'ฟ้าครึ้มจังเลยวันนี้'
หญิงสาวคิดขึ้นมาขณะที่อยู่บนหลังเบาะพาหนะคู่ใจที่กำลังมุ่งหน้าไปหอศิลป์เพื่อดูผลงานภาพถ่ายธีสิสของเพื่อนคนหนึ่ง ด้วยความตั้งใจว่าจะถ่ายรูปลงสตอรี่ไอจีพร้อมแท็กชื่อไปแสดงความยินดีที่เพื่อนคนนี้เรียนจบแล้ว
เลี้ยวเข้ามาถึงที่หมาย มีรถจอดไว้มากกว่าที่เธอคิด พอหันไปดูบรรยากาศรอบ ๆ หลังจอดรถก็รู้ได้ในทันทีว่าวันนี้เธอคงไม่ได้เดินดูงานเงียบ ๆ อย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
'คงกลับไปแล้วล่ะมั้งวันนี้'
คิดขึ้นมาในใจทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ เธอกำลังคิดถึงคน ๆ หนึ่งที่ไม่ว่างานโปรเจกต์จบครั้งไหน ๆ เขาจะต้องปรากฏตัวอยู่ในงานทุกครั้งไป
จะให้เขาไม่อยู่ได้ยังไงล่ะ ก็คนเบื้องหลังนี่นะ
สลัดความคิดออกจากหัวได้พักหนึ่งก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปในหอศิลป์ คนเยอะกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้เล็กน้อย เสียงอาจจะดัง คนอาจจะเดินกันวุ่นวายหน่อย แต่เธอก็คงหาวิธีเดินดูงานแบบสงบตามลำพังของเธอได้เองนั่นแหละ
เดินเข้าไปไม่นานก็เจอภาพของเพื่อนคนนั้น เธอยกมือถือขึ้นมาถ่ายตามที่ตั้งใจไว้ เสร็จจากนั้นก็เริ่มเดินดูผลงานที่เหลือ ภาพถ่ายฝีมือนักศึกษาที่ถูกเอามาติดตั้งมีหลากหลาย บางภาพเธอดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ทำได้เพียงแค่ชื่นชมความงามที่สะท้อนมาในดวงตาเท่านั้น บางภาพทำให้หวนคิดถึงวันเก่า และภาพหนึ่งทำให้เท้าของเธอชะงักลง
'...ภาพนี้จัดทำด้วยเทคนิค Cyanotype...'
นอกจากความงามของสารเคมีที่ประกอบสร้างออกมาเป็นสีน้ำเงิน ลวดลายที่ถูกทาบทับออกมาเป็นภาพถ่าย และความหมายของภาพที่ทำให้เธอรู้สึกสนใจแล้ว เทคนิคภาพก็โดดเด่นจนลืมไม่ได้เลยว่ามีใครคนหนึ่งที่หลงใหลเทคนิคถ่ายภาพแบบนี้ แถมเธอยังมีภาพจำว่า ไม่ว่าครั้งใดที่นึกถึงเขา จะต้องมีสีน้ำเงินเป็นเสื้อผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งของเขาอยู่เสมอ
ยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏภายใต้หน้ากากอนามัยสีฟ้า เธอรู้สึกขอบคุณที่มันทำให้คนไม่ต้องมาเห็นว่าเธอมีความสุขที่ได้คิดถึงสิ่งหนึ่งมากแค่ไหน
'แชะ'
คิดถึงเรื่องเก่าจนพอหายอยาก เธอก็ก้าวเท้าเดินดูงานในหอศิลป์ต่อไปเรื่อย ๆ พลางรู้สึกพอใจที่มีให้เธอมาเดินทอดน่องหลังนั่งติดเก้าอี้มาหลายชั่วโมง มีงานศิลป์ที่บอกเล่าความรู้สึกนึกคิดของผู้คนให้ได้เสพ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ทำให้เป็นสุขเหลือเกิน เธอนึกเสียดายเอามาก ๆ ที่สถานที่เหล่านี้มีเพียงแค่พอนับนิ้วได้
ใช้เวลาเดินมาพักใหญ่จนมาจบที่ผลงานสุดท้ายแล้ว ใบไม้ที่ร่วงลงแรงอยู่ข้างนอกหน้าต่างนั่นเป็นสัญญาณว่าเธอควรจะออกไปจากที่นี่ก่อนฝนจะตกลงมา
จังหวะที่เธอหันหลังจะออกไปนั้นเองเขาก็ปรากฏตัวอยู่ที่มุมหนึ่งในหอศิลป์ พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะกับเจ้าของผลงานภาพถ่ายชิ้นที่ใหญ่ที่สุด ใส่เสื้อสีน้ำเงินคล้ายกับภาพถ่าย Cyanotype รูปนั้น โดยมีเธอของเขาอยู่ข้าง ๆ
'เจอกันจนได้สินะวันนี้'
เธอยิ้มเศร้า ๆ ขณะมองภาพเขาที่อยู่ตรงนั้น ระหว่างที่ลังเลว่าจะรอจังหวะเข้าไปทักทายดีไหม ลมวูบใหญ่ก็พัดมาอีกครั้ง ฝนคงไม่อยากให้รอแน่ เธอจึงตัดใจแล้วเดินออกไปในที่สุด
'ร้อนจังเลยวันนี้' เธอคิดอย่างนั้นตอนกำลังไถนิ้วเลื่อนดูหน้าฟีดเฟซบุ๊ก เมื่อวานมีแค่ลมพัดเท่านั้นเอง ไม่มีฝนตกลงมาสักหยด อาการเลยยังระอุอยู่แบบนี้ ไม่ไหวแล้ว เธอคงต้องพึ่งอากาศเย็นจากแอร์แล้วล่ะ
ในหัวที่กำลังจะเดินไปหยิบรีโมทแอร์ก็นิ่งไป เพราะโพสต์ล่าสุดที่ขึ้นมาหน้าฟีดตอนนี้คือภาพถ่ายบรรยากาศหอศิลป์เมื่อวาน เธอกดเข้าไปดูเพราะคิดว่าน่าจะมีภาพตัวเองติดอยู่ที่ขอบเฟรมสักภาพ แต่กลายเป็นว่ามีภาพที่เธอยืนเด่นอยู่ภาพหนึ่ง
เป็นตอนที่เธอกำลังดูงานภาพถ่าย cyanotype นั่นและข้างหลังเป็นโมชันเบลอ ๆ ของเขาในเสื้อสีน้ำเงินตัวนั้น กับเธอคนนั้นที่กำลังเดินอยู่ข้างกัน
เธอเซฟรูปนั้นลงในมือถืออย่างไม่ลังเล เพราะในที่สุด ก็มีวันที่เธอกับเขาได้อยู่ร่วมกันสักที แม้จะแค่ในเฟรมภาพเดียวกันเท่านั้น
และเธอก็รู้ในทันทีว่า สีน้ำเงินที่ประทับใจเธอมากที่สุด และอยู่ในใจมาโดยตลอด ไม่ใช่สีน้ำเงินที่เกิดจากเทคนิค cyanotype
แต่คือสีน้ำเงินของเขาคือเขาที่เธอจะไม่มีวันจะได้มองเต็มสองตาของเธอ และทำให้เขาได้รู้ว่า
เธอหลงใหลสีน้ำเงินนี้มากแค่ไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in