ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดกับเพลงนี้ ลองมาทำความรู้จักกับวง Drowners กันก่อนละกันนะ

Drowners
เป็นวงดนตรีอินดี้ร็อค,โพสต์พังก์ ค่อนๆไปทางการาจจ์ร็อคนิดหน่อย (ในความรู้สึกของคนที่มีความรู้เรื่องดนตรีเท่าหางอึ่งแบบเราอะนะ) เป็นวงลูกครึ่งอเมริกัน-เวลช์ มีสมาชิก 4 คนคือ 

Matthew Hitt นักร้องนำ /กีต้าร์
Erik Snyder มือเบส
Jack Ridley มือกีต้าร์
Daniel Jacobs มือกลอง 

เหมาะสำหรับคนที่ชอบวงดนตรีแบบ : Suede, The Strokes, Arctic Monkeys (นิดๆ)

ถ้าชอบวงนี้ น่าจะชอบ: The Strypes, Wolf Alice, Palma Violets, Cage The Elephant

ชื่อวง Drowners เองมาจากแทร็คหนึ่งของ Suede ชื่อ The Drowners 
คนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากับนักร้องนำของวงกันบ้าง เพราะแมทไม่ได้เป็นแค่นักร้องอย่างเดียว เขายังเป็นนายแบบ หรือบางคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะแฟนหนุ่มของ Dakota Johnson นางเอกเรื่อง fifty shades of grey นั้นเอง 

ไปค่ะ เข้าเรื่องเพลง เราหมั่นไส้คนรักกัน

วงDrowners รอบนี้กลับมาในอัลบั้มที่ 2 พร้อมเพลงที่ยาวขึ้น(จากอัลบั้มที่แล้ว) และมีความสุขุมลึกทางดนตรีมากขึ้นด้วย 

เพลง Cruel Ways นี่เนื้อหาจะเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ค้นพบว่าแฟนสาวของตัวเองหมดรักแล้ว แต่ยังพยายามทุกวิถีทาง ยังหวังว่าเขาจะหันกลับมาเหลียวแลตัวเองบ้าง แต่ก็เหลวเป้ว ก็คนมันหมดใจ จะยื้อยังไงก็คงไม่อยู่ล่ะนะ 

เราชอบเพลงนี้เพราะเนื้อหาเป็นอะไรที่รู้สึกต่อติดสำหรับคนอกหักรักคุดแบบเรามากๆ (จริงๆคือเราอินไปซะกับเพลงทุกแนวล่ะ) ฟังเพลงนี้แล้วมันทำให้เราคิดว่าความสัมพันธ์ของคนเรามันเปราะบางแค่ไหน ยิ่งถ้าหากขาดความเชื่อใจในตัวกันและกันแล้ว มันก็จะเหลือแต่ความหวาดระแวง จนสุดท้ายนำไปสู่การเลิกราในที่สุด

เพลงบอกเล่าเรื่องราวผ่านริฟฟ์กีต้าร์และเสียงกลองกระแทกกระทั้นตลอดทั้งเพลง ผสานด้วยเสียงร้องของแมทที่เค้นคั้น แบบคนสิ้นหวัง กำลังขอร้องโอกาสสุดท้าย เราชอบที่เพลงมีช่วงผ่อนลง ที่มันเปรียบได้เหมือนแมทกำลังจะปลงได้แล้วว่าเออ บางทีอาจจะถึงเวลาต้องปล่อยมือ แล้วพอเรากำลังจะเชื่ออย่างงั้น เพลงก็ระเบิดขึ้นมาอีกรอบ เราชอบในความเรียลตรงนี้ที่มันเหมือนจับอารมณ์ของคนเสียใจจริงๆมาใส่ไว้ ที่มีทั้งช่วงขึ้นที่ทั้งโมโหตีโผยตีพายไปหมด และช่วงลงที่เหมือนจะปลงได้ และกำลังจะปล่อยมือได้ล่ะ เกือบพระเอกแล้ว แล้วมันก็เหมือนโดนกระตุกต่อมขึ้นมาให้โมโหอีก โอ้ย ชอบๆๆๆๆๆ 

ระดับความติดหู: ✫✫ (ถ้าทิ้งช่วงให้มันตกตะกอนหน่อยจะอยู่ที่ประมาณ ✫✫✫)

ท่อน 'How could you say a thing like that?' ที่แมทเค้นเสียงถามไปมานี่บีบคั้นหัวใจเรามาก ฝังตรึงอยู่ในหูเราวนไปวนมาทั้งวัน ประกอบริฟฟ์กีต้าร์ที่ติดหูด้วย ชอบความวึ่งๆๆตอนจบเพลงด้วย มันเป็นเหมือนเสียงที่ก้องสะท้อนอยู่ภายในใจของคนถามที่ฟังแล้วรู้สึกหนักอึ้งไปหมด 

­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—­­­—

ถ้าใครชอบแนวเพลงอย่างนี้ ลองฟังอัลบั้มแรก Drowners ดู 
สไตล์จะแตกต่างจากเพลงนี้ตรงที่แต่ละเพลงจะยาวไม่เกิน 2-3 นาที ด้วยว่าเป็นอัลบั้มที่พวกเขาทำกันเอง งบน้อยใช้สอยประหยัดนะจ้ะ เพลงเลยออกแนวเข้าเรื่องเร็ว รีบร้อง รีบไป ดนตรีจะเร่งรั้น กระชั้นกว่านี้ เสียงแมทก็จะมีความแกว่งและดิบมากกว่าเพลงนี้นะฮะ 

Tracksแนะนำของวง: 
Luv, Hold Me Down : ซิงเกิ้ลแรกของวง มาพร้อมเสียงกลองรัวเปิดตัว มีพลังมากๆ เราติดใจการออกเสียง Rip me up ของแมทมาก อยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องลองไปฟังกันดูนะ 

Watch You Change (String Version) : เป็นแทร็คที่ยาวที่สุดในอัลบั้มแล้วละมั้ง (3 นาที 21วิ) เพลงนี้มีจังหวะช้าลงมาหน่อย และได้เครื่องสายออเครสต้ามาช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับเพลงด้วย เราชอบที่ทางวงใช้เสียงเครื่องสายเด่นเป็นหลัก ฟังแล้วรู้สึกดี เพลงนี้ใครถูกใจ สามารถโหลดมาฟังฟรีได้เลยนะ ทางวงมีลิ้งค์ไว้ให้ในคลิปเลย c:

Cigarettes That Burns Forever : เป็นเพลงคัฟเวอร์จากเพลงของอดัม กรีน (Adam Green) ที่ทำได้ดี เป็นเพลงช้าที่ทำให้แมทได้โชว์เนื้อเสียงของเขาบ้าง หลังจากที่เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มเป็นเพลงเร็วซะมาก จนทำให้เราไม่มีโอกาสได้ละเมียด ซึบซับเสียงของแมท จนมาถึงเพลงนี้นี่แหละ 

ก็จบไปแล้วกับรีวิวเพลงแรก แบบงงๆมึนๆ ตามแบบฉบับเพลงDrowners ไปบ้าง ถ้าอยากให้เราเขียนอะไรเพิ่มเติม แนะนำติชมได้เลยนะ เราก็พึ่งหัดเขียนรีวิวเป็นครั้งแรก เข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่ twitter @fray_04 นะ c: