เรามาเข้าเรื่องที่เพื่อนผมเล่าให้ฟังนะครับ ผมบอกเขาว่าพวกคุณสนใจเรื่องบันไดนั่นมาก และคุณก็โชคดีมากเลยนะที่เพื่อนผมเคยเผชิญหน้ากับมันใกล้ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีคำอธิบายถึงที่มาของมันแต่เขาก็มีประสบการณ์กับสิ่งนั้นมากกว่าผม
* เพื่อนของผมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและกู้ภัยมานานกว่า 7 ปี เขาเริ่มงานตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเองก็มีประสบการณ์คล้ายกันกับผมในครั้งแรกที่ได้เห็นบันไดพวกนั้น นั่นก็คือ เทรนเนอร์ของเขาบอกเขาอย่างที่เทรนเนอร์ของผมเองก็บอกผมว่า "อย่าเข้าไปใกล้" "อย่าจับ" หรือ "อย่าเดินขึ้นไป" ในปีแรกที่เขาทำงานเขาก็ทำตามที่บอก แต่หลังจากนั้นความสงสัยใคร่รู้ก็ชนะ
เพราะงั้นในงานหนึ่งเขาจึงออกจากกลุ่มและตั้งใจเดินไปเพื่อสำรวจบันได เขาบอกว่าตอนนั้นเขาอยู่ระหว่างภารกิจค้นหาผู้สูญหายอยู่ เขาและกลุ่มเจ้าหน้าที่อยู่ไกลจากเส้นทางที่เด็กสาวคนหนึ่งหายตัวไปประมาณ 10 ไมล์ เพราะสุนัขดมกลิ่นได้นำทางมาทางนี้ เขาเดินอ้อยอิ่งตามหลังกลุ่มอยู่ในขณะที่เขามองเห็นบันไดหลังหนึ่งอยู่ทางซ้ายมือของเขา บันไดนั้นดูเหมือนยกมาจากบ้านใหม่เอี่ยมเลยเพราะว่าพรมที่ปูบันไดอยู่ยังขาวสะอาดและอยู่ในสภาพเหมือนไม่เคยถูกใช้งาน เขาเล่าต่อว่าเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกหรือได้ยินอะไรประหลาดๆ เขาเองก็แอบคิดอยู่ว่ามันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น อย่างเช่น เลือดออกจากหู หรือคงเป็นลมล้มพับไป แต่เมื่อเขาไปยืนข้างๆ บันไดใกล้ๆ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรผิดปกติ อย่างเดียวที่เขารู้สึกว่ามันแปลก ตามที่เขาบอกก็คือ มันไม่มีเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกอะไรบนขั้นบันไดเลย
ไม่มีฝุ่น เศษใบไม้ ผง หรืออะไรหล่นอยู่เลย ไม่มีแม้แต่สัญญานว่ามีสัตว์หรือแมลงตัวไหนเคยมาทำอะไรแถวนี้เลย ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกมาก เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะหลีกเลี่ยงเข้าใกล้บันไดพวกนี้ อีกอย่างบันไดมักอยู่จะโผล่ให้เห็นในพื้นที่ที่เป็นส่วนที่ค่อนข้างแห้งแล้งของป่าด้วยล่ะ เขาเอามือแตะบันได ไม่มีอะไรผิดแผกนอกจากความรู้สึกเหนียวๆ มือเหมือนเวลาเราสัมผัสพรมใหม่ เขาเช็กวิทยุของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่ายังเปิดมันไว้ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดนั่นอย่างช้าๆ แวบแรกเขารู้สึกกลัวมากเพราะมีความรู้สึกฝังใจกับมันตลอดมาว่ามันอันตราย เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาเหมือนกัน เขายังพูดติดตลกว่าครึ่งหนึ่งในหัวเขาคาดว่าตัวเองจะถูกดูดไปยังอีกมิติหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งคิดว่าจะมียูเอฟโอลงมารับเขาไป แต่เขาก็ขึ้นไปถึงขั้นบนสุดจนได้แล้วทอดสายตามองไปรอบ ๆ ป่า
แต่ ... เขาพูดว่า ยิ่งยืนอยู่บนนั้นนานแค่ไหน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรที่ผิดพลาดมากขึ้นเท่านั้น เขาอธิบายความรู้สึกว่าเหมือนเวลาคุณเข้าไปในสถานที่ราชการ แต่คุณไม่ได้มีธุระกงการอะไรที่นั่น มันเหมือนกับว่าอาจจะมีบางคนบุกมาจับตัวคุณไปหรือยิงหัวคุณจากข้างหลังในนาทีใดนาทีหนึ่งก็ได้ เขาพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไปจากหัวแต่มันกลับยิ่งชัดเจน แล้วเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เสียงของป่าหายไป เขาไม่ได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง มันเหมือนอาการหูอื้อที่แปลกประหลาดและน่ากลัว เหมือนคุณถูกบีบอัด เขาปีนกลับลงมาและเดินกลับเข้ากลุ่มค้นหาอีกครั้ง โดยไม่ได้เล่าให้ใครฟังว่าเขาทำอะไรลงไป
ส่วนที่ประหลาดที่สุดเกิดขึ้นหลังจากนี้ เทรนเนอร์ของเขารออยู่ที่จุดต้อนรับนักท่องเที่ยงหลังจากการค้นหาในวันนั้นสิ้นสุดแล้ว ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เขาก็ต้อนเพื่อนผมจนมุม เพื่อนผมเล่าว่าเทรนเนอร์ของเขาดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาก จนต้องถามออกไปว่า มีอะไร "นายขึ้นไปบนนั้นใช่มั้ย?" เทรนเนอร์พูดขึ้น แต่เพื่อนผมบอกว่ามันเหมือนไม่ใช่ประโยคคำถาม เขาจึงถามเทรนเนอร์ไปว่ารู้ได้อย่างไร เทรนเนอร์ส่ายหน้าและพูดว่า "เพราะว่าเราหาตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่พบ พวกหมาอยู่ๆ ก็ดมกลิ่นไม่เจออีก" เพื่อนของผมถามว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่เทรนเนอร์ก็ถามอีกว่าเขาอยู่บนบันไดนานแค่ไหน เพื่อนผมตอบไปว่าไม่เกินหนึ่งนาที เทรนเนอร์ส่งสายตาน่ากลัวและเยือกเย็นมาให้เขา แล้วบอกเขาว่าถ้าเขาขึ้นบันไดพวกนั้นอีกครั้ง เขาจะถูกไล่ออก แล้วครูฝึกก็เดินออกไปทันที ผมเดาว่าเขาไงไม่เคยตอบคำถามใด ๆ ที่เพื่อนของผมถามเขาตั้งแต่นั้นมา
-----------------------------------------
เพื่อนของผมเข้าไปมีส่วนในเคสคนหายสาบสูญแบบที่ไม่พบแม้แต่ร่องรอยเลยจำนวนค่อนข้างมาก ผมพูดชื่อ David Paulides ให้เขาได้ยิน เพื่อนผมยืนยันว่าเรื่องที่เดวิดเล่าส่วนใหญ่นั้นตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เช่น ถ้าเราไม่พบตัวคนหายในทันทีทันใด นั่นแปลว่าเป็นไปได้สูงที่เราจะไม่มีทางเจอเขาเลย หรือจะเจออีกครั้งก้ต่อเมื่อผ่านไปหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือหลายปี ในที่ที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เรื่องหนึ่งที่โดดออกมาในความคิดเขา เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กชายอายุห้าขวบที่มีความบกพร่องทางจิตขั้นรุนแรง
-----------------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in