ไม่ได้อ่านจอยลดาแบบจริงๆจังๆมาสักพักใหญ่แล้ว
นอกจากเรื่องที่กดลงคลังไว้อยู่แล้ว ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง เอาจริงนิยายแช็ตในจอยลดาพักหลังมานี้มีนับล้านเรื่องจากคู่ชิปที่มีกว่าแสนคู่ ใครมันจะไปตามอ่านไหว
เราไม่สามารถอ่านนิยายแช็ตเหล่านี้ได้เป็นร้อยๆเรื่องแบบที่หลายคนทำกันเพราะเป็นคนที่ใช้เวลาในการอ่านนาน หมายถึงเรื่องที่เราปักหมุดแล้วว่าเราอยากจะลองอ่านเราจะค่อยๆละเลียดอ่านบางเรื่องถึงขั้นตอนอาบน้ำประแป้งทำใจสร้างบรรยากาศสบายๆ สร้างสมาธิก่อนอ่าน คือเป็นคนมี ‘พิธีกรรม’ ก่อนการอ่านเยอะพอๆกับก่อนอาบน้ำน่ะบางทีก็รำคาญตัวเอง (ฮ่า)
ช่วงก่อนคอนเสิร์ตวอนนาวันสักสองเดือนนี่ล่ะที่ชื่อของ “เก็บฮุนมาเลี้ยง” กับ “มือพายอันดับหนึ่ง” ของไรท์ TREDECIM ผ่านมาหน้าไทม์ไลน์ ยอมรับเลยว่าช่วงนี้แทบไม่ได้อ่านจอยใหม่ๆเพิ่มเรื่องที่ตัวเองเขียนยังไม่มีอารมณ์เขียนเลย การจะไปอ่านเรื่องใหม่ๆจึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความคิดช่วงนี้เลย จนกระทั่งวันคอนเสิร์ตวนว ช่วงที่หลายคนวุ่นวายกับการรับของแจกและการแจกของเราก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแก๊งค์ใต้ต้นตาลหลังป้ายเนียลวิ้งค์หน้าอิมแพคอารีน่า จำได้ว่าช่วยเที่ยงๆบ่ายๆเสียงเจื้อยแจ้วของน้องมีนาพูดอยู่ข้างๆน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังแจกสติกเกอร์ลอยมากระทบหูเราว่า
“นี่น้องผิงค่ะ ไรท์เตอร์เก็บฮุนมาเลี้ยงกับเซียนมือพาย”
เรามองไปเห็นหน้าน้องแว้บๆ ในใจพลางคิด "อ๋อ คนนี้นี่เองที่เขียน" "เรื่องกำลังดังเลยนี่นา" แต่เรายังไม่ได้อ่านงานน้องเค้าเลยว่ะ ตอนนั้นคิดเท่านั้นจริงๆ ก่อนจะเข้าแถวไปรับสติ๊กเกอร์องฮุนและผละออกมาเงียบๆแล้ววิ่งวุ่นไปเอาของคุณองที่สั่งกับมาสไว้ต่อ
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราคิดว่าจบคอนเราจะมาอ่านแน่นอน แอบเสียดายว่าถ้าอ่านไปก่อนวันคอน โมเมนต์ของการเจอไรท์นั้นคงมีอะไรที่พิเศษกว่านี้
แต่ทุกอย่างมันมีเหตุผลอะเนอะ เพียงแต่ว่าเราอาจจะไม่รู้ จริงมั้ย???
