เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
a mixtape for a friendyour basic trash
แปลเพลง THE 1975 - Sincerity Is Scary


  • Title: Sincerity Is Scary 
    Artist: The 1975
    Album: A Brief Inquiry Into Online Relationships


    Sincerity Is Scary ผลงานเพลงที่ 3 จาก A Brief Inquiry Into Online Relationships อัลบั้มที่ 3 จากสี่หนุ่มจากแมนเชสเตอร์ The 1975 ในเพลงนี้ยังคงพูดถึงเรื่องของความสัมพันธ์ ในเพลงนี้พูดถึง Sincerity หรือความจริงใจที่น่ากลัวของคนในสังคมยุคปัจจุบันที่เข้าหากันและกันโดยใช้ความจริงใจแต่ความจริงแล้วแค่แสร้งทำหรือประชดประชันเพียงเท่านั้น แมตตี้เรียกการประชดประชันแบบนี้ว่าเป็นการประชดประชันแบบ Postmodern way หรือวิถีของคนในยุคนวนิยม หรือยุคหลังจากยุคโมเดิร์นที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมจนถึงยุคปัจจุบัน เนื้อหาในเพลงนี้โดยสรุปแล้วพูดถึงความสัมพันธ์ของคนในยุคนี้จากมุมมองของแมตตี้ ที่ความจริงใจเป็นเรื่องน่ากลัวเมื่อการพูดตรง ๆ เป็นความกลัวที่หลายคนไม่กล้าทำกับอีกฝ่าย เกิดเป็นการประชดประชันอย่างจริงใจที่ทำให้ความสัมพันธ์ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว

    *** หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คอมเมนต์ไว้ข้างล่างติชมได้เสมอ 


    LYRICS & TRANSLATION


    And irony is okay, I suppose, culture is to blame
    You try and mask your pain in the most postmodern way
    You lack substance when you say
    Something like, "Oh, what a shame"
    It's just a self-referential way that stops you having to be human
    I'm assuming you'll balloon when you remove the dirty spoon
    And start consuming like a human, that's what I am assuming


    การประชดประชันกลายเป็นเรื่องปกติ ผมเดาว่าคงต้องโทษวัฒนธรรมอีก
    คุณพยายามและปกปิดความเจ็บปวดด้วยวิธีอย่างคนในยุคนวนิยม
    คำพูดของคุณฟังดูไม่มีน้ำหนัก
    เหมือนตอนที่คุณพูดว่า " โอ้ นั่นช่างน่าอับอาย"
    มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัวเองที่หยุดคุณจากการเป็นคน
    ผมเดาว่าคุณคงจะตัวโตขึ้นถ้าคุณเลิกใช้ช้อนที่สกปรกนั่น
    แล้วเริ่มกินอาหารเหมือนคนทั่วไป นั่นแหละที่ผมคาดเอาไว้

    • "You lack substance when you say something like, "Oh, what a shame" ท่อนนี้ The 1975 เหมือนจะย้อนกลับไปวิจารณ์ตัวเอง จากคำว่า what a shame ที่ได้ยินกันบ่อย ๆ ในเพลงของพวกเขาอย่าง Love Me, Paris, The Ballad of Me and My Brain ที่ให้เหตุผลว่าการที่พูดออกมาแค่ว่ามันน่าอับอายจังนะ ก็ไม่ได้เป็นคำที่มีความหมายอะไรและไม่มีประโยชน์อะไรกับคนฟังด้วย เหมือนเป็นการพูดส่ง ๆ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ 
    • "It's just a self-referential way that stops you having to be human" ต่อเนื่องจากท่อนก่อนหน้าที่มีการวิจารณ์ผลงานเพลงก่อนหน้าของตัวเอง Self-reference คือ การอ้างอิงถึงเรื่องของฝ่ายเดียว หรือการการที่ไม่ได้คิดหรือสนใจเรื่องของคนอื่นหรือสังคม โดยพวกเขากล่าวว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ผลงานของพวกเขาอาจทำให้วงถูกมองว่าเป็นวงที่ไม่มีน้ำหนักทางคำพูด พูดจาติดตลก โดยไม่โฟกัสปัญหาจริง ๆ ที่ต้องการจะสื่อผ่านงานจริง ๆ 
    • "I'm assuming you'll balloon when you remove the dirty spoon" balloon ในที่นี้เป็นคำกริยาแปลว่าขยายตัวหรือเพิ่มน้ำหนัก dirty spoon หมายถึง ช้อนที่ใช้บดหรือชงยาเสพติดก่อนใช้เสพ



