็ไม่ได้สนใจอะไร 

    “พอได้แล้วน่า แค่นี้ฉันก็จะกินไม่หมดแล้ว”

    “นายเรียนหนัก นานๆทีจะกลับมาที่บ้านอีก ฉันก็ต้องเอาใจนายหน่อยสิ”

    “ตักให้พี่ลู่หานบ้างก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอกนะ”

    “ห้ะ? ฮานะแก่กว่าเราสองคนอีกหรอ” คนที่ได้รับสารใหม่ทำตาโต ก็เห็นหน้าออกจะเด็กซะขนาดนี้ ฮิเดโกะก็นึกว่ารุ่นเดียวกันไม่ก็อ่อนกว่าเสียอีก “ฮานะอายุเท่าไหร่?”

    “จะยี่สิบสี่แล้วน่ะ แต่ฉันไม่ถือหรอกนะ ฮิเดโกะจะเรียกว่าฮานะเฉยๆก็ได้”

    “ได้ไงคะ ต้องเรียกว่าพี่สิ ขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาทด้วยนะคะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันรู้ว่าฮิเดโกะหึง” คำหยอกเย้าทำให้แก้มนวลแดงปลั่งจากความเขินอายในขณะที่อีกคนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in