หลังจบคอนเราก็พยายามจะกลับมาอัพฟิคของตัวเองที่ค้างไว้อยู่เอาจริงๆ ถ้าเขียน ถ้าจะทำจริง มันก็เสร็จ ก็อัพได้แหละแต่อาจจะเป็นเพราะฟิคทั้งสองเรื่องของเรามันค่อนข้างหน่วงถ้าจะเขียนต่อมันต้องดึงอารมณ์ให้ดิ่งในระดับหนึ่งถึงจะเขียนได้ เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเราในช่วงนี้เราพยายามหลีกเลี่ยงอารมณ์แบบนั้นมากกว่าก็เลยค้างเติ่งไมได้อัพอะไรมาสองเดือนแล้ว (นี่คือเป็นการบอกว่าขี้เกียจทางอ้อมน่ะเอง 555)
ช่วงที่เขียนฟิคไม่ได้นี่ล่ะอยู่ๆเราก็นึกถึง “เก็บฮุนมาเลี้ยง” สายวันหนึ่งเราเปิดเจ้าแอพสีชมพูและกดเสิร์ชชื่อเรื่อง อ๊ะ! เจอแล้วววว ก่อนจะกดลงคลังและรีบจัดแจงเอนตัวบนโซฟาอ่านไปหนึ่งตอน
หลังจากอ่านจบตอน รู้สึกว่า...ไม่ได้การแล้ว ฉันอ่านต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่อะไร จะอ่านฟิคแบบนี้มันต้องต่อเนื่อง ก็เลยพักการอ่านไปก่อนและตั้งใจว่าจะกลับมาอ่านใหม่เมื่อพร้อม.....(บอกแล้วพิธีกรรมเยอะ ^^)
หลังจากนั้นก็ไปทำโน่นทำนี่หลายวัน....และไทม์ไลน์เรื่องมือพายอันดับหนึ่งก็ไหลมากระทบสายตาอย่างไม่ขาดสาย เอาวะ!! ทนกระแสไม่ไหวขออ่านมือพายก่อนละกัน และแล้วก็อ่านไป 9 ตอนรวดค่ะ .... คือชอบมากกกกกก อยากรีวิวมาก ตอนที่อ่านๆอยู่ สิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดคือ บางทีพล็อตไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเลย มันขึ้นอยู่ที่ “วิธีการเล่า” หรือ “เทคนิคการเล่า” ต่างหาก
ไอ้พี่เซียนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มันแอบหลงรักรุ่นน้องในโรงเรียนจนต้องมาสร้างโมเมนต์ให้ตัวเองด้วยการทำเพจชิปตัวเองกับคนที่แอบรัก - เก๋จะตายยยยย
เราชอบที่เอาเรื่องชิปเปอร์มาหยิกๆกัดๆและสร้างเป็นโครงคลุมพล็อตแอบรักอีกทีหนึ่ง น่ารัก น่าชังแท้อิเจ๊กัปตันคนกากของฉัน
คือนี่ก็แอบรีวิวพี่เซียนแบบย่อๆละนะ พออ่านมือพายจบ โอเคค่ะ ได้เวลาจะอ่านเก็บฮุนฯต่อแล้ว จัดไปค่ะ!!!
นี่อ่านรวดเดียวเลยนะ คือเริ่มอ่านตอน 1 ใหม่จนถึงตอนล่าสุด อุทิศวันอาทิตย์ทั้งวันทั้งคืนให้เลยค่ะ อ่านจนถึงตี 3 เราว่าเราไม่ไหวละ เหลืออีก 6 ตอนถึงจะตอนล่าสุด สุดท้ายตัดใจนอนก่อนดีกว่า
ตื่นมาเช้าวันจันทร์ก็คือวันนี้ล่ะ เอาล่ะ ข้าวปลาไม่กิน อ่านต่อถึง 11โมงเช้านี่แหละคุณ ไม่ต้องถามนะคะว่าไม่ทำการทำงานเหรอ / มีค่ะ แต่ไม่ทำ - -"
จริงๆตอนอ่านเราไม่ได้ร้องไห้นะ แต่พอจบตอนล่าสุด ตอนที่น้องฮุนกลับมาเจอพี่ซอง อยู่ๆน้ำตาก็ซึมอะ แล้วหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น..หลังจากคิดโน่นนี่อยู่ๆน้ำตาก็ไหลพรากเหมือนทำนบกั้นเขื่อนพัง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องรีบมาเขียนบันทึกฉบับนี้ก่อนที่ความรู้สึกนี้จะเลือนไป(คือถ้าไม่เขียนตอนนี้ ก็จะค้างไว้แบบอีกสองสามเรื่องที่อยากเขียนถึง)
เอาล่ะ...จะบอกว่าเราชอบอะไรในเรื่องนี้บ้าง
อย่างแรกเลยคงเป็นพล็อต + ความเป็นองฮุน สำหรับพล็อตการที่คนคู่หนึ่งต่างช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน อาจจะเป็นพล็อตคลาสสิคที่มีคนใช้จน “คลิเช่” (จริงๆหมั่นไส้คำนี้มากนะ แต่ขอใช้หน่อยเหอะ อยากคูลแบบชาวบ้าน ?) แต่เรื่องนี้มันไม่ธรรมดาไง เพราะมันเป็น“ฟิคองฮุน” ถ้าเรียกว่าเป็นการแคสต์ก็จะเป็นการแคสต์ที่สมบูรณ์แบบเรามองไม่ออกเลยว่าด้วยพล็อตแบบนี้ ถ้าไม่ใช่องฮุนจะเป็นคู่ไหนได้อีก ^^