    I'm sure that you're not just another girl
    I'm sure that you're gonna say that I was sexist
    I feel like you're running out of all the things I liked you for


    ผมมั่นใจว่าคุณไม่ใช่แค่ผู้หญิงอย่างคนอื่น
    ผมมั่นใจว่าคุณกำลังจะบอกว่านั่นฟังดูเหยียดหยาม
    ผมรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ผมชอบในตัวคุณเริ่มจะหายไป

    • "I'm sure that you're not just another girl. I'm sure that you're gonna say that I was sexist" แมตตี้พยายามที่จะเอ่ยชื่นชมอีกคนแต่นั่นทำให้อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกว่าเขาคิดแบบที่พูด เชื่อมโยงกับที่เขาบอกว่าความจริงใจมันน่ากลัว และการพูดตรง ๆ ไปแบบนี้ที่ไม่ได้การตอบรับที่ดีกลับมาทำให้หลายคนคิดว่าคงดีกว่าถ้าไม่ทำ


    Why can't we be friends, when we are lovers?
    'Cause it always ends with us hating each other
    Instead of calling me out, you should be pulling me in
    I've just got one more thing to say


    ทำไมเราจึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เมื่อเราเป็นคนรักกัน?
    เพราะว่ามันจบที่เราเกลียดกันเองเสมอ
    แทนที่จะมองผมในแง่ร้ายทำไมไม่ลองดึงผมเข้าไปพูดคุย
    ผมมีแค่อีกอย่างหนึ่งที่จะพูด

    • "Instead of calling me out, you should be pulling me in" ท่อนนี้อ้างถึงวัฒนธรรมบนอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า callout ที่เป็นเหมือนม็อบบนอินเตอร์เน็ต ยกตัวอย่างเช่น เวลามีคนพูดอะไรไม่ดีหรือทำอะไรที่ไม่ได้เป็นที่พอใจสำหรับคนส่วนใหญ่ ก็จะมีคนออกมาว่าหรือบางคนอาจโดนลากไปรุมกันจนเป็นปัญหาใหญ่โตเหมือนที่เห็นในโซเชียลในปัจจุบัน โดยเปรียบเทียบเรื่องนี้เข้ากับเรื่องของความสัมพันธ์ โดยท่อนนี้แมตี้พูดถึงอีกฝ่ายที่ควรมองข้ามเรื่องลบ  ๆ หรือเรื่องแย่ ๆ ในความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่ ควรหันหน้ามาคุยกันและอธิบายกันแทนที่จะตัดสินไปเองเลยว่าเรื่องที่เห็นเป็นแบบที่อีกฝ่ายคิดตลอด (x)


    And why would you believe
    You could control how you're perceived
    When at your best you're intermediately
    Versed in your own feelings?
    Keep on putting off conceiving
    It's only you that you're deceiving
    Oh, don't have a child, don't cramp your style, I'll leave it


    แล้วทำไมคุณถึงเชื่อล่ะ
    คุณสามารถควบคุมสิ่งที่คุณรู้ได้
    เมื่อมันดีที่สุดแล้วเวลาคุณเป็นกลาง
    รับรู้ถึงความรู้สึกตัวเองไหม?
    ปฏิเสธการมีลูกกันต่อไป
    มันก็แค่คุณนั่นแหละที่หลอกลวงตัวเอง
    โอ้ อย่ามีลูกเลยนะ อย่าตัดโอกาสชีวิตตัวคุณ ผมจะพูดทิ้งไว้ละกัน

