ก่อนนี้ความชอบของผมมีไม่กี่อย่าง
ราบเรียบ ไร้รสชาติ ไร้อารมณ์คือคำนิยามที่ใครหลายคนมองผ่านผมเพียงครั้งเดียวแล้ววิจารณ์
กระทั่งมีบางอย่างที่ทำให้ผมไม่ราบเรียบ ไร้รสชาติ ไร้อารมณ์อีกต่อไป
เขาคือนักดนตรีที่บรรเลงแซกโซโฟนได้บาดหู ร้าวรานจนถึงแก่นแท้ข้างใน มันทำให้ผมรู้สึกร้อนเร่าอย่างประหลาดทุกครั้งที่นั่งอยู่มุมเดิม ทุกครั้งที่ฟังเสียงดนตรีของเขา ในหัวของผมจะโลดแล่น ลื่นไหลเหมาะเหม็งกับงานที่ทำอยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นทุกครั้งที่นั่งติดกับหน้าต่างซึ่งมองลอดออกไปเห็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา บางคราวเขาจะกวาดตามองแบบสุ่ม และบางคราว เขาจะเงยหน้าสบตากับผมพอดีราวกับเป็นประสงค์ของพระเจ้า
หัวใจของผมเต้นแผ่วลง หาได้ลิงโลดอย่างคนที่ตกหลุมรัก ราวกับรอบข้างกลายเป็นสุญญากาศ ทุกสิ่งว่างเปล่า เล่าเปลือยแม้กระทั่งหัวสมองที่หยุดการทำงานไปชั่วขณะเพียงแค่เสี้ยวเดียวที่เขาเมียงมองมา
ดวงตาของเขาตกที่หางปลาย เส้นผมหยักศกสีดำ มีกระอย่างคนตากแดดอยู่บนใบหน้า สายตาของเขาแผดเผาตัวผมให้มอดไหม้ยิ่งกว่าสารซีเอฟซีที่เผาทำลายชั้นบรรยากาศ ผ่านเสียงแหลมสูงของแซกโซโฟน ผ่านบทเพลงทุ้มหวาน ลึกละมุน เสียดแทงในอกเสียจนบาดหู ก่อนจะรู้สึกบาดใจแทบบ้าเมื่อเขาส่งยิ้มให้หญิงสาวคนหนึ่ง หัวใจของผมกลับเป็นจังหวะดังเดิม คงที่อย่างที่มันควรเป็นเมื่อรู้สึกประหลาดในอก คล้ายคลึงกับความไม่ชอบใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่อาจพูดคำใดได้นอกจากนั่งจับเจ่าอยู่ตำแหน่งเดิม ที่นั่งมุมเดิมที่จะมองเห็นท่าทางของเขาได้ถนัดถนี่ ใช้เวลาอันหาได้น้อยนิดเมื่อต้นฉบับที่จะส่งบรรณาธิการลนก้น
เพียงเพราะการนั่งฟังดนตรีแจ๊สในร้านอาหารไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอที่จะเลื่อนเดดไลน์ได้ เพียงเพราะเสี้ยวเดียวจากสายตาของเขาจุดเพลิงในใจจนมอดไหม้ เพียงเพราะเขาเป็นคนที่ทำให้ผมไม่ราบเรียบ ไม่ไร้รสชาติ และไม่ไร้อารมณ์อีกต่อไป
ผมมีความชอบขึ้นมาอีกอย่าง — และผมไม่รู้เลย ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้ใครได้ยิน
แจ๊สไม่ใช่แนวดนตรีที่ผมชอบ เขาต่างหากที่ทำให้ผมชอบแจ๊ส
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in