คาแรกเตอร์ของตัวละครแบบนี้มันตอบโจทย์กับเรื่องนี้ทุกอย่างองซองอู ผู้มีอิมเมจเป็นได้ตั้งแต่รุ่นพี่ สติแตกในมหาลัยจนถึงผู้ชายบ้างานจนต้องหย่าเมีย องเป็นไอดอลที่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาดและเหมาะสมกับบทพี่ซองอย่างไร้ที่ติ
ส่วนน้องจีฮุน ด้วยความคุณสมบัติ (อีกด้าน) คือ ความนุ่มนิ่ม ความน่าทะนุถนอม ความน่ารัก และดวงตาของน้องที่สว่างไสวราวกับยกทั้งกาแล็คซี่มาไว้ในนั้น ฮืออ TT น้องจะเป็นนายเอกในดวงใจพี่ตลอดกาลนะคะคนดี
ไรท์สามารถเล่าเรื่องที่เป็นปัญหาสังคมได้อย่างค่อยๆมีพัฒนาการ เป็นการผสมผสานความเรียลและดาร์คในโลกของความเป็นจริงกับความโรแมนซ์ของชายรักชายได้อย่างแยบยล ค่อยๆเล่าว่าเกิดอะไรยังไง มันเป็นความกลมกล่อมที่ไม่น่าเบื่อ เป็นความละเอียดที่ไม่เยิ่นเย้อ เป็นความอบอุ่นที่ไม่ร้อนจนต้องปล่อยมือ เป็นความดราม่าไม่หน่วงเกินไป หากแต่เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ
แต่ละตอนจะแฝงสาระและข้อคิดดีๆมาแบบไม่ยัดเยียด ทุกไดอะล็อกมีความต่อเนื่องของเหตุการณ์ ไม่เกิดความลักลั่นหรือย้อนแย้ง ตอนอ่านไป เราได้แต่คิด "เก่งอะ เก่งจังทำไมเด็กรุ่นใหม่เขาเก่ง แบบนี้"
พอถึงจุดนี้ก็ขอย้อนกลับไปที่...
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเราเห็นคนถกประเด็นเรื่อง จอยลดาเป็นวรรณกรรมหรือไม่
มีเป็นล้านคำภายในใจที่อยากจะพูดถึง แต่ก็ไม่ได้พิมพ์อะไรออกไปเพราะบางเรื่องมันไม่สามารถสรุปได้แค่เพียงไม่กี่ทวิต (ถ้าจะพูดเรื่องนี้มีเวลาสัก 1 เทอมมั้ย จะเลคเชอร์ยาวๆให้ฟัง 5555)
คนอื่นจะถกอะไรก็ถกกันไปแต่สำหรับเรา “เก็บฮุนมาเลี้ยง” เป็นวรรณกรรมนะ เป็นวรรณกรรมในความหมายชั้นที่สองด้วย
สิ่งหนึ่งที่เรื่องนี้แล้วเราชอบก็คือผู้เขียนการส่งพลังด้านบวกให้คนอ่าน จริงๆโลกเรามันโหดร้ายและเจ็บปวดกว่าที่คิด ความเจ็บปวดยังแยกชั้นได้อีกว่า เจ็บปวดแค่แผลเปิดเลือดไหลอาบหรือเจ็บลึกแบบบัดซบเหี้ยๆ ชีวิตของตัวละครในนิยายส่วนหนึ่งก็มาจากโลกจริงนั่นแหละ
ต่อนะ...เราชอบพัฒนาการของความรู้สึกที่พี่ซองกับน้องฮุนมีต่อกันชอบฉากที่พี่ซองพยายามจะคลี่ขยายชั้นของความรู้สึกตัวเองว่ารู้สึกแบบไหนกับน้อง ชอบบทสนทนาที่เขาคุยกันทุกอย่างมันค่อยๆเป็นค่อยๆไป มันเป็นความสวยงามของความรู้สึก
อยู่ๆเรานึกถึงที่ครูสอนในวิชาวรรณกรรมกับสังคมสมัยเรียนปอโทว่า
“ที่รัก พวกคุณคิดว่าเราอ่านวรรณกรรม เช่น พวกนวนิยาย เรื่องสั้น
หรือเรื่องแต่งต่างๆ เพราะอะไรคะ”
ตอนนั้นพวกเรามองตากันปริบๆและพยายามจะหาคำตอบที่สวยหรูมาตอบครู
“เพราะมันทำให้เราได้เห็นถึงแบบจำลองของโลกแบบทฤษฎีของเพลโตและอริสโตเติ้ลว่าค่ะ”
“เพราะมันทำให้เราได้เห็นถึงความสามารถในการใช้คำของนักเขียนค่ะครู”
“เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้ข้อคิดอะไรต่างๆจากงานเขียนค่ะ”
ผิดหมดค่ะ คำตอบสวยหรูต่างๆต้องหงายเงิบไปเมื่อ ครูเฉลยว่า
“ที่รักคะ...เราอ่านเพราะมันทำให้เรามีความสุขยังไงล่ะ”
เราอ่านเพราะวรรณกรรมทำให้เรามีความสุข...จริงสินะเราเถียงอะไรครูไม่ได้เลย ที่เราหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ที่เราน้ำตาไหลพรูอาบแก้ม หรือที่เราหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเรากำลังเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งยังไงล่ะ เป็นโลกแห่งความสุขที่เคลือบชั้นของความรู้สึกที่หลากหลาย
