ฉันถูกสอนให้วิ่งไปข้างหน้า
วิ่งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งออกวิ่งเร็วและไวมากเท่าไร
ฉันกลับยิ่งรู้สึกช้าลงมากขึ้นเท่านั้น
โลกนี้สอนให้ฉันรู้ว่า ยิ่งวิ่งได้ไกลมากเท่าไร
สิ่งที่ฉันจะได้รับคือค่าตอบแทนและโอกาสที่เพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น
แต่น่าแปลก เมื่อวิ่งมาได้ถึงเส้นชัยในจุด ๆ หนึ่ง
ฉันกลับพบว่ายังมีเส้นชัยจุดใหม่ให้พิชิตอีกเสมอ
คำถามคือ?
ฉันจะต้องวิ่งออกไปไกลอีกสักเท่าไร
ถึงจะอยู่ในจุดที่พอดี ที่สามารถรักษาระดับแห่งสันติสุขได้จริง ๆ
ฉันจึงตัดสินใจวิ่งเบี่ยงออกจากถนนเส้นหลัก
มานั่งพักอยู่บนเพิงเล็ก ๆ ตามลำพัง
เพราะฉันต้องการทบทวนถึงเส้นทางที่ได้วิ่งผ่านมา
ฉันกระดกน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย
วางเป้าหมายต่าง ๆ ลง
สายตาจับจ้องไปที่ต้นไม้ ใบหญ้า และภูเขา
ก่อนที่จะปล่อยหัวให้โล่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
น่าแปลกที่ว่า พอฉันเติบโตมากพอที่จะสะสมสิ่งต่าง ๆ
จนเพิ่มพูนมากมายและมากขึ้นกว่าจุดเริ่มต้น
แต่ฉันก็ยังคงรู้สึกขาดแคลนอยู่ดี
การวิ่งที่รวดเร็วนั้นไม่ได้ทำให้ฉันได้อะไรมากไปกว่า
ความเหน็ดเหนื่อยที่เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ
และดูราวกับว่าจะไม่มีวันที่จะจบสิ้น
เมื่อฉันนั่งนิ่ง ๆ ได้สักพัก
ฉันก็รู้สึกว่าตะกอนที่ลอยฟุ้งได้ตกลงสู่ที่ต่ำ
พื้นผิวด้านบนเริ่มใสขึ้นเรื่อย ๆ
ฉันรู้สึกถึงตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
เด่นชัดจับต้องได้จากข้างใน
สัมผัสได้ถึงชีวิตมากกว่าที่เคยเป็นมา
ความคิดที่กระจัดกระจายเริ่มปรากฏให้เห็น
จนฉันสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดี
มากพอที่จะทำความสะอาดและจัดระเบียบให้เข้าที่
ระหว่างนั้น ก็ได้มีเพื่อนร่วมทางที่ฉันรู้จัก
หยุดวิ่งทักทาย และเอ่ยถามว่า
ไม่ออกวิ่งหรือ ถ้าช้าเดี๋ยวจะไม่ทันคนอื่นเค้านะ
ฉันส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าและวิ่งต่อไป
ฉันนั่งมองเขาวิ่งอย่างขยันขันแข็งไปข้างหน้า
ในขณะที่ฉันยังคงต้องการความชัดเจนจากการตกผลึก
กระบวนการนี้เริ่มต้นอย่างค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป
มากพอที่จะเห็นสิ่งต่าง ๆ เป็นโครงสร้างอย่างชัดเจน
ฉันจะรอจนกว่าที่จะพร้อม
มากเพียงพอที่จะแน่ใจว่าได้รับคำตอบที่แน่ชัด
ก่อนที่จะออกวิ่งอีกครั้งในเส้นทางที่ถูกต้อง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in