"ไปเที่ยว?"
เพื่อนๆ ที่ทำงานสอบถามเมื่อเห็นผมหอบกระเป๋าเดินทางมาที่ทำงานเมื่อเช้า "เปล่า ไปดูคอนเสิร์ต"
หลายคนได้ข่าวก็รุมกันมาหาที่โต๊ะ เฮ้ยมันประหลาดตรงไหนวะ
"เฮีย ไปญี่ปุ่นทีไปแค่สามวัน รวยใช่ปะ?"
ผมแค่หัวเราะหึๆ ในลำคอ ตอนนี้กรูไม่มีทั้งสติทั้งสตังค์ "ไมวะ สามวันไปไม่ได้เหรอ"
"ได้น่ะได้ แต่ตั๋วมันแพงสิ ไปทีก็ไปให้คุ้ม"
ผมว่าคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนะ คำว่าคุ้มของแต่ละคนไม่เหมือนกันมั้ย
ผมไปโตเกียวครั้งแรกเมื่อกุมภานี่เอง ช่วงเปลี่ยนงาน ไปนอนบ้านเพื่ินที่ย้ายสำมะโนครัวหอบลูกสองคนหนีความรักพังๆ ไปสร้างชีวิตใหม่ที่โน่น
เมื่อต้นทุนความรักของมันหมด การเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ ได้มาเท่าไหร่ก็ไม่อาจนับว่าขาดทุน ยิ่งตอนนี้ลูกมันก็โตพอควรแล้ว มันเก็บเล็กเก็บน้อยจากงานล้างจาน หลายปีผ่านไปกลายเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัยได้
"กูนับถือมึงว่ะ ทำได้ไงวะ?" ผมบอกกับเพื่อนคนนี้ที่มีลูกตั้งแต่ยังไม่จบมหาวิทยาลัยดี
"แล้วตอนนี้ยังได้ร้องเพลงอยู่มั้ยวะ?" มันเป็นนักร้องเสียงระดับนางฟ้าเมื่อสมัยมหาวิทยาลัย
"เหี้ย แค่เลี้ยงลูกกับทำงานนี่กูก็ไม่มีปัญญาทำอะไรแล้ว" เพื่อนผมตอบ แต่แม้มันจะยุ่งแค่ไหน มันก็สละเวลาพาเพื่อนที่หัวใจพังๆ ไปเที่ยวตั้งหลายวันเมื่อสามเดือนที่แล้ว
ผมกลับจากโตเกียวได้สองสามวันก็เห็นข่าวนั้นในอีเมล์
Moon safari live in Tokyo
23 June 2017
บัดซบ-ทิกเก็ตพิง !
วง Moon safari เป็นกลุ่มนักดนตรีจากสวีเดนที่กำลังสร้างชื่อเสียงในแวดวงนักฟังเพลงสาย Progressive Rock ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่ niche แบบเชี่ยๆ ทั้งโลกนี้มีคนฟังแนวนี้อย่างออกหน้าออกตาไม่น่าจะเกินแสนคน
ส่วนใหญ่อายุระดับตีนกาไต่หน้าทั้งนั้น เพราะมันเคยเป็นกระแสในยุคปลายๆ 60 จนถึง 70
ทุกวันนี้ก็ยังมีแนวนี้บ้าง แต่ไม่ค่อยมีคนฟังเพราะมันยาก ดนตรีมันซับซ้อน ส่วนใหญ่คนฟังก็ประมาณนักดนตรีด้วยกันที่จะบริโภคความยากเหล่านั้นได้ บางเพลงยาวเกือบครึ่งชั่วโมง (ที่ยาวสุดที่ผมฟังคือ 78 นาทีเพลงเดียว!)
คือนอกจากคุณจะต้องเข้าใจดนตรีแล้ว คุณยังต้องใช้ passion ในการเสพด้วย
กลับมาที่ Moon safari แป้บนึง
วงนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น Progressive rock รุ่นใหม่ที่เขียนเพลงได้ละเมียดละไม ติดกลิ่นอายของ Beatles มาอย่างแรง แต่สามารถเล่นเคร่ืองดนตรีได้กว้างคือมีส่วนผสมทั้ง Rock Classic Jazz และ Blues อย่างลงตัว ถ้าจับนักดนตรีแต่ละคนมาเล่นเดี่ยวๆ คงไม่ติดอันดับหนึ่งพันของโลก แล้วทุกคนประสานเสียงกันแบบ acapella ได้ แม้กำลังเล่นโน้ตที่ยุ่งเหยิงของตัวเองบนเครื่องดนตรีอยู่
แต่บางอย่าง อะไรที่ธรรมดาๆ พอเอามารวมกันแล้วกลับดีกว่า
ที่สำคัญ วงนี้เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กครับ ไม่ได้ถูกค่ายเพลงจับมารวมตัวกัน หลายคนเป็นพี่น้องคลานตามกันมาด้วยซ้ำ
ผมไม่สามารถบอกสิ่งเหล่านี้ให้คนในที่ทำงานฟังได้ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจ passion ของผม
พวกเขามองผมด้วยสีหน้าทึ่งแกมพิศวงเมื่อรู้ว่าผมเอาเวลากลางค่ำกลางคืนไปเขียนหนังสือ เขียนกลอน เขียนเพลง
แต่เมื่อมีใครพูดอะไรขึ้นมา สีหน้าเหล่านั้นก็หายไปได้ทันที ทุกคนกระโดดใส่หัวข้อสนทนาใหม่อย่างรวดเร็ว
ในความรับรู้ของทุกคน ผมก็แค่คนแปลกๆ คนหนึ่งที่ยอมจ่ายเงินไปดูคอนเสิร์ตถึงญี่ปุ่น
ผมไม่รู้ว่าคนในเมืองหลวงเขาไม่รู้จักอารมณ์ที่เรียกว่า Passion หรือเปล่า
หรือทุกความยากในชีวิตต้องถูกย่อย จนเหลือคำอธิบายแค่ "พี่เขาติ้ด"
ไม่รู้ล่ะ เครื่องใกล้ออกแล้ว
See you in six hours Tokyo!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in