เช่นเดียวกับเรื่องเก็บฮุนที่ดึงเราเข้าไปอยู่ในโลกของ "ซอง" ผู้ชายที่มีความฝันอยากสร้างโรงงานผลิต หุ่นยนต์ เราเอาใจช่วยเขาตั้งแต่เขาไปเก็บน้องฮุนมาจากข้างถนน และเราก็ใจเต้นระทึกตอนที่เขาตามหาน้อง...ในวันที่ฮุนหายไป
เช่นเดียวกับเรื่องเก็บฮุนที่ดึงเราเข้าไปสัมผัสโลกของ "ฮุน" เด็กวัย 17 ปี ที่มีแผลเป็นเต็มตัว เราได้เข้าไปค้นหาที่มาของบาดแผลของน้องๆพร้อมๆกับพี่ซองนั่นล่ะ และในยามที่พี่ซองกอดและจับมือปลอบประโลมน้อง เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังมองภาพนั้นด้วยความอุ่นหัวใจ
ว่าแล้วสถานการณ์ของพี่ซองกับน้องฮุนทำเราอดคิดถึงซีรีส์เกาหลีที่เรายกให้เป็นที่ 1 ในใจของปีนี้ไม่ได้นั่นคือ เรื่อง My Mister ที่อีซอนกยุนกับไอยูแสดง เป็นซีรีส์ที่เรารักมากกกก เป็นเรื่องที่ให้ แง่งามกับชีวิตเยอะจริงๆ นางเอก-อีจีอัน ก็โดนทำร้ายจนเนื้อตัวและจิตใจเต็มไปด้วยบาดแผล อีจีอันเป็นสิ่งมีชิวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบจนวันหนึ่งที่ได้เจอกับอาจอชี่ คิมดงฮุน คนที่ไม่รังเกียจและพยายามเข้าใจเธอ สอนให้เธอรู้ว่า “ยังมีคนดีๆบนโลกที่โหดร้ายนี้อยู่นะ”
เราเคยเขียนรีวิวซีรีส์เรื่องนี้ ในทวิตว่า
- ดูจบตอนที่ 15 แล้วค่ะ จะบอกว่าไงดี ยิ่งดูยิ่งรักลุง นี่น้ำตาท่วมบ้านแล้ว ฉากที่ลุงมาหาจีอันเราคิดว่า มันคือฉากบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก “ฉันจะใช้ชีวิตให้มีความสุข(เพื่อที่เธอจะได้มีความสุข)” ความรักที่แท้จริงมันคือการอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขสินะ
- เวลาที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด ชีวิตและโลกมันช่างร้ายกับเราเหลือจะทน แค่มีเสียงเล็กๆที่แสดงให้รู้ว่ายังมีใครสักคนอยู่ข้างๆเรา เราก็พร้อมจะสู้ต่อแล้วล่ะ... อาจอชี่เป็นคนนั้นของ อีจีอันนะ
มันดีมากจริงๆนะ ไปหามาดูกัน TT
พี่ซองก็คงเป็นมายอาจอชี่ของน้องฮุนเหมือนกันสินะ
ไม่สิ...พี่ซองก็คือพี่ซองของน้องฮุน คนที่จะคอยปัดเป่าสิ่งน่ากลัวออกไปจากชีวิตน้องคนที่อยากเห็นน้องมีความสุข
ส่วนน้องฮุนก็คือน้องฮุนของพี่ซอง น้องฮุนที่ผ่านชีวิตหฤโหดเพื่อที่จะประกอบสร้างตัวตนมา เป็นน้องฮุนเด็กดีที่ใส่ใจคนอื่นเก่งอย่างทุกวันนี้
ถ้าหากคำว่าบ้านในความหมายที่สองหมายถึงที่พักพิงและที่สร้างพลังด้านบวกให้แก่หัวใจคน
เขาทั้งสองคนต่างก็คงเป็น “บ้าน” ให้กันและกัน
ขอบคุณไรท์นะคะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้เราเชื่อว่าเบื้องหลังของการสร้างเรื่องนี้มันคงไม่ง่ายและคงต้องการผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนัก ส่งกำลังใจให้และเอาใจช่วยนะคะ รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อและลุ้นตอนจบว่าจะเป็นยังไง
ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันและเราจะไม่ปล่อยให้การเจอครั้งนี้เป็นการเจอแบบแห้งแล้งแบบตอน ใต้ต้นตาลในครั้งนั้นอีกแล้วค่ะ :)
นกขมิ้น / 0202NK
13.33 น.
ปลายสิงหาในวันฝนพรำ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in