    • "When at your best you're intermediately. Versed in your own feelings?" ท่อนนี้พูดถึงอีกคนที่เอาแน่เอานอนกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะให้คนอื่นรู้จักเธอแบบไหนได้ 
    • "Keep on putting off conceiving. It's only you that you're deceiving" ท่อนนี้ยกตัวอย่างความคิดของคนในยุคปัจจุบันที่คิดว่าการมีลูกจะทำให้อิสระหายไป และทำให้เราแก่ลง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วจะมีหรือไม่มีลูกเราก็แก่ลงเป็นปกติตามธรรมชาติอยู่แล้ว (x)



    Why can't we be friends, when we are lovers?
    'Cause it always ends with us hating each other
    Instead of calling me out, you should be pulling me in
    I've just got one more thing to say


    ทำไมเราจึงเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เมื่อเราเป็นคนรักกัน?
    เพราะว่ามันจบที่เราเกลียดกันเองเสมอ
    แทนที่จะมองผมในแง่ร้ายทำไมไม่ลองดึงผมเข้าไปพูดคุย
    ผมมีแค่อีกอย่างหนึ่งที่จะพูด




    I'm just pissed off because you pied me off
    After your show when you let go of my hand
    In front of some sket who wanted to bitch

    ผมแค่โกรธเพราะคุณทิ้งผมไป
    หลังจากการแสดงของคุณจบลงเมื่อคุณปล่อยมือผมออกไป
    ต่อหน้าต่อตาพวกผู้หญิงที่จ้องจะงาบผม

    • "After your show when you let go of my hand" show ในที่นี้อาจจะหมายถึงการกระทำที่อยู่ท่ามกลางสายตาสาธารณชนเพื่อเรียกร้องความสนใจ เช่นในท่อนนี้อาจจะเป็นอีกฝ่ายที่พยายามผลักไสหรือปล่อยมือคนรักของเธอไปต่อหน้าต่อตาคนอื่นโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรัก 
    • "In front of some sket who wanted to bitch" "sketh" เป็นคำแสลงของชาวอังกฤษที่ใช้เรียกผู้หญิงที่มีอายุ 20 ต้น ๆ ที่พร้อมจะนอนกับคนไปทั่วโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย 


    playlist เพลงอื่นที่อยากให้ฟัง ()]

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
flymetothemoon (@fb1076021826228)
ถึงกะต้องล็อกอินมากดหัวใจให้ แปลดีมากก
your basic trash (@NotChoo)
@fb1076021826228 โหยย ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ดีใจมากก
whisperblink (@whisperblink)
ชอบที่มีทั้งแปลทั้งอธิบายด้วย เราอยากรู้มุมนี้มานานแล้ว
your basic trash (@NotChoo)
@whisperblink ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ T_T (ช้าหน่อยแต่ขอบคุณนะคะ)
Thanapon NotLikethis (@fb9245721944084)
ชอบตรงทีั่อธิบายแปลอีกทีมีประวัติทำให้เข้าใจได้มากขึ้น แล้วเราชอบอ่านด้วยอะ ละเอียด ดูใส่ใจดีหม๊ากกก ♥
your basic trash (@NotChoo)
@fb9245721944084 ขอบคุณมาก ๆ นะคะ :D
kuro07kuro (@kuro07kuro)
แปลออกมาน่าอ่านมากเลยค่ะ ใช้คำสวย เก็บรายละเอียดดีมากเลยค่ะ เพลงอื่นก็แปลดีเหมือนกัน
your basic trash (@NotChoo)
@kuro07kuro โหยดีใจมากก ขอบคุณมากเลยนะคะ <33
Fai Kawinna (@fb2158979530792)
พึ่งได้ดูเอ็มวีไป กลับมาหาความหมายเพลง แปลดีมากเลยค่ะ ???
your basic trash (@NotChoo)
@fb2158979530792 ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านแล้วเข้าใจนะคะ ;___ ;
svartxtq (@svartxtq)
ล็อกอินเข้ามา thumps up ให้เลยค่ะ แง้ แปลดีมากๆ ตอนแรกเราอ่านเนื้อแล้วเราไม่เคลียร์เท่าไรเลยลองหาคำแปลดู ของคุณแปลดีมากๆเลย ละเอียดจนคนอ่านเข้าใจบริบทภาษา จากเพลงเพราะๆยิ่งมีความหมายที่ดีมากขึ้นด้วย (วิ่งไปตามฟอลเพลย์ลิสต์ใน spotify)
your basic trash (@NotChoo)
@svartxtq โหย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่อุตส่าแวะมาอ่านแล้วมาคอมเมนท์แบบนี้อีก มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย ดีใจมากก
0310 (@kc_awe)
ชอบการแปลมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับรายละเอียดนะคะ ทำให้เข้าใจเพลงได้มากขึ้นเลย
your basic trash (@NotChoo)
@kc_awe ดีใจที่เข้ามาอ่านแล้วชอบนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เหมือนกันนะ :D
บังเอิญเข้ามาเจอ ชอบการแปลของคุณมากเลยค่ะ
ไว้จะแวะเข้ามาบ่อยๆ
your basic trash (@NotChoo)
@pytcha โหย ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ดีใจที่เข้ามาอ่านนะคะ
tixxbi (@tiacht)
ชอบเพลงนี้ที่สุดในบรรดาเพลงใหม่ที่ปล่อยมาลองแปลเองแล้วงงสุดรู้สึกแปลกๆไม่ตรงใจเท่าไรมันไม่ได้แบบนี้อ่ะขอบคุณสำหรับคำแปลและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ให้มานะคะ
your basic trash (@NotChoo)
@tiacht เราก็อ่านมาจากที่เขาวิเคราะห์กันอีกที มาแปลเก็บไว้เผื่อมีคนสนใจเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะ♡♡♡
J (@jjennxsa)
ขอบคุณนะคะ กำลังรอเลย <3
your basic trash (@NotChoo)
@jjennxsa เย้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ♡
orion (@otfxocc)
เรากำลังรอคุณแปลอยู่เลยค่ะ แง พอตัวเองแปลแล้วดีใจมากๆที่ใส่รายละเอียดบางอย่างที่เรายังไม่รู้ไว้ด้วย ยังไงก็ขอบคุณนะคะ♡
your basic trash (@NotChoo)
@otfxocc โหยดีใจมากที่ได้แปลให้อ่านเหมือนกันนะคะ ขอบคุณมากเลย♡♡
Lynli (@lynli)
ฮือ ชอบการมีคำอธิบายต่างๆ เข้าใจเพลงขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
your basic trash (@NotChoo)
@lynli ดีใจที่สนใจเหมือนกันนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลย ♡♡
Chonpisit Rodbunkerd (@fb1863218903794)
ขอบคุณมากนะครับ ที่นำเพลง THE1975 มาแปลบ่อยๆแถมแปลได้ละเอียดครบถ้วนมาก
your basic trash (@NotChoo)
@fb1863218903794 ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์เช่นกันนะคะ ไว้จะมาแปลอีกบ่อย ๆ เลย เผื่อมีคนสนใจเหมือนกันแบบนี้อีก ♡
liuyiliuba (@liuyiliuba)
เรากำลังรอคนแปลเพลงนี้อยู่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ เพลงนี้เพราะมั่ก! แปลและอธิบายละเอียดดีมากเลยค่ะ ˃ᴗ˂
your basic trash (@NotChoo)
@liuyiliuba โหยยย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ♡♡♡